ตอนที่ 263 ขัดใจนาง

คนรับใช้ตระเตรียมรถม้า ซูหวานหว่านพลันนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ วันนี้วิ่งวุ่นอยู่นานสองนาน และเพื่อไม่ให้ฉีเฉิงเฟิงตามมา นางจึงสั่งให้คนรับใช้เตรียมน้ำร้อน ให้เขาได้พักดื่ม แช่น้ำพักผ่อนอยู่ในห้อง ส่วนตนเองจะเป็นคนไปยังเรือนอัครเสนาบดี

เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยามก็ยังไม่ถึงจวนอัครเสนาบดี ด้วยการเดินทางหยุดชะงักอยู่บนถนน ติด ๆ ขัด ๆ ไม่ขยับเขยื้อน ซูหวานหว่านเปิดม่านออกไปดูก็พบว่าด้านหน้ามีรถม้าจำนวนสิบกว่าคันหยุดอยู่ด้านหน้า มองดูแล้วเหมือนกันไม่สามารถเคลื่อนผ่านไปได้ หญิงสาวสอบถามคนบังคับรถจึงได้รับรู้ว่าจากตรงไปยังจวนอัครเสนาบดียังต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งถ้วยชา

เพิ่งแค่ก้าวเท้าลงไป แส้ก็พุ่งเข้ามาหานางทันที! ทันใดนั้นเสียงแหลมของหญิงสาวก็ดังขึ้น “สตรีแต่งกายคร่ำครึแบบเจ้าเช่นนี้มาจวนเสนาบดีด้วยทำไมกัน? รีบพารถของพวกเจ้าออกไปจากที่นี้ซะ! อย่ามาขวางทางคุณหนูของข้า!”

เมื่อซูหวานหว่านหันกลับไป ก็พบเด็กสาวคนหนึ่งกำลังขี่ม้าตรงเข้ามา แส้เส้นยาวฟาดลงมาบริเวณหัวของนาง! หญิงสาวยกมือขึ้นขวางไว้ด้วยความรวดเร็ว พริบตาเดียวแส้ก็ตกอยู่ในกำมือของนาง ในขณะนั้น เด็กสาวก็รู้สึกว่าแส้ในมือของตนเองเหมือนกับผ้าฝ้าย ไม่มีเสียงใด ๆ เกิดขึ้น ใบหน้าของอีกฝ่ายเองก็ไร้ความรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เด็กสาวตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะออกแรงกระตุกแส้ของตนกลับมา แต่กลับรู้สึกราวกับแส้เส้นนั้นหนักเป็นพันชั่ง มันไม่แม้แต่จะขยับเลยมากแต่น้อย

“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาดูหมิ่นคุณหนูอย่างข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร!” เด็กสาวตะโกนลั่น เบิกตากว้างต้องมองซูหวานหว่าน

“ข้าไม่รู้” ซูหวานหว่านเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก พลันปล่อยแส้ภายในมือ ทำให้เด็กสาวสูญเสียกำลังและสมดุล จึงตกลงมาจากหลังม้าด้วยความรวดเร็ว

“โอ๊ย…” เด็กสาวเจ็บจนร้องออกมา นางค่อย ๆ ตะเกียกตะกายขึ้นมาจากบนพื้นจ้องมองซูหวานหว่านแล้วตะโกนออกมา “ใครก็ได้! จับนางเอาไว้ที! แล้วโยนลงไปในทะเลสาปน้ำแข็ง!”

“แม่นางน้อย! เจ้าช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน” ซูหวานหว่านส่ายหัว ทำปากขมุบขมิบ แล้วเอ่ยออกมาเสียงเบาหนึ่งประโยค ใช้พลังวิเศษสื่อสารกับม้าเพื่อถามอะไรบ้างอย่างจากมัน และก็ได้รู้ว่านางคือคุณหนูแห่งตระกูลเย่ เย่ชิงซินที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกับกับนายน้อยเย่ที่พยายามชิงตัวนางก่อนหน้านี้

ทำไมสมาชิกในตระกูลเย่จึงได้จองหองพองขนเช่นนี้? ซูหวานหว่านจึงถามออกมาด้วยน้ำเสียงแฝ่วเบา “เจ้าม้าเด็กดี สั่งสอนนางสักหน่อยเถอะ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้้ เจ้าม้าตัวนั้นก็เงยหน้าขึ้นส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยก่อนจะย่ำเท้าเข้าไปหาเด็กสาวทันที

“กรี๊ด! ช่วยด้วย!” เย่ชิงซินกรีดร้องออกมาพร้อมทั้งยกมือปกปิดใบหน้า แต่แล้วก็ไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ เกิดขึ้น นางตกใจจนเบิกตากว้าง และก็พบว่าม้าตัวนั้นกำลังย่ำเท้าเข้ามาหานาง! มันกำลังเหยียบอยู่บนผมของนาง และค่อย ๆ เดินจากไป

เสียงร้องของเย่ชิงซินดังขึ้นจนผู้คนเริ่มให้ความสนใจ เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ก็รีบพูดออกมา “ม้าของตระกูลเย่ทรงพลังและชาญฉลาดนัก! มันไม่ทำร้ายเจ้านายของตนเองอย่างแน่นอน!”

“ใช่!”

“…”

เมื่อได้ยินคำสรรเสริญเยินยอเช่นนี้ เย่ชิงซินก็รู้สึกดีใจที่ม้าไม่ทำร้ายนาง แต่ทันใดนั้นนางก็เห็นม้าแยกขาออก และมีเสียงฟี้ดดังขึ้น ม้าตัวนั้นกำลังฉี่ใส่หน้าของนาง!

คิดไม่ถึงว่าม้าตัวนี้จะทำเช่นนี้! ซูหวานหว่านไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของตนเองเอาไว้ได้อีกต่อไป จึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขำขัน “คุณหนูรองเย่ ดูเหมือนว่าใบหน้าของเจ้าจะเหมือนกับห้องน้ำ แม้แต่ม้าก็ยังไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้และฉี่ใส่เจ้า!”

บางคนรู้สึกขบขันกับคำพูดของหญิงสาว! บางคนก็รู้สึกว่าตระกูลเย่มีอำนาจมากและต้องการเอาอกเอาใจ จึงรีบเอ่ยออกมาว่า “ม้าไม่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ เจ้าก็ไม่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์งั้นหรือ? เหตุใดถึงได้มัวแต่ยืนดูเรื่องน่าขันนี้! หากเป็นข้า ข้าจะเข้าไปรับฉี่ม้าแทนคุณหนูรอง!”

“หื้อ?” เรื่องแบบนี้ยังมีคนต้องการแก่งแย่งกันทำด้วยเหรอ กลับกันนางไม่สามารถทำได้!

ซูหวานหว่านยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะเดินฝ่าวงล้อมฝูงชนไป แต่ก็ถูกชายคนที่เอ่ยประโยคเมื่อครู่ขวางเอาไว้ ทว่านางเพียงแค่ออกแรงถีบเล็กน้อยชายคนนั้นก็กระเด็นล้มลงนอนข้างกีบม้าแล้ว

“ในเมื่อเจ้าอยากจะช่วย ข้าก็จะทำให้เจ้าสมปรารถนา! ข้าหวังว่าคุณหนูรองเย่จะขอบคุณเจ้า” ซูหวานหว่านกล่าว เมื่อเห็นใบหน้าของเขาเปียกปอน นางก็มองดูอีกครั้งด้วยสายตาเย็นเยือก

ผู้คนเหล่านั้นไม่กล้าหัวเราะซูหวานหว่านอีกต่อไป พวกเขาต่างกังวลว่าตัวเองจะถูกหญิงสาวเล่นงานเข้าให้

ซูหวานหว่านเดินมุ่งหน้าไปทางจวนอัครเสนาบดี หากแต่ย่างก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็มีคนหนึ่งถึงสองคนเดินออกมาจากฝูงชนขวางนางเอาไว้ ดูเหมือนกับว่าจะมาสอบถามให้คุณชายกับคุณหนูของตระกูลตนเอง

“ท่านเป็นคุณหนูจากตระกูลใด?” เด็กรับใช้คนนึงเอ่ยถาม

“ฮูหยินกุ้ยมาแล้วหรือ?” เด็กรับใช้อีกคนเอ่ยถาม

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของนาง ดวงตาดำขลับของซูหวานหว่านกลอกไปมา เอ่ยออกมาว่า “พวกเจ้ามาถามชื่อแซ่ของข้าเช่นนี้มันไม่ไร้มารยาทไปหน่อยหรือ? ข้าสามารถบอกพวกเจ้าได้เพียงว่า แม่ของข้าแซ่จ้าว”

“หึ!” คุณหนู คุณชายที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินแซ่ของนาง “แม่ของเจ้าแซ่จ้าว? เช่นนั้นแล้วจะมีประโยชน์อันใด! เจ้าต้องบอกออกมาว่าพ่อของเจ้าแซ่อะไร!”

“พวกเจ้าจะสนใจไปไยกันว่าพ่อของนางแซ่อะไร!” คุณชายคนหนึ่งหัวเราะออกมาอย่างคล้อยตามผู้อื่น “ข้ามองดูแล้ว ตระกูลจ้าวที่ร่ำรวยในเมืองหลวงของมีเพียงตระกูลของจ้าวหย่วนว่าย*[1] เท่านั้น ทว่าจ้าวหย่วนว่ายไม่สมควรที่จะมาปรากฏตัวที่จวนอัครเสนาบดี! ตระกูลของนางมีหย่วนว่ายได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ได้มีอำนาจมากมายใด ๆ”

เมื่อกล่าวเช่นนี้ สายตาทุกคนต่างจับจ้องมายังซูหวานหว่านอย่างไม่อาจสงวนท่าทีเอาไว้ได้ ความเย้ยหยันเผยชัดในสายตาของพวกเขา ทว่าใบหน้าของซูหวานหว่านยังไม่เปลี่ยนไป หากกลับยืดตัวตรงและเอ่ยว่า “ตระกูลของข้าไม่มีอำนาจใดจริง ๆ แต่ว่า… ที่ข้ามาในวันนี้ เพราะข้ามีเทียบเชิญ”

“เทียบเชิญของเจ้าขโมยมาจากฮูหยินตระกูลใดกันเล่า?” คนเหล่านั้นต่างหัวเราะเยาะซูหวานหว่านราวกับเป็นเรื่องขบขัน ทำให้หญิงสาวแอบคิดว่าหากในมือของคนเหล่านี้เป็นตะกร้าผัก นางคงจะต้องทนทุกข์ทรมานจากผักเน่าเสียที่โจมตีมาอย่างแน่นอน!

“…”

ซูหวานหว่านจ้องมองฝูงชนเหล่านั้นอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะก้าวเดินไปอีกสองสามก้าว นายน้อยเหล่านั้นต่างขวางนางเอาไว้ “ตระกูลของเจ้าไม่มีทั้งอำนาจและอิทธิพล อีกทั้งสภาพของเจ้ายังซ่อมซอ ยังจะกล้าเข้าไปอีกเหรอ! หากทำให้ข้างในสกปรกพวกเราจะไม่เกรงใจอีกต่อไป!”

“อะไรนะ พวกเจ้าเป็นเจ้าของจวนอัครเสนาบดีงั้นรึ? ถึงมีคุณสมบัติมาห้ามข้า?” ซูหวานหว่านกอดถังโผจื่อแล้วใช้นิ้วเกี่ยวหูของมันขึ้นมา นางอดไม่ได้ที่จะกำราบความเย่อหยิ่งเหล่านี้!

เมื่อได้ฟังเหล่านี้ ทุกคนก็เงียบลง ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร และเมื่อเห็นซูหวานหว่านหยิบเทียบเชิญออกมาก็ต้องรู้สึกตกตะลึงระคนประหลาดใจ

ไม่รู้ว่าคนรับใช้ตระกูลใดไปบอกคนของจวนอัครเสนาบดี พลันมีชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมยาวสีเทาเดินออกมา และเอ่ยกับซูหวานหว่านพูดว่า “ข้าคือพ่อบ้านหวังแห่งจวนอัครเสนาบดี ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ข้าสามารถพูดแทนเหล่าคุณชายและคุณหนูเหล่านี้ว่า ไม่ให้เจ้าย่างก้าวเข้าไปในจวนอัครเสนาบดี! ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีเทียบเชิญ พวกเราก็สามารถยืดกลับคืนมาได้!”

พูดจบ เขาก็คว้าเทียบเชิญในมือของซูหวานหว่านกลับคืนนี้มา! ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงเย็นและโบกมือ “ไสหัวไป!”

“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเอ่ยออกมา เช่นนี้แล้วก็อย่ามาเสียใจก็แล้วกัน!” น้ำเสียงของซูหวานหว่านเย็นยะเยือกดุจธารน้ำแข็ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางรถม้าของตนเอง

“หึ! นางเป็นคนอย่างไรกัน! นางต้องการปะปนเข้าไปในจวนอัครเสนาบดีงั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!” พ่อบ้านหวังเอ่ยพร้อมกับเปิดเทียบเชิญ เมื่อมองดูดี ๆ ก็เกือบจะทำมันตกลงบนพื้น!

เขามองมันเพียงแวบเดียวจากนั้นก็รีบตามหญิงสาวไปอย่างรวดเร็ว “คุณหนูจ้าว! ปากข้าน้อยไม่รักดี! ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่! ข้าน้อยจะชดใช้ให้ท่านเอง!”

เมื่อได้ยินคำนี้ ทุกคนก็ต่างตกตะลึง ได้ยินมาว่าฮูหยินแห่งการค้าเกลือตระกูลฉินแท้จริงแล้วแซ่จ้าว! และยังได้ยินมาว่าฮูหยินจ้าวตามหาลูกสาวของตนเองพบแล้ว! ถึงแม้ว่ารูปโฉมของนางจะไม่งดงาม แต่ก็ทำให้องค์ชายสามหลงใหล!

ทุกคนมองไปยังซูหวานหว่านด้วยความหวาดกลัวที่ก่อเกิดขึ้น หากว่านางเป็นคุณนางจ้าวจริง ๆ พวกเขาต้องแย่แน่ ๆ!

เมื่อครู่พวกเขาทำให้นางขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก!

[1] 员外 หย่วนว่าย ตำแหน่งขุนนางจีนโบราณ