บทที่ 371 ห้าเมือง

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 371 ห้าเมือง
หลังจากที่มองอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นฉินเทียนขมวดคิ้ว 

เขานั้นพบบางอย่าง นั่นก็คือตระกูลจ้าวนั้น มีองครักษ์ไม่กี่คน ที่รูปลักษณ์นั้นน่ากลัว แต่ว่ายังไงสะก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีจากสายตาของเขา 

นั่นก็เพราะว่า พวกเขานั้นไม่ได้ใช้แรงอย่างเต็มความสามารถ

ในตอนแรกเริ่ม ฉินเทียนนั้นคิดว่า นี่คือเป็นแผนการยุทธศาสตร์ของพวกเขา ที่แกล้งทำเป็นโง่ แล้วหลังจากนั้นค่อยหาวิธีโจมตีกลับ

แต่เมื่อมองต่อไปเรื่อยๆ เขานั้นยิ่งขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่  

จนกระทั่งมีเสียงดังเพล้งออกมา ก่อนที่จะมีองครักษ์สิบกว่าคนนั้นได้ถูกกระแทกด้วยท่อนเหล็ก และใบหน้าที่เต็มไปด้วยเสียใจและยอมแพ้  

ในที่สุดเขานั้นก็แน่ใจกับเรื่องนี้  

นั่นก็คือ องครักษ์ของตระกูลจ้าวนั้น ไม่เพียงมีแค่คนเดียวเท่านั้น ที่ไม่อยากให้ตระกูลจ้าวนั้นชนะ

หรือว่า นี่จะเป็นการต่อสู้กันเองในตระกูลจ้าว? เบื้องหลังตระกูลจ้าวนั้น จะต้องมีคนที่ซื้อพวกองครักษ์พวกนี้ ที่อยากจะให้จ้าวเทียนเล่อนั้นพ่ายแพ้?  

ในการค้นพบนี้ แทบจะทำให้ฉินเทียนนั้นหัวเราะจนแทบอยากจะร้องไห้

ในเวลาเดียวกัน  ก็ทำให้รู้สึกเหมือนไม่มีความสนุกอีกต่อไป 

แกล้งต่อยกันจะไปมีความหมายอะไร  

ตูม!

ตูมตูม!

ข้างๆแม่น้ำนั้น ก็ได้มีเสียงดังส่งออกมา ผีหวูฉางโจมตีต่อเนื่องกันสามครั้ง จนทำให้ข่งหลงล้มลงไปนอนบนพื้น

บนหน้าของข่งหลงนั้นเต็มไปด้วยเลือด เสียงคำรามที่ต่ำ และอยากจะพยายามที่จะลุกขึ้นมา

เมื่อมองเห็นดังนั้นหลี่จื้อเจียน ตะโกนเสียงดังขึ้นมา “เพื่อนรักข่งหลง รีบยอมแพ้สะ!”

“ไม่อย่างงั้นข้าจะตีเจ้าจนตายนะ!”

เกือบแล้ว อีกนิดเดียวก็จะโดนมีดที่แหลมคมของเถียหนิงซวงนั้นแทงเข้าไป  

ข่งหลงนั้นรู้สึกลุ่มหลง ยิ่งโดนทุบตี ยิ่งทำให้โกรธแค้นมากขึ้น จนกระทั่งเขานั้นได้หยิบหินไม่กี่ก้อนนั้น ขว้างออกไปที่ผีหวูฉางอย่างดุเดือด

ผีหวูฉางนั้นโกรธมาก ก่อนที่จะพุ่งเข้าไป ก่อนที่จะจับขาของข่งหลงข้างหนึ่ง ยกขึ้น หลังจากนั้น ฟาดตุ๊บ!

ทุบลงไปที่ก้อนหินอย่างดุเดือด  

ผู้คนที่ล้อมรอบนั้น ต่างก็ตกใจกัน  

ในครั้งนี้ ก็ได้ใช้หัวสมองของข่งหลงนั้นทุบลงไปบนก้อนหินจนจะแตก

ผีหวูฉางโยนไป ก่อนที่จะโยนร่างศพนั้นไปยังแม่น้ำ  

สายตาของเขานั้นมีสีแดง สายตาที่เหมือนราวกับสนามรบ ที่เหมือนราวกับเทพเจ้าที่มาจากนรก

ด้วยวิธีดังนี้ องครักษ์คนอื่นๆของตระกูลจ้าวนั้น ต่างก็หมดกำลังใจที่จะสู้ อีกทั้ง เดิมทีพวกเขานั้นก็แทบจะพ่ายแพ้อยู่แล้ว

เหมือนกับองครักษ์เลี่ยวเจี๋ย เดิมทีนั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจุยเฟิง  

จุยเฟิงนั้นก็เพราะว่าค้นพบว่าเลี่ยวเจี๋ยนั้นไม่ได้ออกแรงอย่างถึงที่สุด ในใจก็อดสงสัย ดังนั้นในตอนต่อสู้ ก็อยากจะรู้ว่าจริงๆแล้วเลี่ยวเจี๋ยนั้นอยากจะเล่นอะไรกันแน่

ไม่งั้น เลี่ยวเจี๋ยคงจะแพ้ตั้งนานแล้ว

เสียงร้องโหยหวน ถงชวนได้หยิบวงทองแดงขึ้นมา ก่อนที่จะฟากลงไปบนหลังของหม่าถง

หม่าถงนั้นได้อ้าปากพ่นเลือกออกมา และยอมแพ้ไปในสนาม

เถี่ยปี้ หม่าหงเทาพวกเขานั้นต่างก็ชนะทั้งหมด 

ในตอนสุดท้าย จะมีเพียงเถี่ยปี้และหลี่จื้อเจียนเท่านั้นที่เป็นคู่ต่อสู้ระดับเดียวกัน

เมื่อเห็นพรรคพวกนั้นได้แพ้ไปหมดแล้ว หลี่จื้อเจียนรู้ดีว่าหากต่อสู้ต่อไปก็ไม่มีความหมาย เลยได้เอ่ยขอออกไปยังอีกด้านหนึ่ง  

ในสนาม ความอดกลั้นที่น่ากลัว  

คนของตระกูลจ้าวนั้น สีหน้าไม่ค่อยดี พวกเขานั้นได้มาพร้อมกำลังจำนวนมาก เดิมทีนั้นมาด้วยความหวัง ที่จะเอาหนานเจียงมาไว้ในกำมือ  

แต่ไม่คิดว่า จะมาแพ้อย่างน่าสมเพชเช่นนี้  !

เอ่ยได้เลยว่าแพ้อย่างราบคาบ!

แปะแปะแปะ  

เสียงดังให้กำลังใจดังขึ้น  

เทียนฉินนั้นยืนขึ้นแล้วเอ่ย “ เพื่อนยาก ต่อสู้ได้ไม่เลวเลยนะ”

“กลับไปแล้ว สามารถไปรับหัวแพะย่างได้เลยนะเนี่ย”

ก่อนที่จะจ้องไปยังจ้าวเทียนเล่อ แล้วเอ่ย “ผู้น้ำตระกูลจ้าว ชนะห้าเสมอหนึ่ง งั้นเมืองทั้งห้า ต้องเป็นของข้านะ”

“เป็นยังไงบ้าง อยากที่จะต่อสู้ต่อไปอีกไหม?”

จะไปต่อสู้บ้าอะไรกัน คนของตระกูลจ้าวนั้นไม่มีใครจะออกมาต่อสู้อีกแล้ว 

จ้าวเทียนเล่อนั้นจ้องเขม็งไปที่เทียนฉิน ก่อนจะเอ่ยกัดฟัน “ข้ายอมรับนะ ว่าข้านั้นประมาทเจ้าไป

“เจ้าวางใจเถอะ ข้าจ้าวเทียนเล่อนั้นไม่ใช่ว่าจะไปเล่นด้วยไม่ได้สะหน่อย ภายในสิบวัน ข้านั้นจะเอาพวกเงินลงทุนและสาวกของห้าเมืองนี้ออกไปทั้งหมด”

“ฉินเทียน เรื่องนี้ยังไม่จบนะ พวกเราอย่าเพิ่งรีบร้อนเดินกันไปสิ!”

“ไปกัน!”

เขานั้นเอ่ยโกรธ ก่อนที่จะพาคนของตระกูลจ้าวเดินจากไป

มองไปที่หลังของพวกเขา จุยเฟิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอันเยือกเย็น “มองดูแล้วเจ้าผู้นำตระกูลจ้าวนี่น่าจะเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดนะ ไม่ใช่พวกเราสะหน่อย”

ฉินเทียนเอ่ยหัวเราะ“เจ้าก็รู้แล้วเหมือนกันเรอะ?”

จุยเฟิงพยักหน้า “ภายในตระกูลจ้าว มีหลายคนที่ไม่อยากให้จ้าวเทียนเล่อนั้นชนะ”

ฉินเทียนนึกออกถึงคนหนึ่ง ที่ออกจะดูขี้เล่น

“งั้นพวกเราก็ดูละครสนุกๆกันเถอะ”

อันกั๋วนั้นลังเลสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ฉินเทียน เจ้าคิดว่า ตระกูลจ้าวนั้นอยากที่จะเอายอมสละกำไรทั้งหมดของห้าเมืองนั่นหรอ?”

“หากพวกเขานั้นยอมสละ เจ้าพร้อมที่จะเข้าไปตั้งถิ่นฐานงั้นหรอ?”

ฉินเทียนยิ้มอย่างเย็นชา“พวกเขาไม่เพียงแต่จะต้องยอมออก ในวันปกติแล้ว ไม่มีใครนั้นที่จะมาขัดขวางบัญชีของข้าฉินเทียนหรอกนะ”

“แต่ว่ากำลังในการไปตั้งถิ่นฐาน ท่านอานก็คอยจัดการดูเถอะ ”

“เจ้าต่างหากที่เป็นหัวหน้าของเมืองหนานเจียง”

อันกั๋วเอ่ยยิ้มๆ “ เจ้าบ้านี่ จะดีหรอที่จะยอมให้ข้าคนแก่ผู้นี้นั้นเป็นคนบุกเบิกน่ะ!”

“แต่ว่าในเมื่อเจ้าเอ่ยเช่นนี้ งั้นก็รอให้จ้าวเทียนเล่อยอมสละห้าเมืองก่อนเถอะ ข้านั้นจะส่งคนไปจัดการรับช่วงต่อ”

กองกำลังทหารของตระกูลจ้าว ในตอบพลบค่ำ พวกเขานั้นได้กลับมายังสถานที่พักของพวกเขา ในเมืองหยุนชวน

เปรียบเทียบในตอนที่ออกจากมานั้นได้มีการพัฒนาทะเยอะทะยาน ในตอนนี้นั้น ทหารทั้งกองกำลัง ต่างก็มีลมกำลังหายใจที่ต่ำกันลง

ตลอดทางนั้น ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา  

สีหน้าของจ้าวเทียนเล่อ นั้นนิ่งจนหน้ากลัว เขานั้นรู้สึกว่า วันนี้สำหรับจ้าวเทียนเล่อและตระกูลจ้าวนั้นเป็นวันที่มืดมิดเลยวันหนึ่งสำหรับเขา

เดิมทีที่กลับมาแล้ว เขานั้นได้ประชุมกับตระกูล เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องจำนวนเมืองที่พ่ายแพ้ในห้าเมือง

ไม่คิดว่า ยังมีข่าวร้ายอีกข่าวหนึ่ง ที่กำลังรอเขา

เมื่อมองเห็นจ้าวเฟิงนำหลู่ซิ่นและเหยียนควน ที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตู ทั้งสามคนนั้นบนร่างกายได้รับบาดเจ็บ ถูกพันด้วยผ้าขาว และเลือกที่ยังไหลซิบๆ

จ้าวเทียนเล่อนั้นตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยอย่างตกใจและโกรธ “เกิดอะไรขึ้น?”

“หรือว่า อันกั๋วและฉินเทียนนั้นจะอาศัยช่วงที่ข้าไม่อยู่ มาโจมตีพวกเราถึงในที่พักงั้นหรอ?”

“รับพูดมาสิ สุดท้ายแล้วมันยังไงกันแน่!”

“ซือเหยียนจงล่ะ?รีบเรียกเขานั้นออกมาพบข้าสิ!”

ไม่เพียงแต่จ้าวเทียนเล่อเท่านั้น คนรอบตัวของเขานั้น สีหน้านั้นต่างก็เปลี่ยนไป

แพ้ไปถึงห้าเมือง นั้นก็ซวยจะตายแล้ว น่าจะไม่ต้องทำให้สถานที่พักนั้นต้องเกิดเรื่องอะไรหรอกมั้ง? 

“ไอพวกบ้า!”

“พ่อนั้นยอมให้พวกเจ้านั้นคอยรักษาหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่นี้ เจ้านั้นกลับทำให้เกิดเรื่อง!”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ รีบเอ่ยออกมาสิ!”จ้าวซวู่เอ่ยออกมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ พร้อมด้วยคว้าคอของจ้าวเฟิงมาบีบ และใช้แรงอย่างหนัก

จ้าวเฟิงเอ่ยปาก ด้วยสีหน้าที่ตกใจกลัว อีกนิดเดียวก็เกือบจะโดนบีบจนตายแล้ว

“ซวู่เอ๋อร์ ใจเย็นๆหน่อยสิ!”

“จ้าวเฟิง ข้านั้นสามารถที่จะไม่สนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นสูญเสียไปแล้ว ตอนนี้ เอ่ยออกมาได้แล้ว”

จ้าวเฟิงนั้นก้มหน้าลงกับพื้น แล้วร้องไห้ออกมา “พ่อ เป็นเพราะลูกไม่รักดี หากท่านได้ยินแล้ว อย่าโกรธข้านะ รักษาร่างกายไว้สำคัญที่สุด”

“หลังจากที่ท่านจากไป ข้านั้นได้พบว่า องครักษ์ซือเหยียนจงใหญ่นั้น ได้มีการพบปะพูดคุยกับคนของเจียงหนาน

“เจ้าว่าอะไรนะ?”จ้าวเทียนเล่อตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรีบเอ่ยตอบ “นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

“ซือเหยียนจงนั้นซื่อสัตย์กับพวกเราตระกูลจ้าวจะตายไป จะไปพูดคุยกับคนของเจียงหนานได้อย่างไรกัน”

ก่อนที่จะหยุดครู่หนึ่ง “ไม่กลัวหากพวกเจียงหนานนั้นจะมาติดสินบนเขา เขานั้นจะต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเร่งรีบ “ลูกก็คิดเช่นนี้”

“องครักษ์นั้นซื่อสัตย์ภักดีต่อพ่อและตระกูลจ้าว ข้าคิดว่า เขานั้นจะต้องไม่หักหลังแน่นอน”

“ข้าก็แค่เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี ว่าอย่าไปหลงกลพวกอันกั๋วและฉินเทียนพวกนั้น”

“ใครจะไปรู้ ว่าเขานั้นจะเปลี่ยนไป เอ่ยว่าผมนั้นไปรู้ความลับของเขา อยากที่จะฆ่าปิดปากผม”

“พูดเพ้อเจ้!”จ้าวเทียนเล่อเอ่ยด้วยความโกรธ “ซือเหยียนจงไม่ทำเช่นนี้แน่นอน!”

“จ้าวเฟิง เจ้ากล้าใส่ร้ายคนรอบกายข้าอย่างงั้นหรอ ระวังข้าจะลอกหนังของเจ้าออกนะ!”

“ซือเหยียนจงล่ะ?ไปเรียกเขามาพบข้าสิ!”

จ้าวเฟิงกัดฟันไปมา ก่อนจะเอ่ย “ซือเหยียนจงไม่เพียงอยากที่จะฆ่าข้า เขานั้นยังอยากที่จะฆ่าหลู่ซิ่นและเหยียนควน”

“แต่จะให้ทำยังไงกัน ลูกก็เอ่ยสั่งให้ หลู่ซิ่นและเหยียนควน นั้นช่วยกันกำจัดเขาสะ”