ภาค 3 บทที่ 104 เปิดหนังสือมีเรื่องไม่รู้

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 104 เปิดหนังสือมีเรื่องไม่รู้ โดย Ink Stone_Romance

 

พวกเขาคิดว่าจะรอคอยระหว่างทาง คิดไม่ถึงว่านายน้อยถึงกับจะตรงไปรับ

นี่ต้องเดินทางไกลมากนะ นี่ก็ช่าง…

พวกเขาล้วนไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร นี่เด็กน้อยเกินไปหน่อยกระมัง? คนในบ้านรู้ไหม?

บรรดาผู้คุ้มกันสบตากันทีหนึ่งจะเกลี้ยกล่อม กลับเห็นฟางเฉิงอวี่ฉับพลันชักม้าราวกับวิตกกังวลอยู่บ้าง

“เร็วๆ รีบหันกลับ” เขาเอ่ยท่าทางร้อนรนอยู่บ้าง ลนลานอยู่บ้าง ราวกับไม่รู้ควรวิ่งไปที่ใด

เกิดอะไรขึ้น? บรรดาผู้คุ้มกันอึ้ง จากนั้นได้ยินเสียงเอะอะด้านหน้า ค่อยมองดูบนถนนใหญ่ ปรากฏคนม้าขบวนหนึ่ง คนเหมือนจะเยอะมาก ยังมีป้ายธงหลากสี

“จอหงวนหนิงกลับมาแล้ว” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย “พวกเรารีบหลบ”

คุณชายหนิงที่ได้เป็นจอหงวนนี่เอง ผู้คุ้มกันกระจ่าง มองดูคนกับม้าที่ค่อยๆ เดินทางเข้ามาใกล้ จดจำชายหนุ่มที่ถูกห้อมล้อมอยู่ตรงกลางได้

แต่ทุกคนล้วนเป็นสหายร่วมบ้านเกิดกันนะ พบกันไม่ควรเอ่ยแสดงความยินดีสักคำหรือ? ทำไมต้องหลบเล่า?

เพราะความแค้นในอดีตของตระกูลหนิงกับตระกูลฟางหรือ?

บรรดาผู้คุ้มกันไม่เข้าใจ ฟางเฉิงอวี่ขี่เข้าถนนเส้นน้อยไปแล้ว วิ่งไปถึงหมู่บ้านที่ไม่ไกลออกไปแห่งหนึ่ง

“พูดถึงไมตรีพูดถึงเหตุผล ข้าล้วนควรเอ่ยแสดงความยินดีกับเขา” ฟางเฉิงอวี่ว่า

เขาช่วยคุณหนูจวิน คลี่คลายสถานการณ์ลำบากของนาง เขาควรขอบคุณ

เขาก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ ขอบคุณมาก แต่…

“แต่ข้าไม่อยากพบเขานี่” เขาเอ่ยท่าทางหดหู่อยู่นิดๆ

บรรดาผู้คุ้มกันได้ยินคำพูดที่เขาพูดกับตนเองไม่ชัด แต่นายน้อยว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น พวกเขาตามออกไปจากถนนใหญ่ติดๆ ได้ยินเสียงเอะอะด้านหลังร่าง จากไกลมาใกล้ จากนั้นจากใกล้ค่อยๆ ไกลออกไป

หนิงอวิ๋นเจามาถึงใกล้ๆ หยางเฉิงแล้ว ฟางเฉิงอวี่ออกจากหยางเฉิงมาต้อนรับ ส่วนคุณหนูจวินเวลานี้ยังคงเดินทางบนถนนไม่เร็วไม่ช้า

การเดินทางช่วงนี้อยู่บนถนนใหญ่ ราบเรียบมั่นคง รถม้าก็โคลงอ่อนโยนขึ้นมากนัก

หลิ่วเอ๋อร์อยู่ตรงชั้นหนังสือขนาดเล็กในรถ ค้นรอบหนึ่ง

“คุณหนูจะอ่านหนังสือเล่มไหนเจ้าคะ?” นางเอ่ยถาม

คุณหนูจวินมองชั้นหนังสือน้อย

“วันนี้เป็นวันที่เท่าไรแล้ว?“นางพลันเอ่ยถาม

“วันที่สิบสามเจ้าค่ะ” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ย “ผู้ดูแลชีบอกว่ายังเหลืออีกห้าวันจึงจะถึงหยางเฉิง”

คุณหนูจวินร้องอ้อพยักหนา

“เดินทางมานานขนาดนี้แล้ว” นางเอ่ย

เดินทางมานานขนาดนี้จะบอกว่าหนังสือบนชั้นหนังสือล้วนอ่านหมดแล้วหรือ? หลิ่วเอ๋อร์คิดออก เห็นคุณหนูจวินยื่นมือคว้าหีบยาเปิดออก หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากด้านใน

จะอ่านตำราแพทย์หรือ? หลิ่วเอ๋อร์ไม่ถามแล้ว พิงหมอนอิงเล่นตุ๊กตาดินปั้นที่ซื้อมาระหว่างทาง

เดินทางมานานพอแล้ว องครักษ์เสื้อแพรไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นเลย ปลอดภัยพอแล้ว เอาหนังสือเล่มนี้ออกมาได้แล้ว

มือคุณหนูจวินสั่นเล็กน้อย วางสมุดบันทึกทำเองหยาบๆ เล่มหนาเล่มนี้ไว้บนโต๊ะ

หลังได้มา พบเรื่องมากมายปานนั้น นางจึงไม่มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ เกรงจะถูกคนพบ

หากด้านในสมุกบันทึกเล่มนี้มีสัญลักษณ์เกี่ยวกับหมอเทวดาจาง ตัวตนของนางย่อมยิ่งทำให้ลู่อวิ๋นฉีสงสัย

ตอนนี้ดีแล้ว ออกจากเมืองหลวงแล้ว เข้าใกล้หยางเฉิงแล้ว ไม่มีการสอดส่องแล้ว พบอาจารย์อีกครั้งได้แล้ว

อาจารย์

คุณหนูจวินสูดหายใจลึก พลิกเปิดหน้าหนังสือ

หน้าแรกตัวอักษรบรรทัดหนึ่งวิ่งเข้ามาในสายตา สีหน้านางแข็งทื่อไปอย่างห้ามไม่ได้ มองดูอักษรตัวโตไม่กี่ตัวที่ร่อนระบำอยู่นี่

อักษรตัวนี้เขียนได้สวยมาก ความหมายของตัวอักษรก็เป็นเอกลักษณ์ยิ่งนัก

“ข้าคือคนโง่คนหนึ่ง”

ข้าคือคนโง่คนหนึ่ง

คุณหนูจวินฝันก็คิดไม่ถึงว่าปกในของหนังสือจะเขียนประโยคหนึ่งเช่นนี้ไว้

ตอนนั้นที่พลิกจดหมายเล่มนี้ของอาจารย์ นางพรึบเดียวไปดูตรงกลาง ด้านในตัวหนังสือยั้วเยี้ย มองไม่ชัดว่าเขียนอะไรบ้าง

นางคิดมาตลอดว่าเป็นตำราแพทย์ สิ่งที่คิดได้จากการเป็นหมอของอาจารย์เอง

บันทึกความสามารถที่แท้จริงของอาจารย์ ความสามารถที่ไม่ได้สั่งสอนนาง

อาจารย์ไม่ได้สอนนางจริงๆ แน่อยู่แล้ว ไม่เดินหากก็โยนศร ไม่เช่นนั้นก็ท่องตำราแพทย์ที่ผู้อื่นเขียน

ส่วนนางเองก็ไม่ได้อยากร่ำเรียนวิชาแพทย์จากอาจารย์จริงๆ เหมือนกันนั่นแหละ นางเพียงอยากเรียนวิธีช่วยพระบิดาเท่านั้น

พระบิดาตายแล้ว นางก็ปิดผนึกทุกสิ่งนี้ไว้เช่นกัน

คิดไม่ถึงกลับมาอีกครั้งถึงพบว่าสิ่งที่เดิมทีคิดว่าไม่มีประโยชน์เหล่านี้กลับมีประโยชน์ต่อนางมากปานนี้

แม้พระบิดาตายแล้ว แต่นางยังใช้วิชาที่อาจารย์มอบให้ช่วยเหลือตนเอง ช่วยเหลือน้องชายรวมถึงเอาแผ่นดินที่พระบิดาเสียไปกลับคืนมาได้

นี่สำหรับพระบิดาแล้วก็น่าจะเป็นการช่วยเหลืออย่างหนึ่ง

อาจารย์สั่งสอนสิ่งเหล่านี้ส่งๆ ก็ทำให้นางทำได้ถึงปานนี้ ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ในจดหมายที่ไม่ยอมให้อ่านจะมีวิชาลับล้ำค่าอันใดอีก?

คิดไม่ถึงอาจารย์ผู้ประหนึ่งหมอเทวดากลับตั้งฉายาอันหนึ่งเช่นนี้ให้แก่ตนเอง

นางคิดว่าปกในหากไม่เขียนอักษรก็คงเขียนชื่อกับตราประทับ อย่างเช่นปราชญ์สายลมบัณฑิตผู้หลุดพ้นจำพวกนั้น

แน่นอนนางไม่เคยได้ยินว่าอาจารย์มีฉายา

แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนึ่งประโยคเช่นนี้

ข้าคือคนโง่คนหนึ่ง

ที่แท้จางชิงซานผู้ซึ่งในสายตาชาวโลกประหนึ่งเทพเซียน กลับให้นิยามตีค่าตนเองเช่นนี้?

คุณหนูจวินมองปกในนิ่งงันไปครู่หนึ่ง หัวเราะพรืดจากนั้นขอบตาก็เริ่มแดง

ต่อให้เป็นคนโง่คนหนึ่ง คนโง่ก็ไม่อยู่แล้ว

ถ้าอย่างนั้นก็ดูหน่อยเถอะว่าคนโง่ผู้นี้เขียนอะไรไว้บ้าง

คุณหนูจวินยื่นมือพลิกอีกหนึ่งหน้า

นางอึ้งไปอีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ใช่หน้ากระดาษที่ขนาดเท่าปกใน แต่เป็นกระดาษแผ่นใหญ่ที่พับทบไว้

คุณหนูจวินดึงกระดาษแผ่นนี้กางออก

นอกจากนี้บนกระดาษยังคงไม่ใช่คำ แต่เป็น…แผนที่

แต่หากเป็นแผนที่ก็ยังไม่น่าตกใจ

อาจารย์วาดแผนที่ได้ เรื่องนี้นางเคยเห็นหลายครั้ง

แต่แผนที่นี่…

มือคุณหนูจวินลูบด้านบน

บนนั้นภูเขาแม่น้ำเมืองหมู่บ้านทำเครื่องหมายไว้ละเอียด ชื่อสถานที่ถี่ยิบมากมายล้วนไม่รู้จัก ขอบบนสุดระบุชื่อเมืองไว้

จัวโจว

ชื่อนี้นางจำได้ นางเคยเห็นในหนังสือประวัติศาสตร์ เคยเห็นบนแผนที่ในห้องหนังสือของพระอัยกา

คุณหนูจวินอดไม่ได้ลมหายใจกระชั้น นางยื่นมือพลิกอีกหน้าหนึ่ง

ยังคงเป็นกระดาษแผ่นใหญ่พับทบกัน ยังคงเป็นแผนที่

คราวนี้เป็นโยวโจว

พลิกอีก

หรูโจว ถานโจว จี้โจว อิ้งโจว หวนโจว….

จนกระทั่งถึงอวิ๋นโจว ทั้งหมดพลิกไปสิบหกหน้า

สิบหกหน้า สิบหกเมือง

นี่ก็คือสิบหกเมืองของเยี่ยนอวิ๋น

นี่ก็คือเมืองที่เคยเป็นของต้าโจว แต่ร้อยปีก่อนถูกแย่งไป หลังจากนั้นได้เฉิงกั๋วกงชิงกลับมาหกเมือง จนถึงวันนี้เฝ้ารักษาขวางการรุกรานของชาวจิน

เพราะตั้งแต่ต้นจนจบตั้งอยู่ในที่ซึ่งทหารทำสงคราม ถูกชาวจินยึดครองหลายครั้ง ดังนั้นสิบหกเมืองของเยี่ยนอวิ๋น กระทั่งแผนที่ซึ่งเก็บรักษาไว้ในวังหลวงก็ยังมีเพียงน้อยนิดไม่กี่แผ่น

หลังเฉิงกั๋วกงชิงกลับมาหกเมือง เสียกำลังคนกำลังทรัพย์ถูไถวาดแผนที่หกเมืองออกมาถวายฮ่องเต้ได้

ตอนเฉิงกั๋วกงถวายแผนที่นางเคยเห็น แม้จำได้ไม่ชัด แต่ไม่ละเอียดเช่นนี้อย่างในจดหมายของอาจารย์แน่นอน ส่วนแม่นยำไม่แม่นยำ นางไม่เคยไปจึงไม่รู้

อาจารย์ เคยไปหรือ?

ไม่เช่นนั้นอาจารย์ทำไมวาดออกมาได้?

แผนที่ต้องเสียเวลาวาดยากมากเท่าไรนางรู้ นอกจากนี้เมืองหลายแห่งในนี้ก็ยังอยู่ในมือของชาวจินนะ

อายุของอาจารย์ก็เพิ่งสี่สิบกว่าปีกระมัง

นี่เป็นถึงดินแดนสิบหกเมืองเชียวนะ

หรืออาจารย์จะเป็นเทพเซียนจริงๆ น่ะ?

นี่ย่อมเป็นไปไม่ได้

หรือว่านี่เป็นหนังสือหายากที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณ อาจารย์ครอบครองอยู่ผู้เดียว?

แต่ดูกระดาษนี่ รอยหมึกนี่ ยังมีความคุ้นชินในการเขียนเบื้องหลังตัวอักษรนี่ นี่เป็นอาจารย์วาดกับมือชัดๆ

นี่เหนือความคาดคิดเกินไปแล้ว นี่เกิดเรื่องะไรขึ้น?

…………………………………………………..