ตอนที่ 417 ศัตรูที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ซูฉิงก็รีบประคองร่างยวี๋น่าลงจากรถทันที “ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกว้าวุ่นใจอยู่ใช่ไหม? เธอหลับตาลงนะ ไม่ต้องมองทาง ถ้าทำแบบนี้อาการมันจะดีขึ้น”
ยวี๋น่าทำตามคำบอกของซูฉิงอย่างเชื่อฟัง เธอปิดเปลือกตาลงและให้ซูฉิงเป็นคนนำทางเธอ
แท้จริงแล้วคำกล่าวของซูฉิงนั้นหญิงสาวพูดออกมาเพื่อโกหกไม่ให้ยวี๋น่ารู้ว่าโรงพยาบาลที่เธอพามาคือโรงพยาบาลเดียวกับที่หลินหนานพักรักษาตัวอยู่
ในขณะขับรถมาที่นี่ซูฉิงก็ได้ดำเนินการลงทะเบียนจองคิวผู้ป่วยฉุกเฉินไว้แล้ว ดังนั้นพวกเธอจึงสามารถตรงดิ่งไปยังแผนกสตินรีเวชได้ทันที
ในห้องฉุกเฉินมีหญิงสาวตั้งครรภ์รายหนึ่งกำลังตรวจรักษาอยู่ ซูฉิงจึงพยุงหยี๋น่าให้นั่งรอก่อน
“คุณหมอคะ ฉันเห็นเลือดไหลออกมา มันจะเป็นอันตรายอะไรไหมคะ…”
“คุณอย่ากังวลไปเลย มันเป็นอาการปกติ ฉันยังเคยตรวจเจอคนไข้ที่กำลังตั้งครรภ์และมีประจำเดือนมายาวนานถึงหกเดือน”
เสียงพูดคุยระหว่างคนไข้สาวและคุณหมอดังออกมาจากในห้องตรวจ
“ยวี๋น่า เธอได้ยินไหม ขณะตั้งครรภ์และมีเลือดไหลออกมาอาจไม่ได้ร้ายแรงอะไร เธออย่าเพิ่งกังวลไปเลยนะ”
“อืม” ยวี๋น่าพยักหน้าขึ้นลงเบาๆทั้งที่ยังหลับตาอยู่ มือบางกำเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่ไว้นั้น เธอพยายามสะกดกลั้นความกลัวทั้งหมดไว้ แต่เธอก็ยังไม่คลายความกังวลทั้งหมดลง เพราะเธอยังคงมีอาการปวดท้องอยู่ เธอกลัว…
เมื่อหญิงสาวตั้งครรภ์รายนั้นเดินออกมาจากห้องตรวจ ซูฉิงก็รีบประคองร่างของยวี๋น่าเข้าไปในห้องตรวจทันที
ยวี๋น่าลืมตาขึ้นและค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องตรวจ เธอแอบลอบมองป้ายชื่อของแพทย์สาวตรงหน้าจึงทำให้เธอรู้ว่าโรงพยาบาลที่ซูฉิงพาเธอมานั้นคือโรงพยาบาลเดียวกับที่หลินหนานอยู่
ยวี๋น่าหันมามองซูฉิงด้วยความตื่นตกใจ และพยายามจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ซูฉิง ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า…”
ซูฉิงดันร่างของยวี๋น่าให้นั่งลงบนเก้าอี้และพูดเกลี้ยกล่อมหญิงสาวข้างกาย “เธอมาถึงที่นี่แล้วนะเธอจะไม่ตรวจดูหน่อยเหรอ ไม่แน่ถ้าเธอออกไปตอนนี้อาจจะพบกับพวกเขาก็ได้ ฉันว่าให้คุณหมอตรวจอาการของเธอตอนนี้ดูซะก่อนดีกว่า”
แต่ยวี๋น่าก็ยังคงกังวลและพยายามพูดโต้กลับ “แต่ว่า…”
ซูฉิงจึงพูดปลอยโยนอีกฝ่ายและโน้มน้าวให้ยวี๋น่ายอมตรวจรักษา “เธออย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ตรวจรักษาให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า”
และเมื่อแพทย์สาวเห็นหญิงสาวตรงหน้าทั้งสองเลิกโต้เถียงกัน เธอจึงเอ่ยถามขึ้น “ไม่ทราบว่าอาการของคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
ยวี๋น่าจึงต้องตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “คุณหมอคะ ฉันปวดท้อง และฉันเห็นเลือดไหลออกมา”
แพทย์สาวจ้องมองยวี๋น่าเพียงชั่วครู่และเอ่ยปากสั่ง “คุณเหลือบตาขึ้นด้านบนนะคะ ขอหมอตรวจดูหน่อย”
ยวี๋น่าปฎิบัติตามคำสั่งของแพทย์สาวอย่างว่าง่าย
“คุณปวดท้องตรงบริเวณไหนคะ? ตรงนี้? หรือว่าตรงนี้?”
แพทย์สาวเอ่ยถามพลันเอื้อมมือไปกดบริเวณท้องของยวี๋น่าด้วยความเบามือ
ยวี๋น่าพยายามชี้ไปที่ท้องของเธอ “ฉันปวดบริเวณท้องด้านล่าง”
“เช้าวันนี้คุณได้ทานอาหารหรือยังคะ?” แพทย์สาวเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ”
“โอเค งั้นคุณต้องลองไปเจาะเลือดตรวจดูหน่อยและดูอัลตราซาวนด์ด้วย ”
“คุณหมอคะ ลูกของฉันยังปลอดภัยดีใช่ไหมคะ?”
แพทย์สาวตอบกลับด้วยเสียงอันนิ่งขรึม “ช่วงนี้คุณอาจจะพักผ่อนน้อย และสภาพจิตใจก็แย่ จึงทำให้มีเลือดไหลออกมาแบบนี้ คุณคิดว่าลูกของคุณจะยังปลอดภัยดีอยู่เหรอคะ? นี่เป็นสัญญาณแรกของการมีโอกาสแท้งบุตร”
เมื่อได้ยินประโยคจากปากแพทย์สาว ยวี๋น่าก็มีอาการตกใจเป็นอย่างมาก “คุณหมอคะ คุณจะต้องช่วยลูกของฉันนะคะ”
แพทย์สาวพยายามแกะมือของคนไข้ตรงหน้าออกและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “คนที่สามารถปกป้องลูกได้คือตัวคุณเองไม่ใช่ฉัน คุณจะต้องควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง ขณะนี้อายุครรภ์ของคุณยังน้อยจึงไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ ถ้าคุณยังไม่ดูแลตัวเองแบบนี้ ใครก็ไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้”
“ไม่ต้องกังวลไป มันเป็นแค่สัญญาณเตือนให้คุณระวังการแท้งบุตรเพียงเท่านั้น ถ้าต่อไปคุณดูแลตัวเองดีๆ รับรองว่าลูกของคุณจะปลอดภัยแน่นอน ตอนนี้คุณไปชำระเงินก่อนนะ แล้วฉันจะอัลตราซาวนด์ให้คุณ”
ยวี๋น่าพยักหน้าตอบรับคำอย่างรวดเร็ว “อืม!”
ซูฉิงรีบจัดการจ่ายเงินค่ารักษาผ่านทางโทรศัพท์ และให้แพทย์สาวนำตัวยวี๋น่าไปตรวจอัลตราซาวนด์
แพทย์สาวนำพายวี๋น่ามายังห้องอัลตราซาวนด์ขนาดใหญ่ เครื่องอัลตราซาวนด์ในที่นี้มีอยู่ทั้งหมดหกเครื่องด้วยกัน ทุกๆเครื่องอัลตราซาวนด์จะประกอบไปด้วยเตียงคนไข้ที่ตั้งอยู่ข้างๆและผ้าม่านเพื่อปกปิดร่างของคนไข้ขณะที่ตรวจรักษา
แพทย์สาวเหลือบตามองเธอและออกคำสั่งทันที “คุณขึ้นไปนอนบนเตียงและถอดเสื้อผ้าออก กางเกงก็ถอดลงเพียงเล็กน้อยนะ”
ยวี๋น่าได้รับความช่วยเหลือจากซูฉิงในการทำตามคำสั่งของแพทย์สาว และแพทย์สาวคนนั้นเมื่อออกคำสั่งเสร็จก็จัดการดึงม่านปิดลง
ยวี๋น่านอนราบลงบนเตียงผู้ป่วย สายตาเป็นกังวลจ้องมองไปยังซูฉิงตลอดเวลา ซูฉิงพยายามพยักหน้าให้กำลังใจอีกฝ่ายอย่างไม่ไปไหน
“คุณหมอคะ ลูกของฉันยังปลอดภัยดีใช่ไหม?” ยวี๋น่าเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจ
“เธอได้มาตามเวลาที่คุณหมอนัดตรวจครรภ์หรือไม่?”
“ฉันไม่ได้มา”
“หลังจากนี้โปรดมาตรวจตามนัดให้ตรงเวลา การนัดตรวจครรภ์สำคัญมาก ตอนนี้พัฒนาการของเด็กยังค่อนข้างช้า ฉันจะออกยาให้คุณสักหน่อย และคุณจะต้องนอนให้น้ำเกลือเป็นเวลาห้าวัน”
เมื่อดำเนินการตรวจอัลตราซาวนด์จนเสร็จ ยวี๋น่าค่อยๆลงจากเตียงและซูฉิงก็เปิดผ้าม่านออก
ในขณะที่ทั้งสองคนเตรียมตัวจะออกไปนั้นยวี๋น่าบังเอิญหันไปเห็นคุณแม่ของหลินหนาน เธอจึงรีบดึงผ้าม่านปิดลงทันที เธอไม่อยากให้แม่ของหลินหนานรู้ว่าตอนนี้ลูกของเธอกำลังพานพบกับอันตราย
เมื่อแพทย์สาวเห็นท่าทางที่แปลกประหลาดของคนไข้สาวก็เอ่ยถามขึ้น
“ด้านนอกมีคนที่คุณไม่อยากเจออยู่เหรอ?”
ยวี๋น่าจึงพยักหน้ารับคำ
แพทย์สาวจึงดึงม่านออกเพียงเล็กน้อยเพื่อลอบมอง “เธอไม่อยากเจอใคร?”
ซูฉิงชี้มือไปยังหญิงชราที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง “ผู้หญิงที่ใส่ชุดสีเขียวคนนั้น”
แพทย์สาวเมื่อรู้ถึงเป้าหมายจึงเดินตรงเข้าไปและดึงปิดผ้าม่านบริเวณเตียงที่ของแม่หลินหนานยืนอยู่
ซูฉิงจึงฉวยโอกาสนี้ประคองยวี๋น่าออกไปจากห้องตรวจอย่างเงียบๆ
เมื่อออกมาจากห้องตรวจยวี๋น่าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ยังดีนะที่ออกมาได้ เกือบจะถูกคุณป้าจับได้ซะแล้ว”
แพทย์สาวที่เดินนำหน้าหญิงสาวทั้งสองอยู่เอ่ยปากเตือนยวี๋น่าอีกครั้ง “ตอนนี้ลูกของคุณยังเป็นตัวอ่อนขนาดเล็กอยู่ ยังแยกไม่ออกระหว่างมือหรือเท้า เพราะฉะนั้นไม่ใช่ทุกคนที่รอให้เขาเกิดออกมา คุณจะต้องระวังและดูแลตัวเองให้มากๆ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะไม่ดีต่อลูกของคุณ”
แพทย์สาวเห็นท่าทางลับๆล่อๆของหญิงสาวทั้งสอง จึงคิดว่าเธอทั้งสองคงจะกลัวคนทางบ้านรู้ว่าตั้งครรภ์ เธอจึงอดจะเอ่ยปากเตือนอีกฝ่ายไม่ได้
ยวี๋น่าจึงเอ่ยปากรับคำแพทย์สาว “ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ฉันจะดูแลลูกของฉันเป็นอย่างดีแน่นอน”
ถ้าลูกของเธอเกิดออกมาและพบเจอกับสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี ยวี๋น่าก็คงไม่หวังให้เขาเกิดมา
และหลินหนานเองก็คงเพราะคิดเฉกเช่นเดียวกับเธอ เขาถึงยอมเอาชีวิตเข้าไปแลกแบบนี้ ถ้าลูกคลอดออกมารับรองว่าจะต้องได้รับความรักอย่างแน่นแฟ้นแน่นอน
เพราะฉะนั้นเธอจะต้องดูแลรักษาลูกของเธอและเขาให้ดีที่สุด!
ห้องอัลตราซาวนด์
แม่ของหลินหนานมองดูเด็กสาวที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ข้างๆของเธอยังมีหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอยืนอยู่ด้วย
“หลิงหลิงเป็นอย่างไรบ้าง? ทำไมอยู่ดีๆก็ปวดท้องขึ้นมาล่ะ? เป็นเพราะไส้ติ่งอักเสบเหรอ?”
แพทย์เจ้าของไข้จึงตอบกลับ “ไม่ใช่ เป็นเพราะลำไส้อักเสบ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
หญิงสาวข้างกายเอ่ยตำหนิติเตียนลูกสาวของตนเองที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง “หลิงหลิง ยังไม่รีบขอบคุณคุณน้าอีก คุณน้าเป็นห่วงแกมากเลยนะพอรู้ข่าวก็รีบวิ่งมาดูอาการแกทันที”
“เธออย่าไปดุลูกนักเลย เด็กๆก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบเที่ยวเล่น ลูกชายของฉันก็เหมือนกัน ตอนนี้…เฮ้อ…ช่างมันเถอะ…”
“พี่ก็อย่าคิดมากไปนะ หนานหนานจะต้องไม่เป็นอะไรมาก ยังไงฉันขอตัวกลับก่อนนะ พอดีฉันมีธุระ”
“ได้ เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”
“พี่ไม่ต้องออกไปส่งฉันหรอก พี่รีบกลับไปดูหนานหนานเถอะ วันนี้ถือเป็นโอกาสประจวบเหมาะพอดีมาแวะเยี่ยมหนานหนานก็ได้พาหลิงหลิงมาตรวจด้วย ฉันจะได้ไม่ต้องไปไปมามาหลายๆรอบ”
หญิงสาวคนนี้มีศักดิ์เป็นน้องสาวของแม่หลินหนาน เมื่อเธอทราบข่าวว่าหลินหนานเข้าโรงพยาบาลก็รีบมาดูอาการและเยี่ยมเยียนหลานชายทันที ไม่คาดคิดว่าการมาเยี่ยมหลานครั้งนี้จะได้พาลูกสาวที่อยู่ๆก็ปวดท้องมาตรวจอัลตราซาวนด์
และเมื่อแม่ของหลินหนานตามมาดูอาการปวดท้องของหลานสาวก็พบเข้ากับยวี๋น่าและซูฉิง
การกระทำของหญิงสาวสองคนนั้น แม่ของหลินหนานก็ได้สังเกตเห็นหมดแล้ว
เพราะในตอนที่เธอเข้ามา เธอก็เห็นซูฉิงกำลังปิดม่านและยวี๋น่ากำลังเอนตัวลงบนเตียงผู้ป่วย
สตรีมีครรภ์มาตรวจอัลตราซาวนด์ถือเป็นเรื่องปกติ และไม่ได้ทำให้แม่หลินหนานติดใจสงสัยอะไร
แต่เพราะเด็กที่อยู่ในครรภ์ของยวี๋น่านั้นถือเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลิน เธอจึงอดที่จะใส่ใจไม่ได้ หญิงชราจึงค่อยๆขยับตัวไปใกล้ๆเตียงของยวี๋น่าและเผอิญไปได้ยินข่าวที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักของเด็กในครรภ์ยวี๋น่า
เมื่อแม่หลินหนานเดินกลับไปยังห้องพักฟื้นของหลินหนาน เธอก็นึกถึงคำพูดของคุณหมอในห้องอัลตราซาวนด์ “เธอนี่มันโคตรซวยเลย!”