ตอนที่ 328 ยืมกระบี่ใช้สักหน่อย

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 328 ยืมกระบี่ใช้สักหน่อย

“ข้าให้เจ้าไปแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เยียนหานยวี่หดขาที่ก้าวออกไปกลับมา เขามองดูฟู่เสี่ยวกวนด้วยอาการใจสั่น

เขาสูงกว่าฟู่เสี่ยวกวนมาก อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่าฟู่เสี่ยวกวนอีกเป็นเท่าตัว แต่เหตุใดเมื่ออยู่ต่อหน้าฟู่เสี่ยวกวนแล้ว เขาจึงกลายเป็นลูกแกะน้อยไปได้

แม้แต่ตอนนี้ที่เขาจะท้าประลองกับฟู่เสี่ยวกวน แม้แต่ความกล้าหาญที่จะชักดาบออกมายังมิมี จะต่อสู้กันได้เยี่ยงไร ?

ผ่านไปชั่วครู่ เขาพบว่าฟู่เสี่ยวกวนมิได้สนใจเขา จึงได้วางใจลงบ้างแล้วเล็กน้อย เขาได้แต่นึกในใจว่าตนเองเป็นถึงองค์ชายหกแห่งแคว้นอี๋ บุตรชายพ่อค้าที่ดินแห่งเมืองหลินเจียงจะทำอันใดเขาได้กัน ?

หากเขาเป็นอะไรไปแม้แต่เพียงเล็กน้อย แค่เขียนจดหมายไปยังแคว้นอี๋ ก็ยิ่งเป็นเหตุผลอันดีสำหรับการเข้าโจมตีแคว้นหยู และหากกองทัพของแคว้นอี๋บุกเข้าไปถึงเมืองหลานหลิงเมื่อใด ก็เป็นเวลาที่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยูจะตัดศีรษะของฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้เสีย

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจแน่วแน่มิลังเลอีกต่อไป

“ข้าจะไปบัดนี้ เจ้าจะทำอันใดได้”

ฟู่เสี่ยวกวนมองไปยังใบหน้าของเยียนหานยวี่ เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วเบ้ปากพร้อมกับเอ่ยว่า “เจ้านี่ โง่เง่าเสียจนมิอาจรักษาได้แล้วอย่างแท้จริง เจ้าลองก้าวออกไปสักก้าวดูสิ ! ”

ลองดูก็ลองดู จะทำอันใดข้าได้เยี่ยงนั้นหรือ ?

แต่ทว่าเมื่อตกอยู่ในเป้าสายตาของฟู่เสี่ยวกวน เขากลับพบว่าตนมิอาจก้าวขาออกไปได้ !

ข้าเป็นอันใดไปกัน ?

ข้ากลัวเจ้าหมอนี่เยี่ยงนั้นหรือ ?

มิใช่ !

ข้ามีเลือดเนื้อเชื้อไขอันสูงส่งของแคว้นอี๋ ข้าจะมาเกรงกลัวพ่อค้าที่ดินต่ำต้อยเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน ?

ข้าจะต้องปกป้องศักดิ์ศรีของแคว้นอี๋ !

ข้า…ข้าจะไป !

เขาก้าวขาออกไปเบื้องหน้า ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะขึ้นมาทันใด เสียงหัวเราะของเขาทำให้หัวใจของเยียนหานยวี่สั่นสะท้าน แต่ทว่าฟู่เสี่ยวกวนกลับหันหลังเดินจากไป

จริงดังคาด !

เจ้าหมอนี่เพียงแค่ขู่ให้เขาตกใจเท่านั้น จะกล้าลงมือได้เยี่ยงไร ?

ดังนั้นเยียนหานยวี่จึงก้าวออกไปเป็นก้าวที่สอง เขาหันหลังกลับไปแล้วเดินเข้าไปหาผู้มีความสามารถทั้งสองที่ติดสอยห้อยตามเขามาด้วย

เขาเดินไปอย่างช้า ๆ แต่กลับได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลังว่า “ขอยืมกระบี่เจ้าใช้สักหน่อยได้หรือไม่ ? ”

เสียงนี้เป็นเสียงของฟู่เสี่ยวกวนที่เขาคุ้นเคยดีเสียยิ่งกระไร จะยืมกระบี่ใช้เยี่ยงนั้นหรือ ? กระบี่ของผู้ใด ? เอาไปทำอันใดกัน ?

คำถามสามข้อปรากฏขึ้นมาในสมองของเขาทันทีเมื่อเสียงนั้นเอ่ยจบลง เนื่องจากความประหลาดใจจึงได้หันหลังกลับไปมอง พบว่าหนิงซือเหยียนส่งกระบี่ที่ปลิดชีพคนกว่าห้าสิบคนโดยมิมีคราบเลือดติดแม้แต่หยดเดียวส่งไปให้กับฟู่เสี่ยวกวน

แต่ทันใดนั้นฝานเทียนหนิงก็ได้เดินมาหยุดอยู่ข้างกายฟู่เสี่ยวกวน แล้วยื่นมือออกไปจับมือข้างที่ฟู่เสี่ยวกวนถือกระบี่เอาไว้

“หากเจ้าฆ่าเขา เกรงว่าจะนำมาซึ่งความวุ่นวาย”

ฟู่เสี่ยวกวนเข้าใจความหมายของฝานเทียนหนิงดี เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้ามิฆ่าเขาหรอก หากเขาตายไปคงเสียดายแย่”

ฝานเทียนหนิงและเยียนหานยวี่ชะงักลง “หมายความว่าเยี่ยงไร ? ”

“ฝานเทียนหนิง เจ้าว่าหากข้าช่วยเขาสักหน่อยให้เขาได้เป็นจักรพรรดิ เป็นความคิดที่ดีทีเดียวใช่หรือไม่ ?

ฝานเทียนหนิงคิดในใจว่า เจ้าทำให้เขาขุ่นเคืองใจแล้วหากเยียนหานยวี่ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งแคว้นอี๋ จะมิทำให้ราชวงศ์หยูถูกโจมตีหนักกว่าเดิมหรือ ?

แต่ต่อจากนั้นแววตาของเขาก็เป็นประกายแล้วหัวเราะออกมา เพิ่งเข้าใจถึงความหมายของฟู่เสี่ยวกวน

“แคว้นอี๋มีองค์ชายทั้งสิ้น 4 พระองค์ จากความสามารถส่วนตัวขององค์ชายหก จะมีปัญญาขึ้นเป็นจักรพรรดิได้เยี่ยงไร”

“หากข้าฆ่าองค์ชายอีก 3 คนทิ้งเสีย เหลือเยียนหานยวี่ไว้เพียงคนเดียว ต่อให้องค์จักรพรรดิจากแคว้นอี๋ต้องการมีบุตรชายอีก คาดว่าคงมิทันการเสียแล้ว”

“…” ฝานเทียนหนิงจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนอย่างเหลือเชื่อ เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วหรือเยี่ยงไร เขาจะมิทำเช่นนั้นจริง ๆ ใช่หรือไม่ ?

เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ตนคงคิดมากไปเอง ต่อให้ฟู่เสี่ยวกวนมีความสามารถมากพอ เขาก็คงมิลอบฆ่าองค์ชายทั้งสามคนเป็นแน่

เยียนหานยวี่ก็ตกตะลึงเช่นกัน สมองเขาเพี้ยนไปแล้วหรือเยี่ยงไร พระราชวังแห่งแคว้นอี๋เข้าออกได้ง่าย ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ?

แต่ว่า…หากฟู่เสี่ยวกวนฆ่าพี่ชายทั้งสามคนของเขาได้จริง ๆ เล่า

ตำแหน่งจักรพรรดิแห่งแคว้นอี๋นั้นก็ต้องตกเป็นของเขา องค์ชายหกมิเคยคิดมาก่อน เพราะเขามิใช่บุตรของจักรพรรดินี พี่ชายของเขานั่งในตำแหน่งองค์รัชทายาทมา 4 ปีแล้ว

องค์ชายรัชทายาทเยียนเหลียงเจ๋อเป็นผู้มีความสามารถทั้งด้านบู๊และบุ๋น การลักลอบเข้าราชอาณาจักรหยูในครานี้เป็นผลงานขององค์ชายรัชทายาท ซึ่งเสด็จพ่อภาคภูมิใจมากยิ่งนัก

จากความสามารถอันเล็กน้อยของเขานั้น มิอาจทำให้ตำแหน่งรัชทายาทสั่นคลอนได้เลยแม้แต่น้อย ดีมิดีอาจจะทำลายชีวิตของตนเองก็เป็นได้

ในมือของฟู่เสี่ยวกวนมีผู้มีฝีมือมากมาย หากเขามีโอกาสละก็…คาดว่าจะสามารถฆ่าพี่ชายทั้งสามของเขาได้เป็นแน่…

เยียนหานยวี่เริ่มสั่นคลอน นั่นตำแหน่งองค์จักรพรรดิเชียว !

เช่นนั้นแคว้นอี๋ก็เป็นของเขาทั้งหมด !

จักรพรรดินีแม้จะอายุสามสิบสองแล้ว แต่มองไปยังคล้ายยี่สิบสาม รูปร่างบอบบางอรชรของนางนั้นช่างน่าทะนุถนอมมากยิ่งนัก

หลังวังยังมีพระสนมมากมายหน้าตางดงามราวกับเทพธิดา อีกทั้งพระชายาขององค์รัชทายาท แม้จะทรงให้กำเนิดบุตรแล้วแต่สรีระของนางมิได้เปลี่ยนไปเลย ยังคงสง่างามดังเดิม

เมื่อคิดดูแล้วก็น้ำลายไหล ก่อนหน้านี้ได้แต่ลอบคิดไปว่า หากข้าได้นั่งบนบัลลังก์นี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นของข้า !

เยียนหานยวี่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาอยากจะเดินเข้าไปข้าง ๆ ฟู่เสี่ยวกวนแล้วนั่งดื่มกับเขา สนทนาว่าจะดำเนินการเยี่ยงไร

ฟู่เสี่ยวกวนยืนถือกระบี่อยู่เบื้องหน้าเยียนหานยวี่ “ข้าคิดว่าหากเรื่องในราชวงศ์อู๋จัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าจะส่งคนไปติดต่อที่แคว้นอี๋ เมื่อถึงเวลาแล้วเจ้าเพียงเล่าถึงสถานการณ์ของพี่ชายทั้งสามของเจ้าให้คนของข้าฟัง เรื่องอื่น ๆ เจ้ามิต้องกังวล รอวันขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งแคว้นอี๋เถอะ”

เยียนหานยวี่ยินดียิ่ง แต่สีหน้าของเขามิได้แสดงออกใด ๆ เขาเพียงมองดูฟู่เสี่ยวกวนและมิได้เอ่ยอันใดออกมา

“เพื่อเป็นการแสดงถึงความจริงใจ เพื่อป้องกันมิให้เจ้าถูกสงสัย ดังนั้น…เจ้าควรทิ้งบางอย่างไว้ที่นี่”

เยียนหานยวี่ชะงักลง ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถามเขาอีกว่า “เจ้าลองคิดดูเอาว่า จะเป็นมือซ้ายหรือมือขวา ? ”

เจ้าหมอนี่จะตัดมือเขาเยี่ยงนั้นหรือ ?

เขาจะยอมได้เยี่ยงไร !

เยียนหานยวี่กำลังจะเอ่ยบางอย่างออกมา แต่ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “เจ้าคิดดูให้ดี หากเจ้าจะยอมถอนตัว ก็ละทิ้งแผนการนี้เสีย”

“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากหลังจากนี้เจ้ายังมิตอบ ก็เชิญกลับไปได้ นับแต่นี้พวกเราต่างคนต่างอยู่ อย่าได้เกี่ยวข้องกันอีก”

หนิงซือเหยียนมองดูฟู่เสี่ยวกวนแล้วคิดว่า

เหตุใดจึงต้องนับถึงสามอีก ?

เยียนหานยวี่ต่อให้โง่เง่าเพียงใดก็คงมิได้โง่ถึงเพียงนั้นหรอกมิใช่หรือ !

“สาม ! ”

“สอง ! ”

ฝานเทียนหนิงคิดว่าการที่ฟู่เสี่ยวกวนทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้องค์ชายหกยอมแพ้ไป เป็นไปตามที่เขาคิด หากฟู่เสี่ยวกวนตัดแขนองค์ชายหกจริง ๆ ต่อให้ที่นี่คือราชวงศ์อู๋ จักรพรรดิแห่งแคว้นอี๋ก็ต้องเดือดดาลและยกกองทัพโจมตีราชวงศ์หยูอย่างแน่นอน

ผลที่ตามมาอาจทำให้จักรพรรดิหยูยิ่นมิอาจต้านรับได้ อีกทั้งบรรดาขุนนางทั้งหลายก็คงกล่าวโทษฟู่เสี่ยวกวนเป็นแน่

ดังนั้น ทางที่ดีควรเป็นเช่นบัดนี้

แต่เขาคาดมิถึงว่า เยียนหานยวี่กลับเปิดปากขึ้นว่า “มือซ้าย ! ”

“ดี ดีมาก ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนหยิบกระบี่ขึ้นมา เมื่อทุกคนเห็นประกายกระบี่ก็ได้ยินเสียงเยียนหานยวี่ร้องออกมาอย่างโหยหวน “อ๊าก… ! ” แขนขวาของเขาถูกฟัน เลือดสีแดงสดไหลนองน่าสยดสยอง

“ขอแสดงความยินดีด้วยองค์ชายหก ท่านจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งแคว้นอี๋ในมิช้า ! ”

“ข้าบอกว่าแขนซ้าย ! ”

“ใช่สิ” ฟู่เสี่ยวกวนก้มลงเก็บแขนขวาขึ้นมาให้เยียนหานยวี่ “ข้าเหลือแขนซ้ายไว้ให้ ข้าฟันผิดไปเยี่ยงนั้นหรือ ? ”