ตอนที่ 463 กล้าแย่งผู้หญิงของฉันเรอะ

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอนที่ 463 กล้าแย่งผู้หญิงของฉันเรอะ?

ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้งั้นเหรอ!

แหมโอหังจริงๆ!

จางเชี่ยนจือส่งยิ้มให้กับเจิ้งหงแล้วกล่าว “ได้ยินมานานแล้วว่าเจิ้งหงเป็นอัจฉริยะที่ทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรียนอะไรก็ตามแต่เพียงเดี๋ยวเดียวก็จะทำได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นศิลปะแขนงต่างๆ ก็ล้วนแต่เชี่ยวชาญด้วย”

เจิ้งหงแสร้งทำเป็นอ่อนน้อม “คุณน้าชมผมเกินไป ผมไม่ได้ทำได้ทุกอย่างหรอกครับ แต่ว่าพวกเครื่องดนตรีอย่างเปียโน กีตาร์ กลองชุด ไวโอลิน เชลโล่ หรือว่ากีฬาอย่างบาสเก็ตบอล ฟุตบอล ซอกเกอร์ ปิงปอง กอล์ฟรวมไปถึงศิลปะการต่อสู้ อย่างมวยอะไรพวกนี้ผมก็เป็นนะครับ”

ทุกคนฮือฮา ท่าทางอายุเพิ่งจะ 20 ต้นๆ แล้วทำได้ทุกอย่างแบบที่เขาบอกจริงๆ เหรอ?

“ทำได้ทุกอย่างเหรอ?”

เย่เฉินเริ่มสดใจในตัวชายคนนี้ พูดกันตามตรงแล้วคำว่าทำได้ทุกอย่างเป็นคำที่ใช้บรรยายสรรพคุณของเย่เฉิน

เย่เฉินได้รับการฝึกฝนมาหลายระเภทตั้งแต่เด็กๆ ทั้งหมดที่เจิ้งหงเพิ่งพูดถึงเมื่อครู่เย่เฉินก็ทำเป็นหมด หรือว่าเจิ้งหงเป็นเหมือนตัวเองที่เคยโดนเคี่ยวเข็ญฝึกฝนอย่างทุกข์ทนต่างๆ นานาเหมือนกันเหรอ?

เจิ้งหงปรายตามองแกรนด์เปียโนในบ้านก็หันมองซูมู่ชิง

“คุณหนูซูมู่ชิง ผมขอมอบบทเพลงให้คุณสักบทได้ไหม? คุณอยากฟังเพลงอะไรครับ เชิญเลือกมาได้เลยครับ ผมเล่นได้ทุกเพลง!”

ซูมู่ชิงเองก็ตกใจกับคนที่เหมือนว่าจะทำได้ทุกอย่างคนนี้อย่างตกใจจึงตอบ“วันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่ฉัน คุณให้คุณปู่ฉันเลือกดีกว่าค่ะ”

ซูเจิ้นหางกล่าว “ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องดนตรีอะไรมากนักหรอก เจิ้งหง เธอเล่นเพลงอะไรก็ได้”

เจิ้งหงพยักหน้ารับ“ก็ได้ครับ งั้นผมเล่นสักเพลงใน The Well-Tempered Clavier ก็แล้วกัน!”

เจิ้งหงทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้สีดำ มือสองข้างจรดลงบรรเพลงบทเพลงอย่างรวดเร็ว

นี่คือบทเพลง Prelude and Fugue No 2 BWV 847 ถือได้ว่าเป็นบทเพลงที่ใช้ในการสอบเปียโน ถือเป็นบทเพลงที่ค่อนข้างยากเอาการ

คนจำนวนไม่น้อยต่างก็กล่าวชม

“หนุ่มคนนี้เล่นเปียโนเก่งนี่ เป็นระดับสิบ!”

“เล่นเร็วมากเลยนะเนี่ย แต่เสียงฟังแล้วอื้ออึงเหมือนมีผึ้งบินวนอยู่รอบๆ เลย ไม่สบายหู”

“จริงด้วย เล่นเสียเร็วเชียว ไม่มีอารมณ์ร่วมอะไรเลย! ไม่ทำให้ฉันซาบซึ้งอะไรเลยเนี่ย”

“เอาน่า เขาทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง ไม่ใช่นักเปียโนมือเอกเสียหน่อย ระดับสิบก็เก่งแล้ว!”

หลายนาทีผ่านไป เมื่อบรรเลงเพลงจบทุกคนก็ปรบมือให้เขา

แต่บทเพลงที่เข้าถึงยากก็ทำให้คนอินน้อย เขาเลือกบทเพลงของ BACH ที่เป็นเพลงในช่วงยุคคลาสิคย่อมต้องไม่สามารถทำให้แขกเหล่านี้อินได้

แขกพวกนี้ถึงจะเป็นคนในสังคมชั้นสูงของในประเทศ แต่ว่าสังคมไฮโซในประเทศนี้ก็ยังแตกต่างกับไฮโซที่ยุโรปอยู่ดี

ไฮโซที่ต่างประเทศฟังเพลงคลาสสิค สูบซิการ์ ดื่มไวน์

แต่ไฮโซในประเทศนี้ไม่มีรสนิยมแบบนี้ ดังนั้นพอฟังแล้วก็รู้สึกหนวกหู ไม่รู้สึกอะไรเลย

“ตาแก่พวกนี้ไม่รู้สึกอะไรกับเพลงของเราเลย ไม่มีรสนิยมจริงๆ!”

เจิ้งหงด่าพวกเขาในใจแล้วลอบกล่าว “น่าจะต้องหาของตลาดล่างหน่อย!”

เมื่อบรรเลงเปียโนเสร็จ เจิ้งหงก็กล่าวกับซูเจิ้นหาง “ท่านซูครับ ผมค่อนข้างชอบเล่นบาสเก็ตบอล ผมดังก์บาสให้ท่านดูไหมครับ?”

“ดังก์บาสเหรอ? ดีนี่ ดี ใครก็ได้ช่วยเตรียมแป้นบาสให้เจิ้งหงเขาหน่อย!” ซูเจิ้นหางกำชับ

ทุกคนประหลาดใจอย่างมาก เจิ้งหงสูงประมาณ 180 ซม. ก็ไม่ได้ถือว่าสูงมากนัก

ในประเทศนี้คนที่สูง 180 ซม.แล้วดังก์บาสได้มีค่อนข้างน้อย มีคนจำนวนมากที่แตะห่วงบาสยังไม่ได้เลย

“หมอนี่ ดันเลือกในสิ่งที่ฉันถนัดที่สุด”

เย่เฉินรู้สึกสนใจขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าตนเองกับเจิ้งหงจะมีจุดที่คล้ายกันอย่างมาก

และแล้วสตาฟของงานก็เตรียมแป้นบาสที่สูงได้มาตรฐานมาให้เจิ้งหง

เจิ้งหงถือลูกบาส Spalding เดินมาหยุดตรงหน้าของซูมู่ชิงแล้วเชื้อเชิญหญิงสาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“คุณหนูซู การดังก์บาสของผมนี้จำเป็นต้องมีคนร่วมแสดงด้วย จะรบกวนขอคุณช่วยร่วมแสดงกับผมหน่อยได้ไหมครับ?”

ซูมู่ชิงชะงัก “ร่วมแสดงเหรอ? จะให้ฉันช่วยส่งลูกบาสให้คุณเหรอ?”

เจิ้งหงกล่าว “ก็ประมาณนั้นครับ แต่ว่าไม่ต้องการให้คุณช่วยส่งลูกบาสให้หรอกนะ คุณแค่ช่วยชูบาสให้อยู่เหนือหัวก็พอ ผมจะบินไปหยิบมาแล้วดังก์บาสใส่ห่วง!”

นี่ไม่ใช่คำขอที่เกินเลยไป อีกทั้งนี่เป็นการแสดงให้คุณปู่ชม ในฐานะที่หล่อนเป็นหลานสาวจะมีส่วนร่วมก็สมควร

ซูมู่ชิงจึงตอบ “ก็ได้”

“ไม่ได้!”

ในตอนที่ซูมู่ชิงกำลังจะลุกขึ้น เย่เฉินก็ขัดทันที

บาสเก็ตบอล การแสดงดังก์บาส เป็นกีฬาที่แสนจะศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนอย่างเย่เฉินที่ชอบบาสเก็ตบอลเป็นชีวิตจิตใจ!

ตอนเด็กๆ เขามักจะจินตนาการว่าในภายภาคหน้า ว่าจะได้ซ้อมบาสและโชว์ดังก์บาสด้วยกันกับผู้หญิงที่ตนเองรักที่สุด!

เหมือนซากุรางิ ฮานามิจิและอาคางิ ฮารุโกะในการ์ตูนสแลมดังก์

ตั้งแต่เย่เฉินแต่งงานกับซูมู่ชิงมา พวกเขายังไม่เคยซ้อมบาสด้วยกันเลย พวกเขาสองคนยังไม่เคยซ้อมด้วยกันเลย

วินาทีที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนี้จะปล่อยให้เจิ้งหงแย่งไปได้อย่างไร!

ในสายตาเย่เฉิน การได้เหยียบสนามบาสของซูมู่ชิงครั้งแรก มันสำคัญเหมือนกับครั้งแรกในชีวิตขอหญิงสาวเลย !

ดังนั้นเย่เฉินจึงไม่อนุญาตในซูมู่ชิงแสดงกับเจิ้งหง

เจิ้งหงมองเย่เฉินอย่างค่อนข้างหัวเสีย

แต่ซูมู่เสวี่ยกลับกล่าวว่า “เย่เฉินนายใจแคบเกินไปแล้ว เพียงแค่ร่วมโชว์บาสเก็ตบอลเท่านั้นเอง ไม่ได้ให้เมียนายจูงมือเต้นรำกับเขาสองคนสักหน่อย ทำไมต้องไม่ยอม? นี่เข้มงวดกับเมียเกินไปหรือเปล่า? เจิ้งหง ฉันช่วยคุณเองค่ะ”

ซูมู่เสวี่ยพูดพลางลุกขึ้นเพื่อช่วยเจิ้งหง

“ขอบคุณครับคุณซู”

เจิ้งหงกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็อาศัยว่าเย่เฉินตาบอดก็เลยกลอกตาใส่เย่เฉินอย่างไม่หวาดกลัวอะไร

แล้วจึงเห็นซูมู่เสวี่ยชูบาสขึ้น เจิ้งหงก็นรีบกระโดดขึ้นคว้าลูกบาสกลางอากาศ จากนั้นก็ 360 Windmill Dunk แล้วกระแทกลูกบาสลงห่วงไป!

โครม!

“สวรรค์! Windmill Dunk! คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำท่านี้เป็นด้วย!”

“ร่างกายแข็งแรงมากจริงๆ! ผู้หญิงควรจะแต่งงานกับผู้ชายหุ่นดีแบบนี้!”

“คนสูง 180 ซม.สามารถทำ Windmill Dunk ได้มีอยู่กันแค่จำนวนนับนิ้วได้ คุณสมบัติร่างกายของเจิ้งหงถือได้ว่าเป็นสุดยอดคนในบรรดาคนหัวทองได้แล้ว!”

กระทั่งซูมู่ชิงยังเอามือปิดปากอย่างอดไม่ได้แล้วอุทาน “เก่งจังเลย!”

“เก่งก็แย่แล้ว! Windmill Dunk มีอะไรเท่นักหนา เราก็ทำได้!”

เมื่อเย่เฉินได้ยินภรรยาชมผู้ชายคนอื่น หลงรักผู้ชายคนอื่นเพลิงริษยาก็ลุกโชนในใจ

ทว่าเจิ้งหงที่เล่นเปียโนระดับสิบ แถมยังดังก์บาสแบบ Windmill Dunk ได้ด้วย บวกกับที่เมื่อครู่เขาโยนช้อนใส่หลังมือของหม่าอวี่ได้อย่างแม่นยำ

หมอนี่ถือว่าเป็นผู้เข้าร่วมแข่งขันที่ทำได้ทุกอย่าง

เย่เฉินมาอยู่ที่นี่มาหลายปี ก็ยังไม่เคยเจอคู่แข่งที่เก่งแบบนี้ในบรรดาคนที่อายุเท่ากัน

เย่เฉินเห็นใบหน้าของซูมู่ชิงที่ตกตะลึง ลมพิษหึงก็แล่นขึ้นเป็นริ้วๆ “เสียดายตอนงานโอลิมปิกที่ญี่ปุ่น มู่ชิงก็ไม่ได้อยู่ด้วยเลยไม่ทันเห็นท่าดังก์บาสในตอนนั้นของเรา ไม่อย่างนั้นหล่อนจะไม่มีตกใจเพราะแค่ท่าดังก์บาสง่ายๆ นี้แล้ว!”

เย่เฉินกำหมัดแน่น เจิ้งหงคนนั้นทั้งเล่นเปียโนแถมยังดังก์ดังก์บาสอีก นี่มันทำให้ซูมู่ชิงดูชัดๆ!

“กล้าแย่งผู้หญิงของฉัน รนหาที่ตายชัดๆ!