ตอนที่ 48 ความสงสัยอย่างรุนแรง
หนึ่งคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันรุ่งขึ้น จี้เทียนซิงออกจากการบ่มเพาะและเดินออกจากห้องลับ
ในตอนนี้ตัวอ่อนกระบี่ของเขาขยายตัวขึ้นถึง 30% ทักษะความสามารถของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมากตลอดจนความแข็งแกร่งที่สูงขึ้นอีกด้วย
หลังจากพักหาอะไรลงท้องและกำลังจะกลับไปฝึกฝนต่อ ทันใดนั้นเองฮวนเอ๋อก็เข้ามารายงานว่า องค์หญิงน้อยเค่อเค่อมาหาอีกครั้ง !
จี้เทียนซิงตะลึงงันและมุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้น
*“*ตรงตามเวลาที่ข้าคำนวณไว้เลย นางกลับมาถึงเมืองจักรวรรดิแล้ว”
*“*จะว่าไปนางก็ไปเทือกเขาเย่เพื่อค้นหาดอกไม้ดาราแดงมาให้ข้า หรือว่านางมาที่นี่เพื่อเรื่องนี้กันนะ”
จี้เทียนซิงขบคิดในใจและเดินไปที่สวนเพื่อรอต้อนรับนาง
ครู่ต่อมาจี้เค่อที่สวมชุดสีเหลืองก็เดินเข้ามาในสวนพร้อมกับองครักษ์ของนาง
วันนี้นางก็ยังคงสวมใส่ชุดที่ดูน่ารักสดใส มีเพียงใบหน้างดงามที่แฝงร่องรอยของความหงุดหงิดและเหนื่อยล้าเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนว่านางอารมณ์ไม่ค่อยดี
“พี่ใหญ่เทียนซิง ข้ากลับมาแล้ว”
นางเอ่ยปากทักทายจี้เทียนซิงและเข้าไปในห้องเพื่อนั่งลงพูดคุย นางกล่าวว่า “พี่ใหญ่เทียนซิง ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านต้องรอนาน ข้าช้าไปก้าวหนึ่งเลยไม่ได้ดอกไม้ดาราแดงกลับมา ข้าทำให้ท่านต้องผิดหวังแล้ว…”
จี้เทียนซิงพอจะเดาออกว่านางคงทำไม่สำเร็จ เขาไม่ได้ผิดหวังอะไรเพียงแค่เผยรอยยิ้มและปลอบโยนนางว่า “เค่อเค่อ ไม่เป็นไรหรอก เพียงแค่น้ำใจของเจ้า ข้าก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว”
องค์หญิงจี้เค่อยังคงรู้สึกหดหู่ใจมากและพูดพึมพำว่า “น่าโมโหนักเชียว เรื่องนี้ต้องโทษองค์ราชา เขาเป็นผู้ได้ดอกไม้ดาราแดงไป !”
“หลังจากเขาได้มันไปก็ปิดประตูบ่มเพาะเป็นเวลาสองวันและรักษาตันเถียนที่เสียหายได้สำเร็จ บัดนี้เขาตัดผ่านไปยังเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงแล้ว”
“หืม ?!” จี้เทียนซิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและขมวดคิ้ว
“เค่อเค่อ เจ้าว่าอะไรนะ ? องค์ราชา…. เป็นผู้ได้ดอกไม้ดาราแดง ? องค์ราชาที่เจ้าว่าหมายถึง… จี้หลิง ?”
“ถูกต้อง ไม่ใช่พระองค์แล้วจะเป็นผู้ใดเล่า”
องค์หญิงน้อยพยักหน้าและสีหน้าของนางก็กลายเป็นหดหู่มากขึ้นเรื่อยๆ
“องค์ราชาก็เป็นแบบเดียวกับเสด็จปู่ของข้า ตันเถียนพิการแต่กำเนิด ท่านไม่สามารถบ่มเพาะพลังต้นกำเนิดได้ ชั่วชีวิตจึงหยุดอยู่แค่ระดับปรับแต่งกายาเท่านั้น แต่หลังจากได้ดอกไม้ดาราแดง ท่านก็ฟื้นฟูจนบ่มเพาะได้และกลายเป็นยอดฝีมือ”
“องค์ราชาจี้หลิงมียอดฝีมือในสังกัดมากมาย แถมชื่อเสียงของพระองค์ก็เป็นที่เลื่องลือ มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่พระองค์จะได้ดอกไม้นั่นมา”
“เสียดายที่ข้าช้าไปก้าวหนึ่ง ไม่งั้นข้าคงได้มันมาก่อนแล้ว … ”
จี้เทียนซิงแทบไม่ได้ฟังสิ่งที่องค์หญิงน้อยบ่นครวญครางออกมาเลย ในหัวเขาเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างท่วมท้น
เรื่องที่ราชาจี้หลิงตันเถียนพิการแต่กำเนิดนั้นไม่ใช่ความลับ ทุกคนในรัฐนภากระจ่างต่างก็รู้กันดี
การที่ราชาจี้หลิงจำเป็นต้องใช้ดอกไม้ดาราแดงเพื่อฟื้นฟูตันเถียนนั้นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
แต่ทว่า…. สิ่งที่จี้เทียนซิงคาใจก็คือ เขารู้ดีว่าทุก 60 ปีดอกไม้ดาราแดงจะเบ่งบานเพียงครั้งเดียวและดอกเดียว ! ผู้ที่ได้มันมาครองในรอบนี้ก็คือเขาที่ได้ส่วนกลีบ กับหยุนเหยาที่แบ่งส่วนลำต้นไป ไม่ใช่ราชาจี้หลิง !
เช่นนั้นแล้วองค์ราชาจี้หลิงเอาดอกไม้ดาราแดงจากที่ไหนมารักษาตันเถียน ?!
หรือจะเป็นหยุนเหยามอบให้เขา ?
เมื่อได้คิดถึงเรื่องนี้ จี้เทียนซิงก็รู้สึกว่ามันมีเงื่อนงำแปลกๆ ดังนั้นเขาจึงถามองค์หญิงน้อยต่อไปว่า “เค่อเค่อ แล้วเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ? ราชาจี้หลิงเอาดอกไม้ดาราแดงมาจากไหน ? หรือว่ามีผู้ใดมอบให้เขา ?”
องค์หญิงน้อยมีจิตใจดีงามและนิสัยเรียบง่าย นางไว้วางใจจี้เทียนซิงเป็นอย่างมากจึงบอกกับชายหนุ่มตามความเป็นจริงว่า “มีข่าวมาจากคนในวังวิญญาณเพลิงเมื่อวานนี้ ข้าถึงได้รู้ว่าองค์ราชาได้ฟื้นฟูตันเถียนจนตัดผ่านไปยังเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริง”
“ดังนั้นข้าเลยคิดว่าต้องเป็นพระองค์แน่ ที่ส่งคนไปตามหาดอกไม้ดาราแดงเพื่อมารักษา ข้ายังไปพบพระองค์ตัวตนเองด้วยซ้ำเพื่อถามเรื่องนี้”
“พระองค์ยอมรับด้วยตนเองว่าใช้ดอกไม้ดาราแดงรักษาจริง และได้มาจากการแย่งชิงจากยอดฝีมือผู้หนึ่ง”
“ข้าได้ตรวจสอบอย่างเงียบๆหลังจากนั้น มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ยอดฝีมือภายในวังวิญญาณเพลิงหลายคนสามารถเป็นพยานได้”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ การแสดงออกของจี้เทียนซิงก็ยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัยเข้าไปอีก เขาขบคิดในใจอย่างรวดเร็ว
*“*ด้วยสถานะและชื่อเสียงของแม่นางหยุนเหยา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะถ่อไปเสี่ยงอันตรายถึงเทือกเขาเย่ด้วยตนเองเพื่อหาดอกไม้ดาราแดงมาให้องค์ชายน้อย”
“แสดงว่าองค์ชายน้อยย่อมไม่ได้รักษาตันเถียนด้วยดอกไม้ดาราแดงจริง แต่เขากลับบอกว่าแย่งชิงมาจากยอดฝีมือ ซึ่งเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!**”
“แล้วเพราะเหตุใดเขาถึงต้องโกหก มิหนำซ้ำยังป่าวประกาศเรื่องนี้ให้เป็นที่รับรู้อีกด้วย?**”
“หรือว่า…องค์ชายน้อยกุเรื่องดอกไม้ดาราแดงเป็นข้ออ้างในการปิดบังเหตุผลที่แท้จริงในการฟื้นฟูตันเถียนจนบรรลุเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงได้ในเวลาอันสั้น?!**”
ด้วยความสามารถและความเฉลียวฉลาดของจี้เทียนซิง เขาเริ่มวิเคราะห์เรื่องราวทั้งหมดในเวลาสั้นๆอย่างรวดเร็ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจของเขาก็สะท้านอย่างรุนแรงและนึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ !
“องค์ชายน้อยไม่ได้ดอกไม้ดาราแดง แล้วเขาใช้อะไรรักษาตันเถียน”
*“เป็นลูกปัดครองวิญญาณ!ใช่แล้ว!*ลูกปัดครองวิญญาณมีความสามารถนี้”
“บางทีหลังจากที่หลิงหยุนเฟย ดึงลูกปัดครองวิญญาณที่ฝังในตันเถียนของข้าออกไปแล้ว นางมิได้นำไปขัดเกลาเอง แต่มอบให้องค์ชายน้อย?”
“จากนั้นเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของผู้คน พวกมันทั้งสองจึงปิดเรื่องนี้เอาไว้จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่ดอกไม้ดาราแดงปรากฏขึ้น ในที่สุดพวกมันก็พบข้ออ้างที่สมเหตุสมผล จึงปล่อยข่าวออกไปทันที”
“ถ้าเป็นเช่นนี้จริง…. คนที่ข้าควรจะฆ่านอกจากหลิงหยุนเฟยแล้ว ย่อมต้องเพิ่มองค์ชายจี้หลิงเข้าไปด้วย!**”
เมื่อคิดถึงเรื่องทั้งหมด แววตาของจี้เทียนซิงก็เต็มไปด้วยความหนาวเย็น ในใจเต็มไปด้วยโทสะที่พุ่งพล่านและจิตสังหารอันรุนแรงที่ปะทุขึ้น
ข้อสงสัยที่เขาสรุปมาทั้งหมดนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นจริง !
ในเวลานี้เองเค่อเค่อเห็นชายหนุ่มเงียบไปและแสดงสีหน้าดำทะมึน นางอดใจไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่ใหญ่เทียนซิง เกิดอะไรขึ้นกับท่าน ? ท่านไม่เป็นไรนะ”
จี้เทียนซิงพยุงสติกลับมาและพยายามสะกดข่มโทสะที่ล้นทะลักราวกับทะเลคลั่ง เขาส่ายหัวอย่างสงบด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า
“ข้าไม่เป็นไร เพียงคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
องค์หญิงน้อยแสดงสีหน้าขุ่นเคืองออกมาและเขย่าแขนของอีกฝ่ายพลางกล่าวว่า “พี่ใหญ่เทียนซิง ข้าขอโทษด้วย ข้าทำให้ท่านผิดหวังแล้ว”
“แต่ท่านไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะพยายามหาทางอื่นเพื่อช่วยท่านอย่างสุดกำลังเลย”
“ท่านต้องไม่ท้อแท้ ข้ามั่นใจว่าย่อมมีวิธีอื่นที่จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูพลังกลับมา !”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและแสดงรอยยิ้มอันอบอุ่นออกมา “เค่อเค่อ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ได้ท้อแท้ ข้าไม่ยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้หรอก เดี๋ยวข้าก็ฟื้นฟูได้เอง เจ้าไม่ต้องพะวงเรื่องอาการบาดเจ็บของข้า”
แน่นอนว่าจี้เทียนซิงย่อมปิดเป็นความลับว่าตนเองเป็นผู้ที่ได้ดอกไม้ดาราแดงมาครอบครองจนสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมายังเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงได้อีกครั้ง
ถึงแม้จะเชื่อมั่นในตัวองค์หญิงน้อยเค่อเค่อ แต่นี่เป็นความลับของเขาและเขาไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
องค์หญิงน้อยพูดคุยกับชายหนุ่มอีกชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็กลับออกไปพร้อมกับองครักษ์
หลังจากจี้เทียนซิงส่งองค์หญิงน้อยออกจากตระกูลจี้ไปแล้ว เขาก็เดินกลับไปที่ห้องด้วยใบหน้าที่ครุ่นคิด
เขาตัดสินใจที่จะตรวจสอบดูว่าลูกปัดครองวิญญาณอยู่ที่ไหนโดยเร็วที่สุด และจะมองหาโอกาสในการทดสอบระดับความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเฟยอีกด้วย
หากทุกสิ่งที่เขาสงสัยคือความจริงทั้งหมดก็แสดงว่าตระกูลหลิงกับองค์ชายน้อยร่วมมือกันมานานแล้ว และพร้อมจะจัดการกับเขาอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขากำลังเผชิญกับอันตรายใหญ่หลวงที่ไม่อาจจินตนาการได้ และแม้แต่ตระกูลจี้ทั้งตระกูลก็มีส่วนเกี่ยวข้อง
จี้เทียนซิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เขียนจดหมายด้วยลายมือตัวเองและเดินไปหายามที่สวนพลางกล่าวว่า
“เจ้านำจดหมายของข้าฉบับนี้ไปยังตระกูลหลิง และต้องทำให้แน่ใจว่ามันถึงมือของหลิงหยุนเฟยเท่านั้น ห้ามผู้อื่นเปิดอ่านก่อนโดยเด็ดขาด !”
“ขอรับคุณชายใหญ่ !” ยามร่างกำยำป้องมือและรับจดหมายของชายหนุ่มมาอย่างระมัดระวัง
จากนั้นยามก็ออกจากจวนและไปยังตระกูลหลิงทันที ส่วนจี้เทียนซิงก็หันหลังกลับไปที่ห้องและเข้าไปในห้องลับเพื่อฝึกฝนต่อ
เขาได้ส่งจดหมายไปหาหลิงหยุนเฟยให้ไปพบกันที่สวนพลัมในเขตชานเมืองทางตะวันตกของเมืองจักรวรรดิ
ในตอนนั้นเขาจะพยายามทดสอบความแข็งแกร่งและหยั่งเชิงแผนการของนาง
……
ภายในตระกูลหลิง ณ สวนเล็กๆที่เงียบสงบและหรูหรา
ภายใต้ต้นไทรที่สูงใหญ่ หญิงสาวชุดเขียวผู้งดงามดั่งนางฟ้ากับนั่งอยู่กับชายหนุ่มผู้หนึ่งในอาภรณ์สีขาวสะอาด
หญิงงามในชุดสีเขียวก็คือหลิงหยุนเฟยและชายหนุ่มอาภรณ์ขาวก็คือองค์ชายน้อยจี้หลิง
คนทั้งสองกำลังพูดคุยกันพร้อมกับจิบชาไปด้วย ระหว่างการสนทนาหลิงหยุนเฟยก็ลอบส่งรอยยิ้มทรงเสน่ห์ไปที่อีกฝ่ายเป็นระยะ
ทันใดนั้นเอง องครักษ์หนุ่มที่ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าก็เดินเข้าไปในสวนเล็กๆและเดินไปหาหลิงหยุนเฟยอย่างรวดเร็ว
หลังจากคารวะเสร็จ องครักษ์ผู้นั้นก็ยื่นจดหมายให้นางด้วยความเคารพ
“คุณหนูครับ มีจดหมายจากตระกูลจี้ส่งมาถึงคุณหนูขอรับ”
“อ้อ ? จดหมายของตระกูลจี้ ?” หลิงหยุนเฟยเลิกคิ้วเรียวงามและยกมุมปากพลางเอื้อมมือขาวผ่องไปรับจดหมาย
นางมองไปที่องค์ชายน้อยวูบหนึ่งและเปิดจดหมายอ่าน
เนื้อหาของจดหมายฉบับนี้มีไม่มาก มันมีเพียงสามประโยคเท่านั้น แต่ลงนามไว้ว่าจี้เทียนซิง
หลังจากหลิงหยุนเฟยอ่านจดหมายแล้วใบหน้างดงามของนางก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันดูแคลนอย่างรุนแรงขึ้น
เมื่อนางชำเลืองมองไปเห็นแววตาราวกับจะถามไถ่ขององค์ชายน้อย นางจึงอธิบายว่า “เจ้าขยะไร้ค่าจี้เทียนซิงนัดให้ข้าไปที่สวนพลัมในชานเมืองทางตะวันตกคืนนี้”
“หึหึ มันมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาเย่เพื่อดอกไม้ดาราแดงแต่กลับรอดชีวิตมาได้ มันยังกล้าเสนอหน้ามานัดพบข้า ? รนหาที่ตายชัดๆ !”
“ก็ดี ข้าจะได้จบปัญหาด้วยตนเองเสียเลยในคืนนี้ ! ลงมือครั้งเดียวจบเรื่องจบราวทั้งหมด”
องค์ชายจี้หลิงเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเอ่ยเตือนว่า “เฟยเฟย เจ้าจงอย่าประมาท จี้เทียนซิงผู้นี้มิอาจประเมินสติปัญญาของมันต่ำไปได้”
“หรือจะให้เราราชาไปกับเจ้า ?”
หลิงหยุนเฟยยิ้มอ่อนหวานและส่ายหัวปฏิเสธ
“ก็แค่ขยะไร้ค่าที่ไม่ได้อยู่ในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงด้วยซ้ำ อย่างมันจะเป็นภัยคุกคามอันใดได้ ? สำหรับข้านั้นง่ายมากที่จะสังหารมัน !”