ตอนที่ 278 เลี้ยงข้าวพวกนาย / ตอนที่ 279 อย่าหนีอีก

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 278 เลี้ยงข้าวพวกนาย

 

 

ชุยหังมองไปทางหลูจื้อแล้วถามออกมาทีละคำว่า: “ดังนั้นตอนนี้นายกำลังได้เปรียบฉัน?”

 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว เสพติดแล้วด้วย” หลูจื้อว่า

 

 

ต่อหน้าซ่งไข่พวกเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรมากเกินไป ไม่ว่ายังไงเขาก็รู้ทุกอย่างดีอยู่แล้ว

 

 

ชุยหังทำอะไรไม่ถูกและพูดว่า: “ได้ ฉันรู้แล้ว”

 

 

“อีกเดี๋ยวพอถึงที่แล้วพวกนายหาสักที่พอถูๆ ไถๆ ไปก่อนสักคืนนะ แล้วก็ตอนเย็นฉันขอเลี้ยงข้าวพวกนายแล้วกัน” ซ่งไข่พูด

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “ผู้บังคับกองซ่งหยิบยกขึ้นมาขนาดนี้แล้วฉันก็ต้องไว้หน้าแน่นอนอยู่แล้ว”

 

 

ชุยหังไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อตอนนี้เขาพูดอะไรไปก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

 

 

หลูจื้อสิถึงเป็นหัวหน้าครอบครัวเล็กๆ นี้ ในเมื่อเขาตกลงรับปากแล้ว ตนก็ไม่เหลือที่ให้ปฏิเสธได้แล้วอย่างแน่นอน

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ซ่งไข่ก็ช่วยเอาไว้ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะไม่มีทางได้กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่เร็วขนาดนี้

 

 

อันที่จริงครั้งนี้ที่ตนหนีไปก็นับว่าเป็นการหยุดพักระหว่างฉาก

 

 

โชคดีที่หลูจื้อไม่ได้ทอดทิ้งตน นอกจากความรู้สึกของเขาที่มีต่อตนแล้วก็คงจะเกี่ยวข้องกับคำอธิบายของซ่งไข่เกี่ยวกับความกดดันที่เกิดขึ้นกับตนในช่วงนี้ด้วยแน่

 

 

มิฉะนั้นผู้ชายแท้คนหนึ่งจะรู้ได้ยังไงว่าจิตใจของมนุษย์ในแวดวงนี้มันลึกลับซับซ้อนมากขนาดไหน

 

 

พวกเขามาถึงที่ใกล้กองทัพแล้ว ชุยหังพึ่งจะเคยมาพักที่เกสต์เฮาส์นี้เป็นครั้งแรก จากนั้นเขาก็วางข้าวของไว้ก่อนแล้วออกไปกินข้าว

 

 

ที่โต๊ะอาหาร ชุยหังยังคงกังวลเล็กน้อย

 

 

“นายมองซ้ายมองขวาหาอะไรอยู่” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังพูดด้วยเสียงเบาว่า: “ที่นี่คงจะไม่มีคนมาหรอกใช่ไหม”

 

 

“พวกเราไม่ใช่คนหรอ จะไม่มีคนมาได้ยังไง” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังพูดว่า: “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันหมายความว่าคนจากกองทหารของพวกนายจะไม่มาใช่ไหม ถ้าให้พวกเขาเห็นเข้ามันจะไม่ค่อยดีใช่ไหม”

 

 

“ไม่เป็นไร นายกินของนายไป ยังไงถ้ามีคนมาพวกเราก็แค่ผลักนายออกไปก็เรียบร้อยแล้ว อีกอย่างพวกเขามาที่นี่ทำไม แน่นอนว่าต้องกินข้าว พวกเขายังมาได้ยังจะกล้าว่าพวกเราอีก?” ซ่งไข่กล่าว

 

 

หลังจากได้ฟังคำพูดของซ่งไข่แล้ว ชุยหังก็พึมพำออกมาหนึ่งประโยค: “ดูเหมือนพวกนายจะทำเรื่องแบบนี้บ่อยล่ะสิ…”

 

 

“นายคือผู้บังคับกองซ่งไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนะ…” หลูจื้อรีบละทิ้งความสัมพันธ์ทันที

 

 

ซ่งไข่ชี้ไปทางหลูจื้อแต่สุดท้ายก็ยอมแพ้การโต้เถียงกัน

 

 

“ช่างมันละ ในเมื่อภรรยาของนายอยู่ตรงนี้ดังนั้นฉันจะไว้หน้านาย เป็นฉันเองทั้งหมด ครูฝึกหลูของพวกนายเป็นทหารที่ดีมาก แต่ไหนแต่ไรไม่เคยทำอะไรที่ขัดต่อระเบียบวินัยเลย”

 

 

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันโตมากับความชอบธรรม” หลูจื้อว่า

 

 

ชุยหังอดทนพยายามไม่แขวะเพราะกังวลว่าจะเป็นการเผาตัวเอง

 

 

“ดื่มเหล้าหน่อยไหม” ซ่งไข่ถาม

 

 

ชุยหังรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า: “ไม่ดื่มดีกว่า เผื่อพวกนายกลับไปแล้วเกิดเรื่องขึ้นมาผมรับผิดชอบไม่ไหว”

 

 

ครั้งนี้หลูจื้อกลับยืนอยู่ทางฝั่งเขาด้วย: “ไม่ดื่มหรอก วันนี้ยังมีธุระ”

 

 

หลังจากนั้นเขาก็จงใจเหลือบมองไปทางชุยหังก่อนจะเลิกคิ้วแล้วพูดว่า: “ใช่ไหม”

 

 

“เอ่อ…นายว่าใช่ก็ใช่แหละ…” ชุยหังกล่าว

 

 

พูดจบเขาก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว

 

 

หลังจากผ่านไปหลายวันเขาก็ได้รู้ถึงรสชาติความเผ็ดร้อนแบบต้นตำหรับของเมืองเอ้อใหม่อีกครั้ง เขานึกถึงอาหารที่ไม่มีน้ำมันแล้วก็โจ๊กที่ไท่อานแล้วก็รู้สึกว่าที่นี่ยังนับว่ามีความสุขมากทีเดียว

 

 

“เรื่องบ้านฉันช่วยพวกนายดูไว้หลายที่แล้ว ต่างก็ห่างจากที่นี่ไกล ส่วนราคาก็ใช้ได้ถึงเวลานั้นฉันจะให้หมายเลขโทรศัพท์ทั้งหมดกับพวกนาย แล้วพวกนายติดต่อกับเจ้าของบ้านเองก็เรียบร้อยแล้ว” ซ่งไข่กล่าว

 

 

ภายในใจของชุยหังเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ในที่สุดตนกับหลูจื้อก็จะได้มีช่องว่างที่นับว่าเป็นของพวกเขาแล้ว

 

 

การหนีไปครั้งนี้แลกผลลัพธ์แบบนี้กลับมา แม้ว่ากระบวนการจะค่อนข้างปวดใจไปหน่อย แต่ตอนจบก็นับว่าไม่เลวเลย

 

 

เพียงแค่ความงานแบบนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 279 อย่าหนีอีก

 

 

หลังจากรับประทานอาหารซ่งไข่ก็ขอตัวแยกกลับไปแล้ว และไม่ได้พูดเสนอว่าต้องไปนั่งเล่นอยู่ที่ห้องของพวกเขาสักหน่อยด้วย

 

 

เวลาที่เหลือเป็นของพวกเขา

 

 

หลังจากกลับไปที่เกสต์เฮาส์หลูจื้อดูผ่อนคลายมาก

 

 

“ในที่สุดก็ถึงบ้านแล้ว นายรู้สึกยังไงบ้าง” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังครุ่นคิดแล้วพูดว่า: “รู้สึกเหมือนมีชีวิตอีกครั้ง ตั้งหน้าตั้งตารอมากพอสมควร”

 

 

“ตั้งตารออะไร ตั้งตารอฉันหรอ” หลูจื้อถามอย่างหลงตัวเองสุดๆ

 

 

ชุยหังพูดว่า: “นายไปสร้างความมั่นใจในตัวเองแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

“ตั้งแต่ตอนที่นายดื่มจนเมาแล้วก็จูบฉันไปหนึ่งครั้งตอนนั้น ฉันรู้เลยว่านายคิดถึงฉันอยู่ตลอด” หลูจื้อว่า

 

 

ในเวลานั้นใบหน้าของชุยหังเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที: “ตอนนั้น…ตอนนั้น…”

 

 

“ไม่ต้องกังวล ตอนนั้นฉันไม่ได้รู้สึกว่าน่ารังเกียจหรอก ไม่งั้นวันนั้นนายก็คงแยกตัวไปไม่ได้ คงจะถูกต่อยไปแล้ว” หลูจื้อพูด

 

 

บรรยากาศเหมือนมีฟองอากาศสีชมพูลอยอยู่เต็มไปหมด ชุยหังรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มร้อนขึ้นมานิดหน่อย

 

 

“ตอนนั้นนายกำลังทดสอบฉัน?” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งนึกถึงสภาพจิตใจของเขาในตอนนั้นจากนั้นก็พูดว่า: “ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นถึงได้หุนหันพลันแล่น…”

 

 

“หุนหันพลันแล่น? แม่งแค่เพราะความหุนหันพลันแล่นครั้งเดียวของนายทำเอาฉันนอนไม่หลับทั้งคืน? ไม่ได้ วันนี้นายอย่าคิดอยากจะนอนเลย” หลูจื้อกล่าว

 

 

ชุยหังรีบพูดว่า: “เมื่อคืนวานนี้ฉันก็ไม่ได้นอนถือซะว่าเสมอกันไม่ได้หรอ”

 

 

“นายบอกว่าเสมอก็ต้องเสมอ? เมื่อคืนวานที่ไม่ได้นอนก็เป็นเพราะตัวนายเองที่ทำผิด เป็นเรื่องเป็นเรื่องไปสิ ถ้าฉันรู้แต่แรกว่าตอนนั้นนายแค่หุนหันพลันแล่นฉันก็คงไม่สนใจนายหรอก” หลูจื้อกล่าว

 

 

ชุยหังมองท่าทางของเขาแล้วกลับรู้สึกว่าน่าขำมาก

 

 

“นายกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น?” เมื่อมองไปที่ท่าทีของชุยหังที่แสดงออกมาแล้วหลูจื้อก็ถามขึ้นมา

 

 

ชุยหังพูดว่า: “ไม่ใช่ แค่จู่ๆ นึกคำถามหนึ่งขึ้นมาได้”

 

 

“คำถามอะไร”

 

 

“นายเริ่มชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่” ชุยหังถาม

 

 

หลังจากถามเสร็จแม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกอายเล็กน้อยเลย ก่อนที่จะเอียงหัวไปอีกทาง

 

 

“ยังรู้จักอาย? ในเมื่อถามก็ถามแล้วก็มองมาที่ฉันสิ ฉันก็จะมองนายแล้วตอบคำถามด้วย” หลูจื้อกล่าว

 

 

หลังจากนั้นเขาก็ประคองใบหน้าชุยหังแล้วพูดว่า: “นับตั้งแต่ที่นายจูบฉัน ฉันก็ชอบนายแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนั้นตัวฉันเองไม่อยากยอมรับมัน ต่อมาก่อนที่ฉันจะไปแล้วได้พูดคำพูดพวกนั้นกับนายก็เพื่อเกลี้ยกล่อมนาย ยิ่งไปกว่านั้นก็เกลี้ยมกล่อมตัวเองด้วย แต่มันไม่ได้ผลเลย แถมยังถูกวาทะจากฟังแหลมคมของนายล้างสมองด้วย ตอนช่วงที่ฉันไปเรียนในหัวของฉันมีแต่คำพูดพวกนั้นของนายอยู่เต็มไปหมดจนในที่สุดฉันก็ตัดสินใจอยากจะลองคบกับนาย…”

 

 

“แล้วผลเป็นยังไง” ชุยหังอยากจะถามเกี่ยวกับผลลัพธ์

 

 

“ผลก็ไม่ใช่ที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือไง หลังจากลองแล้วก็สลัดไม่หลุดแล้ว…” หลูจื้อพูดอย่างจงใจ

 

 

ชุยหังพูดอย่างไม่พอใจว่า: “อะไรที่เรียกว่าสลัดไม่หลุด?”

 

 

“ก็คือนายจมดิ่งเข้ามาอยู่ในหัวใจแล้ว สลัดไม่ออกแล้ว” ทันใดนั้นหลูจื้อก็เปลี่ยนเป็นพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

 

 

เมื่อเผชิญกับคำสารภาพอย่างกะทันหันของหลูจื้อภายในใจของชุยหังเต็มไปด้วยความสุข

 

 

จากนั้นหลูจื้อก็กอดเขาไว้แน่นในอ้อมแขน ก่อนจะเกยคางวางลงบนไหล่ของชุยหัง

 

 

“สัญญากับฉัน อย่าหนีไปอีก นายในตอนนี้ได้ได้หยั่งรากลึกในหัวใจของฉันแล้ว ไม่ว่าใครจะดึงนายออกมา มันก็ง่ายมากที่จะไม่เหลือไว้แม้แต่กระดูกสักชิ้น ถ้าหากนายยังหนีอีกครั้งล่ะก็มันจะคร่าเอาชีวิตของฉันไปได้ง่ายมากจริงๆ นะ” หลูจื้อกล่าว

 

 

ตอนที่อยู่ไท่อาน ตอนนั้นเขายังไม่ได้พูดคำพูดพวกนี้คงเพราะเขายังคงกังวล เพราะที่นั่นไม่ใช่ถิ่นของเขาและเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าชุยหังจะยังต้องการกลับมากับเขาอยู่ไหม

 

 

แล้วในที่สุดตอนนี้ก็กลับมาอยู่ในดินแดนแห่งนี้แล้ว เขาสามารถโอบกอดชุยหังไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็พูดถ้อยคำเหล่านี้ได้อย่างใจเย็นแล้ว