บทที่ 284 ตั้งครรภ์เป็นโขยง

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 284 ตั้งครรภ์เป็นโขยง
ระหว่างเดินทางกลับฉีเฟยอวิ๋นนึกเรื่องของไป๋ซู่ซู่ตลอดการเดินทางเลย อาอวี่ก็รู้สึกได้ว่าวันนี้พระชายาโกรธมาก

เมื่อก่อนเวลาที่โกรธ ก็ไม่เคยเห็นเธอไม่เอ่ยปากเลย

รถม้าเดินทางมาถึง ฉีเฟยอวิ๋นลงมาจากรถม้า เพิ่งจะเดินลงมาก็เห็นมู่เหมียนจวิ้นจู่ยืนอยู่หน้าประตูของจวนอ๋องเย่

วันนี้มู่เหมียนจวิ้นจู่แตกต่างกับที่ผ่านมา เพราะว่าเห็นฉีเฟยอวิ๋นแล้วนางทำตัวไม่ถูก

นางหันไปมองฉีเฟยอวิ๋นแล้วกล่าวว่า “พระชายาเย่”

ครั้งนี้ฉีเฟยอวิ๋นเห็นมู่เหมียนจวิ้นจู่แล้วอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง นึกถึงความรักความห่วงใยกันของมู่เหมียนจวิ้นจู่กับไป๋ซู่ซู่แล้ว คนที่สามารถเป็นสหายที่ดีของไป๋ซู่ซู่ได้ ก็ยิ่งทำให้ฉีเฟยอวิ๋นเชื่อว่า มู่เหมียนไม่ใช่จวิ้นจู่ที่ธรรมดาหรอก

“มีเรื่องอะไรถึงมาหาข้า?”ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากพูดพร่ำทำเพลงเลยกล่าวถามไปอย่างตรงไปตรงมา

มู่เหมียนรู้สึกไม่สบายใจลังเล อ้าปากค้างอึกอักอยู่สักพักหนึ่ง

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นนางไม่กล่าวอะไร เลยกล่าวว่า “เข้าไปด้านในกันเถอะ ไม่รู้ว่าท่านพี่ของท่านกลับมาหรือยัง?”

“ข้าไม่ได้มาหาเขาหรอก”

มู่เหมียนชอบหนานกงเย่มากจริงๆ หากไม่ชอบนางก็ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับเขาหรอก

แต่ฉีเฟยอวิ๋นพูดเช่นนี้ นางก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่สบายใจและไม่พอใจ

“ท่านรู้อยู่แล้วว่าข้าไม่ได้มาเพราะเขา พูดเช่นนี้คือคิดที่จะฉีกหน้าข้าหรือ?”มู่เหมียนกล่าวถามออกมาอย่างคนปากไวตามใจคิด

พ่ายมาแล้วหนึ่งครั้งที่จวนอ๋องตวน เธอก็ทำตัวสูงส่งแล้วอย่างนั้นหรือ?

แต่ฉีเฟยอวิ๋นนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก ก็แค่ขี้เกียจที่จะพูดอะไรมากมายกับนางก็แค่นั้น

ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองมู่เหมียน จากนั้นกล่าวว่า “ท่านอยากเข้ามาก็เข้ามา ไม่อยากเข้ามาก็แล้วแต่ใจต้องการเลย ข้าไม่ได้เป็นคนเชื้อเชิญท่านมา บอกว่าท่านพี่ของท่านอยู่หรือไม่นั้นเป็นคำกล่าวที่เกรงใจเป็นตามมารยาท ท่านโตขนาดนี้แล้ว หรือว่าฟังไม่เข้าใจหรือ?

ฉีเฟยอวิ๋นพูดจบก็เดินเข้าไปในจวน มู่เหมียนโกรธจนหน้าแดงก่ำ แต่พอนึกถึงไป๋ซู่ซู่ที่เป็นสหาย นางก็ไม่สามารถสนใจอะไรได้แล้ว เลยเดินตัดสินใจเดินตามเข้าไปด้วย

ฉีเฟยอวิ๋นไปที่หลังเรือน พอพ่อบ้านเห็นมู่เหมียนมา ก็คิดว่ามาก่อความวุ่นวายที่จวน เลยรีบห้ามปรามไว้ ประมาณว่าหนานกงเย่ไม่อยู่ ขอเชิญนางกลับไปเสีย

“หลีกไป ข้ามาหาฉีเฟยอวิ๋น”มู่เหมียนไม่ใช่คนที่ยอมคน ในสายตาของนางคือฉีเฟยอวิ๋นนับว่ากลั่นแกล้งคนมาก

พ่อบ้านอาวุโสรั้งไว้อีก ฉีเฟยอวิ๋นเปลี่ยนชุดออกมาจากทางด้านหลัง เห็นว่ามู่เหมียนถูกรั้งไว้อยู่เลยนึกขึ้นได้

พ่อบ้านอาวุโสคิดมากไปเสียแล้ว เธอเลยเดินไปกล่าวว่า “ท่านพ่อบ้าน ท่านอ๋องเป็นท่านพี่ลูกพี่ลูกน้องของมู่เหมียน ที่นี่เป็นเรือนของมู่เหมียน อนาคตข้างหน้ามู่เหมียนมาที่นี่ ก็เป็นเจ้านายของที่นี่ ท่านไม่ต้องห้ามไว้ อีกอย่างจัดเตรียมเรือนด้านหลังที่สะอาดเอี่ยมไว้ให้มู่เหมียนจวิ้นจู่ด้วย หากบางเวลาที่นางจะมาที่นี่ก็สามารถพักได้”

“ขอรับ”

พ่อบ้านอาวุโสแปลกใจ และก็ไม่แน่ใจว่าพระชายาคิดอะไรอยู่ แต่วันนี้ทุกอย่างในจวนอ๋องเย่เป็นฉีเฟยอวิ๋นจัดการ เขาเพียงแค่ฟังและจัดการตาม

ไม่มีอะไรที่ในจวนนี้ที่ฉีเฟยอวิ๋นไม่เป็นใหญ่ ขนาดท่านอ๋องยังต้องฟังพระชายา

เมื่อก่อนท่านอ๋องเย่ผู้เป็นคนไม่สนใจและไม่เข้าใจเหตุผล วันนี้เป็นแค่เพียงเสือตัวหนึ่งที่อยู่ใต้เท้าของพระชายาแล้ว

และก็ซื่อสัตย์ซื่อตรงอย่างมาก

พ่อบ้านเดินออกไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองกล่าวกับมู่เหมียนว่า “มาเถอะ พวกเราเข้าไปคุยด้านในเรือนกัน”

ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวเดินไปที่สวนดอกกล้วยไม้ หงเถาลี่ว์หลิ่วเตรียมชุดชาไว้ หนานกงเย่ไม่ได้กลับมา ฉีเฟยอวิ๋นนำอาหารเย็นย้ายมาในเรือน

อาหารสี่อย่างมีซุปร้อนด้วย บวกกับผักดอง นับว่าเป็นการเลี้ยงเชิญมู่เหมียนด้วย

“เชิญเลย”

มู่เหมียนนั่งลง นางกินไม่ลงเลย

ฉีเฟยอวิ๋นกินแล้วพูดคุยไปด้วย มู่เหมียนลังเลใจอยู่นานถึงได้กล่าวว่า

“นางยังสบายดีหรือไม่?”

ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้ามองมู่เหมียน จากนั้นกล่าวว่า”ท่านไม่ใช่ว่าเห็นแล้วหรือ?”

“ฉีเฟยอวิ๋นข้ามาขอร้องท่าน”มู่เหมียนกล่าวด้วยความโมโห ฉีเฟยอวิ๋นมองข้ามเกินไปแล้ว นางยอมกล่าวเสียงอ่อนลงเช่นนี้แล้ว ฉีเฟยอวิ๋นยังทำให้นางรู้สึกลำบากใจได้อีก

ฉีเฟยอวิ๋นมองด้วยแววตาแข็งกร้าวเย็นชา มู่เหมียนรู้สึกไม่มั่นใจ ใบหน้าสวยงามแดงก่ำ กล่าวว่า”ท่านมองข้าเช่นนั้นทำไม?”

“มู่เหมียน ข้าให้ท่านเข้ามาแล้ว ในฐานะของพี่สะใภ้ ท่านเรียกข้าอย่างนั้นอย่างนี้เสียงดังตะคอก บิดเบือนความหมาย ข้าก็จะให้ท่านออกไป”

“ท่านว่าอะไรนะ?”มู่เหมียนโมโห ตบลงที่โต๊ะกล่าวว่า”ท่านอย่าคิดว่าครั้งก่อนที่ข้าพ่ายแก่ท่านที่จวนอ๋องตวน ท่านก็จะทำเช่นนี้ต่อหน้าข้าได้ ข้ามาที่นี่เพื่อซู่ซู่ ไม่ใช่ทำให้ท่านลำบากใจ เรื่องคนละเรื่อง ท่านอย่าคิดเยอะไปล่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นเหนื่อยใจมาก คำหลังของมู่เหมียนจวิ้นจู่บอกให้เธออย่าคิดเยอะ พูดอย่างชัดเจนได้พูดไปแล้ว ก็เพียงแค่อยากให้ฉีเฟยอวิ๋นรับรู้ ว่านางมาที่นี่ไม่ใช่ต้องการแย่งสามีของเธอ แต่เธอไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องการแย่งสามีเลย

เด็กน้อยผู้นี้เจ้าคิดเจ้าคิดเป็นอย่างมาก!

ข้าก็ไม่มีสิ่งใดอยากจะพูด นางใช้ชีวิตอย่างไม่ดีและไม่มีความสุข ท่านก็เห็นแล้ว ไม่ดีอย่างไรก็ต้องอย่างนั้น ส่วนอยากจะให้ดีขึ้นเกรงว่าจะไม่ง่าย แต่ช่วงนี้ข้าเห็นท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นแล้วรู้สึกไม่เข้าตา คิดว่าจะสั่งสอนเขาสักหน่อย

ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากให้มู่เหมียนเป็นกังวลใจ หากบอกมู่เหมียนว่าในตัวของไป๋ซู่ซู่มีพิษเกรงว่าพิษนั้นจะไม่ได้กำจัดออก นางจะต้องบ้า ไม่แน่ว่าอาจจะทำเรื่องอะไรน่ากลัวก็เป็นได้ ฉีเฟยอวิ๋นก็เลยสู้ไม่พูดออกมาดีกว่า

เรื่องของไป๋ซู่ซู่เธอเป็นผู้ดูแลจัดการ ส่วนมู่เหมียนไม่สามารถจะให้เกิดเรื่องกับนางได้

มู่เหมียนกำมือแน่นกล่าวว่า”ข้ารู้ว่าหนานกงเซวียนซ่งชั่วนั่นไม่ได้ดีหรอก”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจ วันนี้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์หรอก ที่สถานที่แห่งนี้ หากหญิงแต่งงานกับคนชั่ว ก็ไม่ต้องคิดที่จะกลับตัวกลับใจแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นกินข้าว มู่เหมียนโมโหจนลุกขึ้นกลับไป

นางเดินไปหน้าสวนดอกกล้วยไม้บังเอิญเจอเข้ากับหนานกงเย่ หนานกงเย่ชะงักงัน มู่เหมียนเงยหน้าขึ้นมา หน้าตาแดงก่ำเพราะความโกรธเลยเดินตึงตังกลับไป

ไม่ใช่ว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่เห็น แต่สายตาของหนานกงเย่ใสซื่อมาก เธอก็เลยไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา

หนานกงเย่หันขวับไปมองมู่เหมียน แล้วเดินมาหาฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นกล่าวว่า”มู่เหมียนมาก่อเรื่องวุ่นวายหรือ?”

ความสามารถของฉีเฟยอวิ๋นหนานกงเย่รู้ดี ในเมื่อมู่เหมียนมา ก็ทำได้เพียงพูดถูกทารุณกลับไป

ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองหนานกงเย่ แล้วกล่าวว่า “มู่เหมียนมาหาหม่อมฉันเพราะเรื่องพระชายาของท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นวันนี้หม่อมฉันไปชุมนุมพบปะได้เจอกับท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นแล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นพูดเช่นนี้ หนานกงเย่ก็ไม่มีอะไรที่จะสงสัยหรือไม่เข้าใจ เลยกล่าวว่า

“พระชายาเซี่ยวจวิ้นเป็นสหายที่ดีต่อกันของมู่เหมียน แต่เพราะเหตุใดมู่เหมียนถึงได้มาหาเจ้าเล่า?”หนานกงเย่นั่งลงแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมากินข้าวร่วมกันกับฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้เล่าเรื่องเล่าที่ประชุมพบปะกันให้หนานกงเย่ฟัง หนานกงเย่ถึงได้กล่าวว่า “พูดเช่นนี้ อวิ๋นอวิ๋นต้องการจะเกี่ยวข้องดูแลเรื่องของพระชายาเซี่ยวจะสิ้นหรือ?”

“ก็ไม่ใช่การเกี่ยวข้องดูแลไปซะหมดหรอก แต่หม่อมฉันมีความรู้สึกที่สงสารไป๋ซู่ซู่ ท่านอ๋อง….ตั้งแต่ไหนแต่ไรหม่อมฉันไม่เคยมีความรู้สึกเยี่ยงนี้กับผู้หญิงเลยนะ เจอครั้งแรกราวกับว่าเป็นสหายกันมาเนิ่นนาน อยากให้นางมีความสุข นางเป็นหญิงที่ทำให้คนชื่นชอบได้ง่ายมาก”

ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงไป๋ซู่ซู่ ก็มีความรู้สึกเสียใจ

นางเป็นคนเช่นนั้น เหตุใดถึงได้แต่งงานกับท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นได้

โหดร้ายเหลือเกิน

หนานกงเย่กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องด้านหลังเรือนของแต่ละคน ข้ามีจิตใจที่อยากจะช่วยแต่ไร้ความสามารถ อีกอย่างหากข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเช่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้คนหัวเราะเยาะหรือ?”

“ท่านอ๋องรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญน่าใส่ใจใช่หรือไม่?”ความคิดของหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นรู้เข้าใจดีที่สุด

หนานกงเย่ไม่ได้ตอบโต้ วันนี้เหนื่อยจากด้านนอกมาทั้งวัน เขาอยากจะคลอเคลีย เรื่องน่าหงุดหงิดเหล่านั้นไม่อยากจะถามมาก

หนานกงเย่ลุกขึ้นแล้วอุ้มฉีเฟยอวิ๋นกลับไป ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้พูดเกี่ยวกับการตั้งครรภ์เป็นโขยงของเธอ