สีหน้าเจี่ยงอวี๋เปลี่ยนเล็กน้อย เป็นความตั้งใจของไท่จื่อหรือ
ลู่ชิงฝูเดินเข้าออกยุ่งอยู่กับการถวายงาน ครั้งนี้ออกมาหยิบเครื่องประดับพระเกศาพอดี ทั้งสองจึงได้เผชิญหน้ากันจังๆ
เจี่ยงอวี๋เห็นนางรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น แก้มปรางชมพูระเรื่อ ริมฝีปากสีแดงสด หน้าตาก็หาได้งดงามขนาดนั้นไม่
ลู่ชิงฝูเห็นเสื้อผ้าอาภรณ์ของสตรีตรงหน้าดูดีสูงศักดิ์ ซ้ำยังได้ยินนางกำนัลเรียกนางว่าเหลียงตี้ ก็รู้ถึงสถานะของนางได้ทันที สีหน้าจึงเปลี่ยนเป็นเคารพนบนอบพลางคำนับแล้วกล่าวว่า “เหลียงตี้” นางไม่รั้งรอนาน พอหยิบของได้ก็เข้าไปด้านในอีกครั้ง
เจี่ยงอวี๋แอบมองเข้าไปก็เห็นลู่ชิงฝูกำลังจับช่อเกศาของกูกู ปากพลั่งพลูคำหวานเอาอกเอาใจให้ถูกพระทัยฮองเฮาไม่ขาด เจี่ยงฮองเฮาที่อยู่หน้าพระฉายพระพักตร์ยิ้มแย้มพอพระทัยเป็นอย่างมาก
การได้แต่งงานกับไท่จื่อเป็นสิ่งที่ลู่ชิงฝูปรารถนามาโดยตลอด เหมือนดังครานั้น หากไม่ใช่เพราะอวิ๋นหว่านชิ่นบอกสถานที่ที่ไท่จื่อทรงเสด็จไปไหว้พระว่าเป็นที่ใดกับนางแล้ว นางไหนเลยจะยอมยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องในบ้านของตระกูลอวิ๋นแล้วเปิดโปงอวิ๋นหว่านเฟย
วันนี้ถูกแนะนำให้มาถวายงานข้างกายฮองเฮาอย่างหาได้ยากเช่นนี้ จะมิให้ทุ่มเทกายใจเอาอกเอาใจพระนางได้อย่างไร นางต้องถวายการรับใช้ให้ฮองเฮาพอพระทัยที่สุด
หากคนที่ถวายงานแก่ฮองเฮายามนี้เป็นเพียงนางกำนัลธรรมดาๆ ก็แล้วไปเถิด แต่นี่เป็นถึงธิดาของขุนน้ำขุนนาง เจี่ยงอวี๋จึงอดคิดมากมิได้
เจี่ยงอวี๋ตระหนกจนอยู่ไม่สุข เดินออกจากตำหนักไปเงียบๆ สาวรับใช้ข้างกายก็เห็นฉากเมื่อครู่เช่นกัน คิดเห็นเช่นเดียวกับผู้เป็นนายหญิง ความกังวลใจมีอยู่เต็มอก กล่าวสิ่งที่เจี่ยงอวี๋กำลังกังวลขึ้น “พระสนมรอง ท่านว่าฮองเฮาจะถูกใจคุณหนูลู่คนนี้ แล้วให้นาง…”
“จะเป็นไปได้อย่างไร!” เจี่ยงอวี๋ขึ้นเสียง “วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองวันประสูติของกูกู ไท่จื่อเพียงแค่ส่งคนมาถวายงานเท่านั้น ยังมีความหมายอื่นใดได้อีกรึ!” ประโยคนี้พูดจนนางเองก็หมดความมั่นใจ
สาวรับใช้เบะปาก “นางกำนัลที่มือไม้คล่องแคล่วมวยมัดเกล้าผมได้มีออกถมเถ เหตุใดต้องเชิญคนนอกมา ซ้ำยังเป็นคุณหนูของขุนน้ำขุนนางที่ยังมิได้ออกเรือนอีกด้วย ท่านบอกว่าไม่มีความหมายอื่นใด บ่าวกลับมิเชื่อเช่นนั้น อีกทั้งพระสนมเองก็ทราบดีแก่ใจว่างานเลี้ยงในวังหลวงเป็นโอกาสดีที่จะหาสตรีที่เหมาะสมมาให้บรรดาองค์ชายได้เลือกสรร ท่านดูสิเจ้าคะ ไท่จื่อพระชนมายุก็มิน้อยแล้ว ตำแหน่งพระชายาเอกแห่งไท่จื่อของตงกงควรจะเลือกได้ตั้งนานแล้ว ไม่แน่ว่าอาจเพราะรอโอกาสในวันนี้ บ่าวเกรงว่าฮองเฮาจะ…”
“เป็นไปไม่ได้!” เจี่ยงอวี๋หอบหายใจ ความจริงใจของนางหวั่นไหวตั้งนานแล้ว แต่ปากกลับปฏิเสธไปอย่างไม่ยอมรับความจริง “กูกูจะส่งเสริมคนนอกได้อย่างไร ข้าเป็นถึงหลานสาวตระกูลเจี่ยง มีสายเลือดเดียวกันกับนาง ตำแหน่งพระชายาเอกแห่งไท่จื่อกูกูจะยกให้คนอื่นได้อย่างไร!”
สาวรับใช้มองเจี่ยงอวี๋ทีหนึ่ง กล่าวอุบอิบว่า “มาถึงขนาดนี้แล้วยังมิทรงยกให้ท่าน นี่คือความเป็นจริงนะเจ้าคะ…”
เจี่ยงอวี๋กลัวจนอยู่ไม่สุข หันกลับไปมองตำหนักเฟิงจ๋าคราหนึ่ง น้ำเสียงเจือความคับแค้นใจ “ไป! กลับกันก่อน!”
“มิไปส่งของขวัญให้ฮองเฮาล่วงหน้าแล้วหรือเจ้าคะ” สาวรับใช้เอ่ยถาม
“ยังจะส่งของขวัญอะไรกันอีก” เจี่ยงอวี๋ยามนี้โมโหคับอก คนที่เจอหน้ากันอยู่ด้านในเมื่อครู่ทำนางโมโหยิ่งนัก คนเก่าอย่างนางอยู่มาตั้งนานหลายปี ซ้ำมีศักดิ์เป็นถึงหลานแท้ๆ ของฮองเฮา ทว่ากลับคว้าตำแหน่งพระชายาเอกของไท่จื่อมาไว้ไม่ได้ แต่คนใหม่คนนั้นมาแค่หวีเกศาถวายให้นิดหน่อย พูดป้อยอเอาอกเอาใจไม่กี่ประโยค ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้นั่งบนตำแหน่งที่นางใฝ่ฝันมาตลอดแล้ว!
จะให้นางยอมได้อย่างไร
เจี่ยงอวี๋โกรธแค้นหนักขึ้น ความน้อยอกน้อยใจแต่เก่าก่อนค่อยๆ พลั่งพลูออกมา เจี่ยงฮองเฮากดนางมาตลอด บอกว่านางปีนไปไม่ถึงเก้าอี้พระชายาเอกหรอก ที่แท้ในใจของกูกูจะกันตำแหน่งไว้ให้คนที่เหมาะสมยิ่งกว่าเช่นนั้นหรือ ทั้งหมดทั้งมวลนี้นางสู้คนนอกไม่ได้แม้แต่น้อยเชียวหรือ
ขณะกำลังคิด สีหน้าของนางก็พังทลายลง แล้วหันไปมองตำหนักเฟิงจ๋าอีก กัดฟันแน่น สั่งกับสาวรับใช้ว่า “เจ้าไปบอกไป๋ซิ่วฮุ่ยว่าข้าปวดหัวมาก ไม่ทราบเป็นเพราะว่าตากลมหรือไม่ ยามนี้ลุกจากเตียงไม่ขึ้น เกรงว่าคงเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองพระชนม์ในวันนี้มิได้แล้ว หากฝืนเข้าร่วม เกรงว่าจะไปทำเสียกิริยาในงานเลี้ยง ทำให้ฮองเฮาอับอายจนขายหน้าแทนข้าได้!”
ประโยคสุดท้ายนี้มีความนัยแฝงอยู่ เต็มไปด้วยความต่อต้านและความไม่พอใจต่อเจี่ยงฮองเฮาอย่างมาก
สาวรับใช้จำต้องรีบกลับไปยังตำหนักเฟิงจ๋า พอบอกกับไป๋ซิ่วฮุ่ยเสร็จแล้วก็กลับตำหนักกับนายหญิงของตน
ไป๋ซิ่วฮุ่ยเข้าไปกราบทูลข้ออ้างของเจี่ยงอวี๋เรื่องล้มป่วยให้แก่ฮองเฮาทรงทราบ
หลานสาวคนนี้ไม่ได้เรื่องได้ราวนัก งานใหญ่เช่นนี้กลับเอาแต่ใจตน ไม่กล้าขัดใจต่อต้านตัวเอง งานเลี้ยงใหญ่วันนี้ควรจะเข้าร่วมจึงจะถูก เจี่ยงฮองเฮายกมือจับๆ มวยผมที่พึ่งจะเกล้าเสร็จ “ป่วยจริงหรือ”
ไป๋ซิ่วฮุ่ยลังเลเล็กน้อย “เรื่องนี้…บ่าวไม่แน่ใจเพคะ”
ลู่ชิงฝูถวายงานแด่ฮองเฮาเรียบร้อย ก็ถอยไปยืนอยู่ด้านข้างด้วยกันกับนางกำนัลและมอมอ แล้วกล่าวเสียงเบากับนางกำนัลอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “พระชายารองล้มป่วย เมื่อครู่เห็นนางหอบของขวัญมาถึงตำหนักเฟิงจ๋า ซ้ำยังเห็นทำท่าว่าจะเข้ามาอยู่เลย”
เสียงนั้นลอยมากระทบโสตฮองเฮา สีพระพักตร์พลันเปลี่ยน เคาะหวีงาช้างกับโต๊ะเครื่องแป้ง “งานฉลองวันเกิดข้ากลับไม่เข้าร่วม ไม่รู้ประสาขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเอานิสัยเช่นนี้มาจากไหน”
“ให้บ่าวตามหมอหลวงไปดู แล้วถามไถ่แทนเหนียงเหนียงสักสองสามประโยค ให้พระสนมรองเบาใจดีหรือไม่เพคะ” ไป๋ซิ่วฮุ่ยเกลี้ยกล่อม อย่างไรเสียพระสนมรองก็ยังมีประโยชน์อยู่ ปกติโดนกดมาตลอดก็ควรจะปลอบใจเสียหน่อยเพื่อไม่ให้นางเกิดมีใจออกห่าง
“เบาใจ งานวันเกิดข้าใหญ่โตเพียงนี้ นางอ้างว่าป่วยไม่ยอมมา ข้ายังต้องไปไถ่ถามปลอบใจอันใดนางอีก ไม่ต้อง อย่าให้นางเสียนิสัย ท่าทางเช่นนั้นจะไปก่อเรื่องอันใดได้ นอกเสียจากไปหึงหวงใครแล้วอยากให้ข้าออกหน้าจัดการให้ จึงได้ทำเช่นนี้!”
ขณะนั้นเอง ฤกษ์งามยามดีก็ได้มาถึง มีขันทีจากตำหนักจินหวามาทูลเสด็จ เจี่ยงฮองเฮาจึงลุกขึ้น ไม่ได้สนใจหลานสาวคนนี้อีก
ลู่ชิงฝูนับว่ารู้งาน รีบเข้าไปเตรียมพยุงฮองเฮาไว้
ไป๋ซิ่วฮุ่ยเห็นนางยังอยากจะร่วมขบวนไปด้วย ช่างเป็นเตรียมแผนเก่งจริง พลันเลิกคิ้ว “คุณหนูลู่มาถวายงานเกล้ามวยผมให้ฮองเฮา ในเมื่อทำเสร็จแล้วก็ออกไปก่อนเถิด”
มือที่ค้างอยู่กลางอากาศของลู่ชิงฝูจึงต้องดึงกลับมา แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะของกงกงดังมาจากด้านนอกประตู “ไท่จื่อทรงให้บ่าวล่วงหน้ามาถวายพระพรแด่ฮองเฮาเหนียงเหนียง ซ้ำยังทรงเป็นห่วงที่คุณหนูลู่ถวายงานในวังครั้งแรก เกรงว่าจะทำให้เหนียงเหนียงไม่พอพระทัย จึงให้บ่าวมาถามไถ่กับเหนียงเหนียง ไม่ทราบว่าคุณหนูลู่ถวายงานเป็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
เจี่ยงฮองเฮารักษาความเมตตาอ่อนโยนระหว่างตนกับไท่จื่อไว้มาโดยตลอด จะตอบว่าไม่ดีได้อย่างไร จึงตรัสรับคำไปว่า “คุณหนูลู่มีฝีมือนัก มวยผมทรงหลิงเสอ[1]ของข้าได้มีชีวิตชีวาราวกับของจริง ไท่จื่อทรงกังวลเกินไปแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กงกงตอบอย่างปรีดา แล้วหันไปกล่าวกับลู่ชิงฝูว่า “ในเมื่อเหนียงเหนียงทรงพอพระทัยเช่นนี้ คุณหนูลู่ก็ยิ่งต้องใส่ใจในการถวายงานมากขึ้น นี่ก็ใกล้จะถึงงานแล้วยังไม่รีบไปประคองเหนียงเหนียงอีก!”
ลู่ชิงฝูพลันยินดี มองไปยังเจี่ยงฮองเฮา
เจี่ยงฮองเฮาเห็นไท่จื่อตั้งใจให้เด็กสาวคนนี้มาดูแลรับใช้ตนในวันนี้เป็นพิเศษ องค์ชายมีใจกตัญญูเช่นนี้ก็ยากจะปฏิเสธ
ไม่เพียงแต่ปฏิเสธไม่ได้ ซ้ำยังต้องทำท่าพอพระทัยที่องค์ชายกตัญญูรู้คุณต่อหน้าธารกำนัลด้วย
[1] มวยผมทรงหลิงเสอ เป็นทรงผมลักษณะเลื้อยพันไปพันมาดูเป็นธรรมชาติคล้ายงู