บทที่ 4 เรือนจำในหอคอย (ปลาย)
หญิงลึกลับกล่าวว่า “บัดนี้หอคอยแห่งนี้เป็นของเจ้าแล้ว ทุกครั้งที่เจ้าพบกฎแห่งเต๋าหนึ่งข้อ ไม่เพียงแต่เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น แต่เจ้ายังสามารถควบคุมหอคอยได้มากมากขึ้น… กฏแห่งเต๋าหนึ่งข้อมีค่าเทียบเท่ากับหนึ่งชั้นในหอคอยที่เจ้าจะเป็นนายเหนือมัน”
“หากเจ้าจำเป็นต้องต่อสู้กับผู้ใดในอนาคต เจ้าสามารถนำกับดักในหอคอยไปใช้ได้ตราบใดที่ศัตรูของเจ้าไม่เก่งกาจระดับเดียวกับตัวเจ้า ตอนนี้หอคอยไม่มีกฎแห่งเต๋าแม้เพียงแค่ข้อเดียว ดังนั้นการใช้งานจึงค่อนข้างซับซ้อน ประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ยังไม่สมบูรณ์ หากแต่ผนึกในแต่ละชั้นก็กำลังค่อย ๆ ถูกทำลายและปลดปล่องสิ่งที่ถูกกักขังไว้ เมื่อหอคอยถูกทำลายโดยสมบูรณ์ ทุกอย่างเป็นอิสระ โลกของเจ้าก็จะล่มสลายและเจ้าก็อาจจะตายเป็นคนแรก”
เยี่ยฉวนถามเสียงต่ำ “ผู้อาวุโส ท่านต้องการให้ข้ากอบกู้โลกทั้งหมดใช่หรือไม่ ?”
“เจ้าแค่ดูแลตัวเองก็พอแล้ว เจ้าสิ่งที่ถูกกักขังอยู่ในชั้นสองนั้นไม่ใช่อะไรที่ดีนัก และหากเป็นไปดังคาด ในเวลาไม่เกิน 1 ปีนี้ ผนึกชั้นที่สองจะถูกคลายออกจนหมด เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็จงบอกลาโลกที่แสนสวยงามนี้เสียเถอะ”
เยี่ยฉวนค้อมกายทำความเคารพอย่างสุดตัว “ผู้อาวุโสได้โปรดสั่งสอนข้าด้วยเถิด ว่าการเรียนรู้วิธีปลูกฝังรากวิญญาณแห่งเต๋าโดยไม่ใช้ตันเถียนนั้นมันเป็นเช่นไร”
เสียงลึกลับได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “วิธีฝึกฝนกระบี่ของข้านั้นแตกต่างจากวิธีโบราณของพวกเจ้าอยู่มาก ระดับความยากและความแตกต่างนั้นมีมากจนเกินไป หลังจากเริ่มต้นฝึกไปแล้วเจ้าอาจร้องขอที่จะตายเสียดีกว่า เจ้าจงคิดทบทวนเรื่องนี้ให้ดี”
เยี่ยฉวนหัวเราะเยาะตัวเอง “มาตอนนี้ตันเถียนของข้าก็ได้เสียหายไปแล้ว ยังจะเหลือหนทางอะไรอีกได้เล่า ท่านว่าจริงหรือไม่ ?”
เสียงผู้หญิงลึกลับเห็นด้วย “นั่นก็ใช่ แต่อย่างไรเสีย ข้าก็จำเป็นที่จะต้องเตือนเจ้าเอาไว้ก่อนเกี่ยวกับวิธีฝึกนี้ แต่ในเมื่อเจ้าไม่มีตันเถียน ตอนนี้เจ้าก็เป็นเพียงนักสู้ผู้ไร้กระบี่ซึ่งเหมาะสมกับวิธีฝึกฝนของข้าอยู่พอดี”
เยี่ยฉวนตกใจ “แล้วมันจะได้ผลจริงหรือ ?”
เสียงลึกลับยืนยัน “ได้ผลอย่างแน่นอน หากเจ้าใช้ตันเถียนนั่น เจ้าจะไม่ได้วันได้รับจิตวิญญาณวิถีแห่งเต๋าที่แท้จริง หากแต่เพื่อให้ได้มา เจ้าก็จำต้องใช้กระบี่แทนตันเถียนของเจ้า ซึ่งมันก็ถือว่าดียิ่งกว่า และไม่เพียงเท่านั้น ในอนาคต …ขณะที่ผู้อื่นฝึกฝนพลังลมปราณ เจ้าก็เพียงต้องฝึกฝนกระบี่ ในเวลาไม่กี่วัน เจ้าไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิเพื่อที่จะดูดซับพลังจิตวิญญาณลมปราณด้วยตัวเอง เจ้าเพียงแต่ต้องหากระบี่ที่ดีมาดูดซับพลังแทนเจ้าก็เท่านั้น เมื่อได้กระบี่ที่ดีขึ้น เจ้าก็จะสามารถพัฒนาตัวเองได้เร็วกว่า และยิ่งหากเจ้าสำเร็จในขั้นแรกได้ ร่างของเจ้าก็จะกลายเป็นร่างกระบี่ ทำให้กระบี่ทั่วไปไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ คุณสมบัตินี้ไม่ได้เป็นเพียงโล่คุ้มกัน แต่เมื่อเจ้าปรากฏกาย เจ้าจะสามารถสั่งการกระบี่ทั้งมวลให้เชื่อฟังได้”
“สั่งการกระบี่ทั้งมวล กระบี่ทั้งหมดเลยหรือขอรับ !”
ได้ยินดังนั้น เลือดในกายเยี่ยฉวนพลันเดือดพล่าน เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
คราวนี้เสียงหญิงลึกลับถามขึ้นอีกครั้ง “ก่อนจะเข้ามาข้างใน เจ้าเห็นกระบี่ทั้งสามเล่มที่อยู่บนยอดหอคอยแล้วหรือไม่ ?”
แย่ฉวนพยักหน้า “ข้าเห็น”
เสียงลึกลับกล่าวต่อ “กระบี่ทั้งสามเล่มนั้นเป็นตัวแทนเต๋าแห่งกระบี่ หากเจ้าสามารถดูดซับมันทั้งหมดนั่นเข้ามาในร่างแทนที่จุดตันเถียนของเจ้าที่เสียหายไปแล้ว ความแข็งแกร่งของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาดถึง”
เยี่ยฉวนลังเลนิดหน่อยก่อนจะพูด “เท่าที่ข้าเห็น ดูเหมือนว่ากระบี่ทั้งสามเล่มนี้จะคอยปกปักรักษาหอคอยอยู่ หากข้าดูดซับมันมาแล้วจะไม่เป็นไรแน่หรือ ?”
เสียงผู้หญิงลึกลับกล่าวต่อ “ไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นหรอก เชื่อเถอะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
เยี่ยฉวนยังคงสงสัย แต่เขารู้ดีว่าในเวลานี้ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก ดังนั้นเขาจึงมีแต่ต้องเลือกที่จะเชื่อเท่านั้น
“เห็นกระบี่ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าหรือไม่ ?”
เยี่ยฉวนมองไปไม่ไกล ก่อนพบว่าที่ข้างโครงกระดูกมีกระบี่ตั้งอยู่ เป็นกระบี่เล่มยาวกว่า 3 ฉื่อ กว้างราว 1 ชุ่น …แล้วตาของเขาก็ต้องลุกเป็นประกายชื่นชมเมื่อเห็นเนื้อกระบี่ทำจากเงิน ในขณะที่ส่วนบนกระบี่ได้สลักอักษรตัวเล็ก ๆ ไว้ 2 ตัว
“กระบี่หลิงเซี่ยว !”
“กระบี่เล่มนี้ถูกกักขังไว้ที่นี่นานกว่า 1,200 ปี แก่นแท้เกือบทั้งหมดของมันได้หายไปแล้ว ดังนั้นหากเจ้าจะนำมาใช้ตอนนี้ก็นับว่าเหมาะสม เอาล่ะ ข้าจะแนะนำบางส่วนของวิธีการฝึกฝน เจ้าจงทำตามคำอธิบายเหล่านั้น และดูดซับกระบี่เข้าไปไว้ในตัวเจ้าเสีย เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้าแล้ว ดังนั้นหากเจ้าสำเร็จวิชากระบี่นี้ เจ้าก็จะสามารถบรรลุเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่หกได้ในทันที”
เยี่ยฉวนเข้าใจในความหมายนั้น เขารีบเอ่ยถาม “ถ้าหากว่าข้าล้มเหลวเล่า ?”
“ก็อาจจะ… !”
เยี่ยฉวนตะลึงค้าง “ท่านผู้อาวุโส ท่านคงมิได้หมายความว่าวิธีนี้ยังไม่เคยมีใครฝึกฝนสำเร็จมาก่อนใช่หรือไม่ !”
เสียงผู้หญิงลึกลับเงียบไปก่อนจะตอบ “ข้านั้นปฏิเสธไม่ได้ว่ายังไม่เคยมีผู้ใดทำได้มาก่อน ดังนั้นเจ้าเป็นคนแรก และหากสำเร็จ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยที่เจ้าจะได้เป็นผู้บุกเบิก !!”
เยี่ยฉวนตัวแข็งทื่อไปเรียบร้อยแล้ว เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่นและเอ่ยถาม “มันจะเป็นอย่างไรถ้าหากว่าข้าล้มเหลว ?”
“โดยปกติแล้วหากล้มเหลว กระบี่จะทำลายร่างกายมนุษย์ นั่นหมายถึงเจ้าโอกาสที่จะตายก็เป็นได้”
เยี่ยฉวนสิ้นคำพูด “…”
“แต่อย่างไรเสียตอนนี้ตันเถียนของเจ้าได้เสียหายไปแล้ว มันไม่ได้ต่างอะไรจากการที่เจ้าตายแล้วเกิดใหม่หรอก จะคิดมากไปใย ? ลงมือเสียเลยดีกว่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยฉวนก็พลันพูดอย่างเคร่งขรึม “ท่านพูดถูก ตอนนี้ตันเถียนของข้าเสียหายอย่างไม่อาจกลับคืน นับว่าเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง หากไม่ต่อสู้ คงไม่เพียงแต่ต้องหมดหวัง แต่เยี่ยหลิงคงหมดโอกาสที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้”
“ข้าจะสู้ !”
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นสัญญาณ “มาเลย”
เมื่อสิ้นเสียง แสงสีขาวพลันเข้าครอบคลุมร่าง ใช้เวลาไม่นานข้อมูลทั้งหมดก็เข้าท่วมท้นในใจของเขา
“วิชากายากระบี่คงกระพัน !”
“ร่างกายจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ จิตวิญญาณของกระบี่จะกลายแทนที่ตันเถียนในร่างเจ้า เพี่อรวบรวมกระบี่ทั้งหมดทั้งมวลบนโลกใบนี้ กระบี่ทุกเล่มจะทำให้ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…”
ครู่ต่อมา แสงสีขาวก็พลันสาดส่องลงบนกระบี่ที่อยู่ด้านหน้าของเยี่ยฉวน กระบี่เล่มยาวนั้นสั่นเล็กน้อย ก่อนจะกลายเป็นลำแสงสีขาวเข้าไปอยู่ในกายของเยี่ยฉวน
“อา !”
ทันทีทันใดนั้น ดวงตาของเยี่ยฉวนเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว
“เจ็บ !”
“เจ็บเจียนจะตายอยู่แล้ว !”
เวลานี้เยี่ยฉวนรู้สึกเหมือนร่างกายของเขาถูกใบกรีดเฉือนไปทั่วร่าง !
เมื่อมาถึงจุดนี้ เสียงของผู้หญิงลึกลับก็ดังขึ้นในสมองของเยี่ยฉวน “กระบี่กำลังเข้าไปในตัวเจ้า เจ้าจะต้องทนรับความเจ็บปวดนี้ไว้ให้ได้ หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าจะไม่เพียงแต่ไม่สามารถบ่มเพาะตันเถียนใหม่ได้เท่านั้น ! เพราะเจ้าอาจจะถูกฆ่าเลยก็เป็นได้ !”
เยี่ยฉวนกัดฟันแน่น ร่างทั้งร่างสั่นอย่างรุนแรง
“รอดหรือตาย !”
เวลาผ่านไปทีละน้อย ร่างกายทุกส่วนของเยี่ยฉวน หู ตา ริมฝีปาก จมูก และลิ้นเกือบจะบิดเบี้ยวแต่ก็ไม่ ทว่ามันไม่หยุดเพียงเท่านั้น ด้วยร่างของเขากระตุกเป็นครั้งคราว และมีหลายต่อหลายครั้งที่เยี่ยฉวนรู้สึกเจ็บปวดมากจนเกือบหมดสติ แต่ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าหากตนผ่านมันไปไม่ได้ เขาอาจไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย !!
“แข็งใจไว้ !”
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เยี่ยฉวนจึงได้แต่กัดฟันอดทนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งวัน เสียงกระบี่ในร่างกายของเยี่ยฉวนพลันส่งเสียงเล็กน้อย วินาทีต่อมาเยี่ยฉวนก็ล้มลง ก่อนที่ในเวลาเดียวกัน ลำแสงพลังลมปราณจะพลันพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา !
สัญลักษณ์ของการเลื่อนระดับสู่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่หก !
ในตำแหน่งเดิมของจุดตันเถียนของเยี่ยฉวน ตอนนี้มีกระบี่เล็ก ๆ ลอยอยู่
ภายในหอคอย เสียงพึมพำเบา ๆ ได้ดังขึ้น “ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถทำได้…”
นับเป็นเรื่องดีแล้วที่เยี่ยฉวนสลบไปเสียก่อนจะได้ยินประโยคนี้…