บทที่ 292 ยาเสวียนจือสำเร็จแล้ว

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

ไม่มีนักกลั่นยาคนไหนสามารถรับประกันการกลั่นยาของตนได้ว่าตลอดชีวิตนั้นจะไม่ล้มเหลวเลยแม้สักครั้ง

สำหรับหลัวซิวที่มีความทรงจำของปรมาจารย์กลั่นยาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้า ประสบกับล้มเหลวเกือบหมื่นครั้ง โดยเฉพาะในตอนแรกที่เริ่มเรียนกลั่นยา ความสำเร็จทุกอย่างได้มาโดยการสะสมประสบการณ์หลังจากความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แม้ว่าจะล้มเหลวไปแล้วหนึ่งครั้ง การแสดงออกของหลัวซิวก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป และเพราะความล้มเหลวนี้จึงสามารถสรุปเหตุผล การกลั่นยาครั้งต่อไปของเขา ก็ดูคล่องแคล่วขึ้นมากทีเดียว

ก่อนอื่น เขาวิเคราะห์ส่วนผสมของยาวิเศษใหม่อีกครั้ง ขั้นตอนการกลั่นยาเริ่มดำเนินไปอย่างมีระเบียบ ทุกอย่างราบรื่นมากกว่าการกลั่นยาครั้งก่อน

เตากลั่นยาสีฟ้าอ่อนหมุนอยู่กลางอากาศ ภูตอัคคีกลืนกินสีน้ำตาลแดงกลิ้งไปกลิ้งมาในเตาหลอม กลั่นตัวตลอดเวลา ภายใต้การแผดเผาของภูตอัคคี แพร่กระจายออกมาจากรอบสี่ทิศของเตากลั่นยาจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ตัวสำนึกของหลัวซิวจดจ่อไปตามสถานการณ์เตากลั่นยา ยาสีฟ้าใสหนึ่งลูกเกิดเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เพียงแค่รอให้ยากลั่นตัวและแข็งตัวเต็มที่ ยานี้ก็จะพร้อมออกจากเตาแล้ว

ในเวลาเดียวกัน กลิ่นหอมสมุนไพรเข้มข้น ก็ลอยฟรุ้งออกมาจากเตากลั่นยา นี่คือสัญญาณของความสำเร็จที่ใกล้เข้ามาแล้ว

ทันใดนั้น ช่วงเวลาที่ยากำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง สองลมหายใจสีฟ้าตกลงบนต้นแบบยา กลายเป็นสองลายมังกร ความเร็วที่ยาก่อตัวก็เร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

“สำเร็จ!”

ช่วงเวลาแห่งการบ่มยาสีฟ้าใส พลังงานมหาศาลกระเพื่อมออกจากเตากลั่นยาแพร่กระจายออกมา ทำให้ค่ายกลระดับห้าที่หลัวซิวสร้างไว้รอบทั้งสี่ทิศนั้น ทั้งหมดต่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ความผันผวนที่รุนแรงนี้กินเวลานานก่อนที่จะค่อยๆสงบลง และหลัวซิวก็ใช้โอกาสนี้เอื้อมมือไปเปิดฝาหม้อ หนีบยาเสวียนจือระดับหกสีฟ้าใสขึ้นมาจากในหม้อด้วยสองนิ้ว

ประเมินยาเสวียนจือที่อยู่ในมือ ใบหน้าของหลัวซิวในที่สุดก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ตอนนี้สามารถกลั่นยาเสวียนจือได้แล้ว นั่นหมายความว่า เขาก็สามารถกลั่นยาระดับหกอย่างเช่นยาวิญญาณหยินหยางได้เช่นกัน

เพราะข้ามระดับกลั่นยามาสองระดับ ดังนั้นคุณภาพของยาไม่สามารถบรรลุถึงความบริสุทธิ์ที่ปราศจากสิ่งเจือปนได้ ต่อให้เตาทยานนภามังกรคู่ช่วยเสริมคุณภาพยา แต่ยาเม็ดนี้ก็เป็นเพียงแค่ยาที่มีความบริสุทธิ์ระดับแปดจากสิบเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้น ตามที่หลัวซิวได้รับรู้ ในประเทศเทียนหวู สามารถกลั่นยาบริสุทธิ์ระดับแปดจากสิบนั้นมีไม่มาก ส่วนกลั่นได้ถึงระดับเก้าจากสิบนั้นดูเหมือนจะไม่มีเลย ยาเสวียนจือเม็ดนี้เป็นจึงเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้ว

หลังจากนั้นหลัวซิวก็หยิบขวดหยกออกมา ใส่ยาเสวียนจือเข้าไป และเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของ

เตาทยานนภามังกรคู่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพลังจิตแท้ ก็ค่อย ๆ หมุนและเล็กลง และจมเข้าไปในร่าง ถูกเก็บไว้กลางตันเถียนวิชาชี่ไห่ขั้น

เตากลั่นยาโบราณนี้ เป็นวัตถุโบราณที่นักหลอมอาวุธในสมัยก่อนกลั่นออกมา ถือเป็นเครื่องรางชั้นสูงชิ้นหนึ่ง สามารถเก็บเข้าสู่ร่างกายเพื่อใช้ความอบอุ่นบำรุงรักษาได้ หากตัดคุณสมบัติในการกลั่นยาออกไป ก็ยังความสามารถในการโจมตีศัตรูอีกด้วย

แม้แต่ในโลกปัจจุบัน นักกลั่นยาจำนวนไม่น้อยที่สามารถใช้เตากลั่นยารับมือกับศัตรู เสริมกับนักกลั่นยาที่ทักษะการควบคุมไฟด้วยเวทย์มนตร์นั้น ในการต่อสู้กับนักยุทธ์ในระดับเดียวกัน ประสิทธิภาพการต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมาก

หลังจากนั้น หลัวซิวก็ทำลายค่ายกล และเก็บธงขลังสรรพสิ่ง

สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามในชั่วพริบตา เขาก็วิ่งเข้ามาและหมอบอยู่ข้างหน้าเขา กระดิกหาง แสดงให้เห็นลักษณะที่น่าพึงพอใจ

แต่เจ้าหลงหมิง ยังคงทำหน้าเหม็นเบื่อไม่หาย เหลือบมองสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามอย่างดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นเลือนร่างก็ค่อยๆ หายไป และรวมเข้ากับพื้นที่ใกล้เคียง ล่องหนไปในทันที

หลัวซิวเอื้อมมือไปตบหัวสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามเบา ๆ จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลัง

ใช้ตัวสำนึกในการนำทาง และให้สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามรับหน้าที่ตามทางนั้นไป ส่วนหลัวซิวหยิบเอากล่องส่งเสียงออกมา แล้วจัดการส่งข้อความถึงอาจารย์ตระกูลสวี

ครึ่งเดือนถัดมา หลัวซิวก็กลับจากสถานที่รกร้างภาคเหนือ มาถึงประเทศเทียนหวูแล้ว

หลงหมิงยังคงติดตามมาอย่างเงียบ ๆ ด้วยการล่องหนเหมือนก่อนนี้ สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามกลายร่างให้เหลือขนาดเท่าหมาป่า เดินตามหลังเขาไปต้อย ๆ

อสูรกายที่เชื่อง ช่วยนักยุทธ์ในการต่อสู้หรือเป็นพาหนะ สำหรับในโลกของนักยุทธ์แล้วนั้น เป็นเรื่องที่เห็นได้ทั่วไป

ที่องค์กรนักล่ายุทธ์ อาจารย์ตระกูลสวีรีบรุดหน้ามาพบกับหลัวซิวด้วยตัวเอง

ที่นี่คือห้องที่เงียบสงบ เมื่อหลัวซิวหยิบเอาขวดแก้วหยกวางไว้บนโต๊ะ แม้ว่าอาจารย์ตระกูลสวีท่านนี้ใช้ชีวิตมานับร้อยปี ร่างกายของเขาอาจแข็งทื่อไปบ้าง แต่ดวงตาของเขามีสง่าอย่างยิ่ง

“ผู้น้อย นี่มัน…” สวีจิงเหนียนถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น

“ยาเสวียนจือ มันคือเป็นสิ่งที่ท่านผู้อาวุโสต้องการ” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม “หลังจากที่ท่านอาจารย์ฝึกสำเร็จ ข้าก็เดินทางข้ามทิศเพื่อไปที่นั่น แล้วจึงนำยานี้กลับมาให้ท่านผู้อาวุโส”

สวีจิงเหนียนคว้าขวดหยก เปิดออกอย่างระมัดระวังสายตาจดจ้องอยู่กับยาสีฟ้าใสหนึ่งเม็ด ที่นอนแน่นิ่งอยู่ก้นขวด ความปีติยินดีและตื่นเต้นเผยขึ้นบนใบหน้าของชายชรา

ในตอนแรกมอบหมายให้อาจารย์กลั่นยาผู้ลึกลับที่อยู่เบื้องหลังหลัวซิว มันคือการเดิมพันครั้งใหญ่ หากชนะ ตนก็สามารถฟื้นฟูผลการฝึกตนและรักษาตระกูลสวีไว้ได้ หากแพ้ ในเวลาไม่ถึงสิบปี ทั้งตระกูลสวีก็จะต้องถูกราชวงศ์ตระกูลฝานกลืนกินจนหมด และถูกลบชื่อออกจากสิบอันดับตระกูลใหญ่แห่งยุค

แต่นี่เป็นโชคดี ท้ายที่สุดเขาก็ชนะเดิมพัน สามารถถือครองยาเสวียนจือได้ เรื่องการฟื้นฟูผลการฝึกตนระดับจักรพรรดิยุทธ์ ก็มีโอกาสขึ้นมากทีเดียว

มองดูสีหน้าที่ตื่นเต้นนั้น อาจารย์ตระกูลสวีที่ไม่ละสายตาจากยาในขวดหยก หลัวซิวหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ “ยานั้นมอบให้ท่านอาวุโสแล้ว ค่าตอบแทนอีกครึ่งหนึ่ง…”

ความจริงหลัวซิวก็เคยคิดว่า อาจารย์ตระกูลสวีคนนี้ เมื่อได้รับยาแล้ว จะพลิกหน้ามือเป็นหลังมือไม่ยอมจ่าย แม้ว่าจะเป็นค่าตอบแทนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งก็ตาม ยาวิเศษทุกเม็ดก็มีค่ามากพอที่จะทำให้ตระกูลสวีแตกหักได้

สวีจิงเหนียน เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ เพราะจุดตันเถียนได้รับบาดเจ็บ ผลการฝึกตนจึงลดลงไป แต่สิ่งที่แน่นอนคือ เขายังสามารถกวาดล้างและบดขยี้ราชายุทธ์ส่วนมากได้ หากอีกฝ่ายจะพลิกลิ้นจริง ๆ หลัวซิวก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อย่างดีที่สุดก็สามารถป้องกันตัวได้

แน่นอน หลัวซิวก็ไม่ได้กลัวว่าอีกฝ่ายจะพลิกลิ้นหรือไม่ เพราะในยาเสวียนจือนั้นมีตราสำนึกของตนเองอยู่ เพียงแค่คิดอยู่ในหัว ยาก็จะแตกออกกลายเป็นผุยผงได้ในทันที

หากไม่ใช่ว่าผลการฝึกตนของตนนั้นไม่พอ จนหลัวซิวต้องใช้ลูกเล่นบางอย่างกับยา แต่ผลการฝึกตนของเขามันต่ำเกินไปจริง ๆ เมื่อตอนกลั่นยาเสวียนจือได้ใช้พลังทั้งหมดใส่ลงไปเพื่อข้ามสองระดับ เขาไม่มีทั้งเวลาและโอกาสที่จะทิ้งกับดักไว้ในยา

กับดักพวกนี้ ในบรรดานักกลั่นยา นักค่ายกล และนักหลอมอาวุธ เป็นเหมือนกับข้อปฏิบัติลับ ๆ ที่ไม่มีระบุไว้

สิ่งสำคัญคือต้องการป้องกันสิ่งที่ตนกลั่น ไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของศัตรู แม้จะมีบุคคลระดับปรมาจารย์จำนวนไม่น้อย ที่ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ไขกับดักของผู้อื่นและภาคภูมิใจกับมัน

สวีจิงเหนียนคนนี้สามารถสร้างตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งโลกยุทธ์ได้ เขาไม่ใช่คนที่พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ มีจิตใจและความกล้าหาญที่เป็นคุณสมบัติของจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง

เขาหยิบแหวนที่เก็บขึ้นมาแล้ววางลงบนโต๊ะโดยไม่ได้พูดอะไร แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่คือครึ่งหนึ่งของค่าตอบแทนที่เหลือ”

“ผู้อาวุโสจะไท่ตรวจสอบก่อนหรือว่ายานั้นเป็นของจริงหรือปลอม?” ด้วยกิริยาที่ใจกว้างเช่นนั้นของอีกฝ่าย ทำเอาหลัวซิวถึงกับรู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนเขาจะระมัดระวังเกินไปหน่อย?

ด้วยเหตุนี้ สวีจิงเหนียนจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง พูดออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจนัก “หากเป็นคนอื่น ข้าต้องกังวลและสงสัยอย่างแน่นอน แต่การที่จะสามารถสั่งสอนอัจฉริยะที่โดดเด่นหาใดเปรียบเช่นเจ้าได้นั้นต้องไม่ธรรมดา ทั้งชีวิตของข้าก็ไม่ได้ถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า ความรู้สึกมันบอกข้า ว่ายาเม็ดนี้ไม่มีปัญหาใด”

ระหว่างที่พูด สวีจิงเหนียนก็หยิบยาเสวียนจือออกมา “ข้ายืมใช้องค์กรนักล่ายุทธ์แห่งนี้รักษาบาดแผล จะได้หรือไม่?”