ตอนที่ 825 ดิ้นรนมีชีวิตรอด

Elixir Supplier

ดอกกล้วยไม้สีเลือดมีสีแดงก่ำ คือดอกไม้ที่ปรากฏอยู่ในตํานานเรื่องเล่า ผู้คนเชื่อกันว่ามันสามารถขจัดโรคภัยและยืดอายุขัย หรือบางทีอาจถึงขั้นทําให้พวกเขากลายเป็นอมตะ

ชายวัยกลางคนนอนนิ่งอยู่ที่พื้น เขาฟังเสียงปืนที่ดังอยู่ไม่ไกลที่จุดที่เขาอยู่เขากําลังกินดอกกล้วยไม้ที่เขาคว้ามาได้ในตอนแรก ร่างกายของเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนักแต่แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเขามันเป็นความรู้สึกที่ราวกับมีบางอย่างกําลังลุกไหม้อยู่ภายในตัวเขาความร้อนค่อยๆแพร่กระจายไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย

มันได้ผล แล้วมันก็เร็วมาก!

ร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัว พละกําลังเริ่มคืนกลับมาเขายังคงกินดอกกล้วยไม้สีเลือดต่อไปราวกับวัวที่กําลังเคี้ยวดอกโบตั๋น

“คนล่ะ?” มีคนตะโกนออกมา

“อยู่ตรงนี้!” อีกเสียงตะโกนตอบกลับไป

ไม่นาน ชายวัยกลางคนก็ได้ยินเสียงฝีเท้า มีคนกําลังมุ่งหน้ามาทางเขา

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและนอนนิ่งอยู่ที่พื้น

ครูต่อมา ชายสองคนที่ติดอาวุธครบมือก็เดินเข้ามา

“ตรงนี้ แล้วดอกกล้วยไม้สีเลือดล่ะ?” ชายคนหนึ่งถาม

เขามองไปที่ถุงว่างเปล่า ทั้งสองหันไปมองชายวัยกลางคน

“แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร?” หนึ่งในพวกเขาถาม

หนึ่งในนั้นก้มตัวลงมองชายวัยกลางคนที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้นเขาอยู่ในสภาพสกปรกมอมแมมและเต็มไปด้วยเลือดเขาไม่หายใจแล้วและใบหน้าของเขาก็ยังเป็นสีดําคล้ําอย่างน่าประหลาด

“เขาตายแล้ว” หนึ่งในนั้นพูด

“มันจะต้องมีคนอื่นอยู่ในหุบเขานี้แน่ๆ” เพื่อนของเขาพูด

“หรือจะเป็นพวกมัน?” ชายอีกคนถาม

“ไปเร็ว!” เพื่อนของเขาตะโกน

ทั้งสองจากไปอย่างรวดเร็ว

ชายวัยกลางคนลืมตาขึ้น เขาตะเกียกตะกายเพื่อที่จะขยับตัวลุกขึ้นแล้วในที่สุดเขาก็สามารถย้ายตัวเองมาหลบที่ด้านหลังต้นไม่ใหญ่เขาเริ่มได้ยินเสียงสวบสาบตะขาบยาวหลายเมตรและ แมงมุมที่มีพิษร้ายไต่ผ่านเขาที่นั่งขัดสมาธินิ่งราวกับพระผู้ทรงศีลไปมาเป็นครั้งคราว

ในหมู่บ้านกลางเขาที่ไกลออกไปหลายพันไมล์

หวังเย้ากับจงหลิวชวนอยู่บนเนินเขาตงชานด้วยกัน

“เชียนเชิง ผมไปดูมาแล้ว เรื่องของพวกเขาน่าจะราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร”จงหลิวชวนพูด

“ดีครับ มาฝึกกันเถอะ” หวังเย้าพูด

ศิษย์อาจารย์ฝึกฝนอยู่บนเขา แสดงการเคลื่อนไหวที่น่าประทับใจ

ในตอนเช้า เจียจื้อจายและหูเหมยก็สามารถเติมเต็มความปรารถนาของพวกเขาได้ในที่สุดทั้งสองต่างปีติยินดี พวกเขาได้ทะเบียนสมรสและซื้อบ้านในหมู่บ้านกลางเขา

ใบหน้าของหูเหมยเต็มไปด้วยความสุข

“เราต้องหาคนมาตกแต่งบ้านให่รึเปล่า?” เจี่ยจือจายถาม

บ้านหลังนี้สร้างขึ้นมาได้ประมาณ 7-8 ปี มันถือเป็นบ้านใหม่ในหมู่บ้านแห่งนี้หากเข้าไปอยู่อาศัยมันคงไม่มีปัญหาอะไรในระยะหลายสิบปีต่อจากนี้

“อืม ฉันคงต้องตกแต่งมันใหม่” หูเหมยพูด

พวกเขาเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชานอีกครั้ง และเข้าไปติดต่อกับบริษัทตกแต่งบ้านพวกเขาได้ทําการนัดหมายเวลาในการตกแต่งบ้านและสวนหย่อม

หลังจากหนึ่งวันที่วุ่นวาย สายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงก็พัดเข้ามาภายในบ้านหูเหมยทําอาหารสองสามจานส่วนเจี้ยจื้อจายก็เตรียมไวน์แดงไว้หนึ่งขวดเขาขัดถูแก้วไวน์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่อย่างระมัดระวัง

“เฮ้อ นี่สินะชีวิตจริงๆ” หูเหมยพูด

“เธอว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของพวกเราเป็นแบบไหน?” เจี้ยจื้อจายถาม

“เลิกคิดเรื่องก่อนหน้านี้ได้แล้ว ที่พวกเราต้องทําในตอนนี้ก็คือการมีชีวิตที่ดี” หูเหมยนั่งลงหลังจากเอาอาหารมาวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“นั่นสินะที่รักเธอพูดถูก!”เจี้ยจื้อจายปรบมือ“มาเรามาดื่มกัน”

กริ้ง! เสียงแก้วดังเมื่อทั้งสองชนแก้วกัน

“มันอร่อย” เจี้ยจื้อจายพูด

“ถ้าอร่อยก็กินอีกเยอะๆ” หูเหมยพูด

“ฉันเริ่มเข้าใจแล้ว ว่าทําไมหมอหวังถึงไม่ยอมย้ายออกไปจากหมู่บ้านนี้”เจี้ยจื้อจายพูด

“บางทีหลังจากที่อยู่ไปอีกสักสองสามวัน นายก็อาจจะรู้สึกเบื่อขึ้นมาก็ได้”หูเหมยพูด

“ไม่ ไม่มีทางหรอก” เจี้ยจื้อจายพูด “ฉันไม่ต้องการมีชีวิตแบบนั้นอีกต่อไปแล้วตั้งแต่นี้ต่อไปเราจะอยู่ด้วยกันที่นี่”

“ขอแค่นายชอบ ฉันอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น” ดูเหมยยิ้ม

เธอคิด นายมีภรรยาแบบฉันแล้ว นายยังจะต้องการอะไรอีก?

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ลมพัดบนเขาเริ่มเย็นลงเล็กน้อย

“ได้เวลาเก็บเกี่ยวสมุนไพรอีกชุดแล้ว” หวังเย้าพูด สมุนไพรที่เติบโตอยู่ภายในแปลงสมุนไพรดูดีเป็นอย่างมากสมุนไพรส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรธรรมดาแต่ด้วยค่ายกลรวมวิญญาณทําให้พวก มันสามารถดูดซับพลังฟ้าดินสมุนไพรธรรมดาเหล่านี้จึงไม่ธรรมดาอีกต่อไป

พวกมันส่วนใหญ่ฉันจะเอาไว้ใช้เอง

ตั้งแต่ปลูกสมุนไพรในค่ายกลมา พวกมันไม่เคยถูกนําออกไปขายอีกเลย หลังจากเก็บเกี่ยวมาได้พวกมันก็จะถูกนําไปแปรรูปและทําเป็นยาต่อไปแต่ตอนนี้ต่างออกไปหลังจากก่อตั้งบริษัทหนานชานเภสัชขึ้นมาสมุนไพรชุดแรกที่ถูกเก็บเกี่ยวจําเป็นต้องนําออกมาใช้กับบริษัทอย่างน้อยก็ต้องนําส่วนหนึ่งของสมุนไพรเหล่านี้ไปใช้ ตอนที่ทําซุปเสี่ยวเผยหยวน เขาจะต้องเป็นคนไป กํากับทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง

พูดกันว่า การจ่ายยาเป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นเรื่องของความเข้าใจในการผสมตัวยาเข้าด้วยกัน แต่ทั้งหมดก็ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจร่วมด้วยตัวยาหนึ่งตัวเกิดจากการบดและผสมสมุนไพรเข้าด้วยกันปริมาณที่ต้องใช้จําเป็นจะต้องใช้ความแม่นยําสูง

เกือบได้เวลาอัพเกรดแล้ว

ถึงจะมีภารกิจน้อยมาก แต่ค่าประสบการณ์จากการตรวจคนไข้ของหวังเย้าก็เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากมีการสะสมค่าประสบการณ์ในทุกวันทําให้เขาสามารถอัพเกรดระบบได้ ในเร็วๆนี้

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในค่ําคืนนั้น

ไกลออกไปหลายพันไมล์ ภายในเขตแดนลับยูนนานใต้ชายวัยกลางคนหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้หนึ่งวันหนึ่งคืนราวกับว่าตัวเขาได้กลายเป็นก้อนหินหรือไม่ก็ท่อนไม้ที่ตายแล้วเขาไม่ขยับเขยื้อน แต่ภายในร่างกายของเขากลับปั่นป่วนรุนแรงดอกกล้วยไม้สีเลือดที่เขากินเข้าไปกําลังทําหน้าที่ซ่อมแซมร่างกายของเขาอยู่พวกมันขับพิษออกจากร่างกายของเขาและช่วยฟื้นคืนร่างกายของเขาให้กลับสู่สภาพเดิม

ไม่พอ ยังไม่พอ!

เขาลืมตาและเดินออกไปจากใต้ต้นไม้ ได้เวลาที่ต้องเคลื่อนไหวแล้ว

งูยักษ์สีดํามะเมื่อมปรากฏตัวออกมา มันมีความยาวกว่า 20 เมตรและหนาพอๆกับท่อระบายน้ำเกร็ดของมันเป็นประกายสะท้อนแสง ทําให้มันดูราวกับถูกสร้างขึ้นมาจากเหล็ก

ชายกลางคนลังเล ก่อนที่เขาจะตัดสินใจติดตามงูตัวนั้นไปไม่ใกล้ไม่ไกล มันอาจดูเป็นการกระทําที่เรียกได้ว่ารนหาที่ตายแต่ก็นับเป็นทางเลือกที่ฉลาดงูตัวนี้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในหุบเขาแห่งนี้ สิ่งมีชีวิตอื่นล้วนตื่นตระหนกเมื่อมันเลื่อยผ่านและมันช่วยขจัดปัญหาให้เขาไปได้มาก

หุบเขากว้างใหญ่และมีลักษณะแปลกประหลาด ด้านบนคับแคบแต่ด้านล่างกลับกว้างใหญ่หอม!

เขาได้กลิ่นดอกกล้วยไม้สีเลือด หลังจากเดินมานาน เขาก็เห็นดอกกล้วยไม้สีเลือดอยู่บนหน้าผาที่ด้านล่างเป็นหนองน้ำลึกงูยักษ์เลื่อยลงไปในหนองน้ำตอนนี้หนองน้ำจึงกลายเป็นหนองน้ำมังกรอย่างแท้จริงชายวัยกลางคนยืนห่างออกมาจากหนองน้ำมันไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะ ด่าลงไปในหนองน้ำนั้น แม้แต่เขาใกล้เขาก็ยังไม่กล้า

ฉันควรจะทํายังไงดี?

หลังจากเดินไปรอบๆหนองน้ำ เขาก็พบดอกกล้วยไม้สีเลือดเติบโตขึ้นที่มุมหนึ่งถึงแม้มันจะไม่ดีเท่ากับต้นที่อยู่บนหน้าผาแต่มันก็นับว่าเป็นสมุนไพรวิเศษเหมือนกันเขาแอบเข้าไปเด็ดดอก กล้วยไม้และกินมันเข้าไป

การเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขากําลังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ท้องฟ้าสว่างโร่พระอาทิตย์ลอยสูง

ชายคนหนึ่งเข้ามาภายในหุบเขา เขาสวมเสื้อสีดําสนิท

เขาเข้ามาภายในหุบเขา แต่แมลงพิษกลับไม่กล้าเข้าไปใกล้เขา เขาไม่รู้ว่ามีบางอย่างบนร่างกายของเขาที่ขับไล่แมลงเหล่านั้นออกไป

เขาเดินตรงไปที่ด้านหนึ่งของหนองน้ำเขาค่อยๆชะลอฝีเท้าลงในขณะที่เดินเข้าไปใกล้เมื่อเขาเดินมาถึงมุมหนึ่งของหนองนําเขาก็ต้องตกตะลึง

เกิดอะไรขึ้น? ทําไมถึงเหลือน้อยขนาดนี้? เขาจําได้ว่า ครั้งสุดท้ายที่เขากลับออกไปยังมี ดอกกล้วยไม้สีเลือดอยู่ตรงมุมของหนองน้ำเป็นจํานวนมากถึงพวกมันจะไม่ได้มีคุณภาพดีเท่ากับต้นที่เติบโตบนหน้าผาประสิทธิภาพของมันก็นับว่าไม่เลวแต่เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่วันพวกมันกลับเหลือแค่ไม่กี่ดอกเท่านั้น

หรือมีอะไรมากินมัน?

เขาเข้าไปมองใกล้ๆ ฉับพลันสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

มีคนมาที่นี่!

เสียงหอบหายใจและคํารามในลําคอดังมาจากชายวัยกลางคนที่มาถึงทางออกหุบเขาเขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากําลังฟื้นตัวอยู่ และมันทําให้เขามีความสุขพละกําลังที่สูญเสียไปกําลังกลับมา ความเจ็บปวดก็ลดลงตามไปด้วยเช่นกัน

วิเศษ!

เขาไม่คิดว่าสมุนไพรตัวนี้จะมหัศจรรย์ได้ขนาดนี้

อยู่ๆ เขาก็ไอไม่หยุดเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา มันเป็นเลือดสีดําคลที่ดูน่ากลัว เล็กน้อย

ฉันยังมีชีวิตอยู่!

รถคันหนึ่งขับไปบนทางหลวงด้วยความเร็วสูง“อดทนเอาไว้เมื่อเราไปถึงที่นั่นเราก็ยังมีหวัง”คนขับพูดชายอีกคนที่นั่งอยู่ภายในรถดูซีดเซียวเขากําลังหายใจแผ่วเบาและประกายในดวงตาของเขาก็ค่อยๆจางลงไปสภาพร่างกายของเขาย่าแย่มาก

“อีกนานแค่ไหน?” ชายที่ป่วยถาม

“อีกไม่นานแล้ว” คนขับพูด

รถทะยานไปอย่างรวดเร็วราวกับกําลังวิ่งหนีความตาย

คลินิกในหมู่บ้าน

“ลองชิมดู ชาของฉันรสชาติเป็นยังไงบ้าง?” เว่ยห่ายยิ้ม

“อืม กลิ่นของมันพิเศษ มันมี…”หวังเย้าหาคําพูดที่เหมาะสมไม่ได้

“มีกลิ่นคล้ายทะเลใช่รึเปล่า?” เว่ยห่ายถาม

“ใช่ครับ มันมีกลิ่นของทะเล” หวังเย้าพูดกลั้วหัวเราะ

“ถูกต้องแล้วล่ะ ชาพวกนี้เติบโตขึ้นในที่ที่ติดกับทะเล” เว่ยห่ายพูด

“ต้นชาที่ปลูกอยู่ติดกับทะเลอย่างนั้นเหรอครับ?” หวังเย้าประหลาดใจ

“ใช่แล้วล่ะ” เว่ยห่ายพูด “นายไม่เชื่อเหรอ? ถ้าฉันไม่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกันต้นชาพวกนั้นขึ้นอยู่ตรงหน้าผาที่อยู่ติดกับทะเลพวกมันเป็นชาป่าเป็นชาที่หาได้ยากมากคนทั่วไปถึงจะมีเงินก็ซื้อไม่ได้หรอกนะแต่พอฉันได้มาฉันก็เอามาให้นายชิ

“ขอบคุณนะครับ” หวังเย้าพูด

“อ้อ นอกจากเรื่องการดื่มชา นายยังมีงานอดิเรกอย่างอื่นอีกไหม?” เว่ยห่ายถาม “อีกสองสามวันฉันจะไปปักกิ่งแล้วจะเอาชุดน้ำชากลับมาฝากนายด้วย”

“พี่ไม่ต้องเอามาให้ผมหรอกครับ” หวังเย้าโบกมือปฏิเสธ

“ต้องสิ” เว่ยห่ายพูด “ม้าดีต้องคู่กับอานม้าอย่างดี ชาดีก็ต้องคู่กับชุดชงชาอย่างดีเหมือนกัน”

อยู่ๆก็มีเสียงเคาะประตู

“พี่ตามสบายเลยนะครับ ผมต้องไปดูคนไข้ก่อน” หวังเย้าพูด

“ได้ๆ” เว่ยห่ายพูด

ประตูเปิดออก ชายคนหนึ่งแบกคนไข้เอาไว้บนหลังของเขา ตามมาด้วยชาววัยกลางคนเขาก็คือโจวฉง

“เชียนเชิง ขอโทษที่ต้องมารบกวนอีกครั้ง”เขาพูด

“ไม่ต้องเกรงใจเข้ามาคุยข้างในดีกว่าครับ”หวังเย้าพูด