ตอนที่ 268 โทษฐานที่ถูกกำหนดไว้

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 268 โทษฐานที่ถูกกำหนดไว้

“อะไรกัน อย่ารังแกข้าเพราะคิดว่าข้าไม่รู้กฎบ้านเมือง หากศาลต้าหลี่อยากจับกุมประชาชน พวกเจ้าก็ต้องมีหนังสือแจ้งไม่ใช่หรือ?” ซูหวานหว่านเผยรอยยิ้มเย็นชา ก่อนจะยื่นขาออกไปสะกดคนที่กำลังจะเข้ามามัดนางไว้

เขาคนนั้นหน้าทิ่มล้มคะมำลงบนพื้น สายตาของเขาเบิกกว้างจ้องมองไปยังซูหวานหว่าน และดึงดาบออกมาจากบริเวณเอว “แม้ว่าตระกูลของเจ้าจะค้าขายเกลือ แต่เจ้าก็ยังเป็นพลเมืองของราชวงศ์เซี่ย เพราะฉะนั้นแล้วเจ้าจะต้องฟังคำสั่ง! ไม่อย่างงั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”

“เฮอะ!” ซูหวานหว่านหัวเราะเย็นชา มือของนางแกว่งไปมาอย่างไปรู้ตัว ไม่นานเชือกเหล่านั้นก็คลายตัว! เพียงชั่วพริบตามันก็ร่วงหล่นลงบนพื้น!

“เจ้าต้องการจะหลบหนีจริง ๆ ด้วย!” ชายคนนั้นตกใจรีบวิ่งเข้าไปใช้ดาบจ่อคอซูหวานหว่านเอาไว้ “คุณหนูใหญ่จ้าว เจ้า…”

“เจ้าหุบปากเสีย!” หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ หากต้องการจับข้าจะต้องมีหนังสือแจ้ง! หากอยากจับข้าไปลงโทษ จะต้องมีหลักฐาน! ตอนนี้พวกเจ้าไม่มีทั้งสองอย่าง เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่ร่วมมือเชื่อฟังคำพูดปากเปล่าที่พวกเจ้าเอ่ยใส่ร้ายข้า!”

ซูหวานหว่านเอ่ยพลางโบกมือให้พ่อบ้าน “เรียกชายหนุ่มร่างกายแข็งแกร่งของบ้านเราออกมา แล้วจับพวกเขาโยนออกไปข้างนอกเสีย!”

“ขอรับ” พ่อบ้านพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที ไม่นานก็มีชายร่างกายกำยำราวยี่สิบคนเข้ามาล้อมรอบพวกเขาเอาไว้ และตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง “ทุกท่าน พวกท่านจะออกไปหรือจะให้พวกข้า ‘เชิญ’ พวกท่านออกไป?”

“…”

เหล่าพลลาดตระเวนต่างมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตระกูลจ้าวเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย พวกเขาเองก็ไม่มีหนังสือแจ้งพวกนั้นเลย จึงรู้สึกเสียหน้า และเกิดโทสะขึ้นในใจ ในตอนที่กำลังเดินออกไป ก็เห็นชายวันกลางคนเดินเข้ามาด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง “คุณหนูใหญ่จ้าว! เจ้ายังไม่ยอมรับผิดอีกเหรอ?”

เมื่อเห็นว่าบุคคลนี้ดูคล้ายคลึงกับฉือเฉิงซุนอย่างไร ซูหวานหว่านจึงสรุปได้ว่าคนผู้นี้จะต้องเป็นอัครเสนาบดี นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอัครเสนาบดีกล่าวอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ข้าไม่ได้ฆ่าใคร จะมาลงโทษข้าได้อย่างไร? ท่านอย่ามาใส่ความกัน ข้าจะทนไม่ไหวแล้วนะ”

ดวงตาของท่านอัครเสนาบดีสือฉายแววไม่พอใจ หากแต่ในมือของเขาก็ไม่มีหลักฐานใด ๆ จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เจ้ายังจะดื้อดึงอยู่อีกหรอกหรือ เช่นนั้นแล้วพวกเราก็ไปดูที่เกิดเหตุด้วยกันเสีย!”

เมื่อได้ฟังประโยคเหล่านี้ แม่จ้าวก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ซูหวานหว่านอยู่ที่ใดนางรับรู้ทุกอย่าง หากลูกสาวของนางฆ่าคน นางจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน? เรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน! แต่ในเมื่ออัครเสนาบดีสือกล้ากล่าวเสียงดังเช่นนี้…

แม่จ้าวเชิดหน้าขึ้น “ท่านอัครเสนาบดีสือ พวกสองคนจะไปกับท่าน! แต่ท่านต้องคิดให้ดี หากเรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องจริง ท่านต้องคุกเข่าขอโทษลูกสาวของข้า!”

“ย่อมได้!” อัครเสนาบดีเฉินตอบตกลง และมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตาดูถูก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ถึงเวลานั้นพวกเจ้าอย่ามาร้องไห้ร้องขอความเมตตาจากข้าก็แล้วกัน!”

“หึ รอดูก็แล้วกัน” ซูหวานหว่านไม่หวาดกลัวสิ่งใด แต่นางก็ไม่สามารถละเลยมันได้ ซึ่งหากสิ่งที่เรียกว่าหลักฐานนั้นคือของปลอม นางก็ไม่มีสิ่งใดที่จะพูดอีกต่อไป

ซูหวานหว่านและแม่จ้าวพาเหล่าคนรับใช้ไปยังจวนอัครเสนาบดี ในขณะเดียวกัน ทะเลสาบน้ำแข็งของจวนก็กำลังถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน เมื่อซูหวานหว่านไปถึง ทุกคนต่างหลีกทางให้นางโดยไม่ต้องร้องขอ พวกเขาดูหวาดกลัวขณะมองไปที่ซูหวานหว่าน ทั้งยังเอ่ยพึมพำออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูใหญ่จ้าวจะเป็นฆาตกร! คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ!”

“ใช่ ๆ! ”

“…”

ซูหวานหว่านไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านี้แล้ว ในใจของนางนิ่งสงบไม่รู้ถึงสิ่งใด และเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า หญิงสาวเดินไปถึงจุดที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว เหล่าคนรับใช้เปิดผ้าสีขาวออกเผยให้เห็นศพของหญิงที่ไร้ผิวหน้า บริเวณหน้าอกของนางถูกแทงด้วยปิ่นปักผมที่ทำจากไม้จันทร์!

หน้าตาของปิ่นปักผมอันนั้นเหมือนมีหน้าตาเหมือนอันที่นางใช้ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ไม่มีผิด!

เมื่อวันก่อนปิ่นปักผมอันนี้หาไม่เจอ คาดไม่ถึงว่าจะมาพบเจอมันที่นี่!

ซูหวานหว่านตกตะลึง เป็นอัครเสนาบดีสือที่พูดว่า “ปิ่นปักผมอันนี้เจ้าปักมันมายังงานเลี้ยงเมื่อวันก่อน คุณหนูทุกคนในที่นี่สามารถเป็นพยานได้ เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่!”

“ปิ่นปักผมอันนี้เป็นของข้าอย่างแน่นอน แต่ว่า…ข้าไม่ได้ฆ่าคน” ซูหวานหว่านจ้องมองไปที่ศพของหญิงคนนั้น เหลือบสายตาขึ้นมองท่านอัครเสนาบดี ในสายตาของทุกคนการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ตาย ท่าทางของซูหวานหว่านดูกล้าหาญ นิ่งสงบ นี่คือคุณสมบัติของฆาตกรอย่างแน่นอน!

เสียงพุดคุยกันของทุกคนดังจอแจ คำพูดของที่ออกมาจากปากของพวกเขาล้วนแต่เอ่ยถึงความโหดเหี้ยมของซูหวานหว่าน หญิงสาวกวาดสายตามมองศพอีกครั้ง

ทันใดนั้นซูหวานหว่านก็พบว่าหญิงสาวคนนี้มีรูปร่างดี แม้ว่านางจะตายไปแล้ว แต่ผิวหนังบริเวณคอของนางก็ยังขาวราวกับกระเบื้องเคลือบ! ทั้งยังเหมือนกับสือฉินเอ๋อร์ตอนที่ใช้ภาพลวงตาไม่มีผิด!

ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะถอนหายใจออกมา หญิงสาวหลับตาลงก่อนเงยหน้าขึ้นท้องฟ้า ดูเหมือนว่านางกำลังสวดอ้อนวอนต่อสวรรค์ และก็ดูเหมือนสำนึกผิด อัครเสนาบดีที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยเยาะเย้ยว่า “ในที่สุดแล้วเจ้าก็ยอมรับมัน?”

“ยอมรับอะไรกัน?” ซูหวานหว่านเปิดเปลือกตา และมองเขาเหมือนกับคนโง่ หลังจากนั้นก็คุกเข่า ในหัวใจของนางเอ่ยออกมาว่า ‘ล่วงเกินแล้ว’ จากนั้นก็หยิบปิ่นปักผมอันนั้นออกมาเบา ๆ และชี้ไปที่ปากแผลพร้อมเอ่ยว่า “ปิ่นปักผมมีลักษณะกลม ทำมาจากไม้อ่อน ไม่น่าจะแทงไปได้ลึกเช่นนี้ นอกจากนี้ ข้างบาดแผลยังมีรอยดาบปรากฏอยู่อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางตายเพราะดาบ หลังจากนั้นก็แทงปิ่นเข้าไป”

เมื่อฟังการวิเคราะห์นี้ก็สมเหตุสมผล อีกทั้งยังมีหลักฐาน คนที่อยู่ด้านข้างที่กำลังจะออกความเห็นเรื่องนี้ปิดปากลงทันที และมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยความตกตะลึง

เมื่อเห็นทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้ ภายใจของอัครเสนาบดีสือเริ่มเกิดความกังวลขึ้นมา หยิบปิ่นปักผมในมือของซูหวานหว่านมาถือเอาไว้ “ถ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนฆ่า แล้วปิ่นปักผมของเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“สิ่งนี้ควรถามท่านหรือเปล่า?” ซูหวานหว่านมองอัครเสนาบดีสือ “อย่างไรเสีย หากท่านต้องการทำร้ายข้า แน่นอนว่าท่านต้องเตรียมหลักฐานไว้ทำให้ข้าตกหลุมพลาง”

“ข้าจะทำตัวเลวทรามเช่นนั้นได้อย่างไร!” อัครเสนาบดีสือจ้องมองศพของลูกสาวตนเอง และเอ่ยออกมาอย่างขุ่นเคือง “นอกจากนี้ นี่คือลูกสาวของข้า ข้าจะใช้ความตายของนางมาทำร้ายเจ้าได้อย่างไร? ความคิดของเจ้ามันจะข้ามเส้นเกินไปแล้วนะ!”

“แน่นอนอยู่แล้วว่าท่านไม่เต็มใจจะใช้ลูกสาวของตนเองมาทำร้ายข้า แต่เจ้านั้นใช้ลูกสาวของคนอื่น!” ซูหวานหว่านมองท่านอัครเสนาบดี เห็นได้ชัดว่าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะหนก หญิงสาวจึงตัดความคิดนี้ในจิตใจของนาง ซูหวานหว่านชี้ไปที่ศพและกล่าวว่า “ท่านอัครเสนาบดี นี่ใช่คุณหนูสามหรือเปล่า”

“อะไรนะ? นี่ไม่ใช่คุณหนูสามงั้นเหรอ?” ทุกคนต่างนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินประโยคนี้ หลังจากคิดดูแล้ว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าผู้ใดนั้นพูดความจริง ผู้ใดผู้ความเท็จ

ซูหวานหว่านย่อตัวลงใช้ปิ่นปักผมอันนั้นหันศีรษะผู้ตายไปด้านข้าง และชี้ไปที่ไฝข้างหูของนาง “ข้าเคยพบกับคุณหนูสามหนึ่งครั้ง ใบหน้าของนางขาวใสดุจดั่งนางฟ้า หากมองอีกครั้ง คนผู้นีั้มีไฝขนาดใหญ่ จะเป็นคุณหนูสามไปได้อย่างไร?”

พูดจบซูหวานหว่านก็ก้มหน้าลงสำรวจศพอีกครั้ง นางถอดรองเท้าของผู้ตายออก มองเท้าเปลือยเปล่าของนาง ทุกคนต่างไม่เข้าใจการกระทำนี้ ซูหวานหว่านจึงพูดออกมาอีกครั้ง “เท้าคู่นี้ใหญ่มาก บริเวณซอกเล็บเต็มไปด้วยดินโคลน เพียงแค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิง”

เมื่อทุกคนได้ยินก็ต่างรู้สึกว่ามีเหตุผล ใบสีหน้าของอัครเสนาบดีเปลี่ยนไป แผนทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด! เขาไม่คิดว่าซูหวานหว่านจะกล้ามาตรวจสอบและหาหลักฐานด้วยตนเอง!

“ท่านอัครเสนาบดีสือ เหตุใดถึงเงียบไปเล่า? ไม่ใช่ว่าท่านต้องคุกเข่าขอโทษลูกสาวข้าไม่ใช่เหรอ?” แม่จ้าวขมวดคิ้วและเอ่ยออกมา