เย่เทียนตบหน้ามาโดยตรง ตบจนติงเหล่ยคนนี้วิงเวียนแล้ว
ไม่เพียงเขาที่มึนงง ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนตะลึงงุนงงหมดแล้ว
ทุกคนนึกไม่ถึงกันว่าเย่เทียนจะลงมือโดยกะทันหัน โดยเฉพาะยังตบบนหน้าติงเหล่ยด้วย
“แก……แกกล้าตบฉัน?”
หลังติงเหล่ยรู้สึกบนหน้าเจ็บแสบขึ้น ถึงได้สติเข้ามาทันใด มองเย่เทียนอย่างไม่อยากเชื่อ ในใจมีไฟโกรธเดือดดาล “แกแม่งยังกล้ามาตบฉัน?”
“ฉันไม่ใช่พนักงานของบริษัทตระกูลเฉินของพวกแก ทำไมฉันจะตบแกไม่ได้?”
เย่เทียนมองติงเหล่ยที่โมโหเกรี้ยวกราดด้วยสายตาสบายๆ ส่งเสียงพูดอย่างเรียบเฉย
“แก……”
หลังเย่เทียนพูดจบ ชั่วขณะหนึ่งติงเหล่ยไม่มีทางโต้เถียง
ถูกต้อง เย่เทียนไม่ใช่ลูกน้องของเขา ทำไมต้องไม่กล้าตบเขาด้วยล่ะ?
ทันใดนั้น ติงเหล่ยไม่มีอะไรจะพูด ยังรู้สึกว่าที่เย่เทียนพูดมีเหตุผลมาก
“รู้สึกว่าฉันพูดได้ถูกมากใช่ไหม?”
บนเย่เทียนเผยสีหน้าหยอกเย้าออกมา “ก็ใช่อะนะ พวกโง่เง่าอย่างแก คงไม่รู้แน่ว่าทำไมฉันถึงตบแกได้?”
“แกแม่งยังกล้าด่าฉันว่าโง่?”
ติงเหล่ยตอบสนองเข้ามาฉับพลัน เพราะโกรธแค้น ส่วนใบหน้าบิดเบี้ยวกลายเป็นก้อนหนึ่งแล้ว
“ไม่ผิด ฉันกำลังด่าแก!”
คิดที่ไหนว่า เย่เทียนยังพยักหน้าจริงๆ ราวกับว่าเขาเป็นคนโง่ เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเรื่องหนึ่งอย่างนั้นเลย
“สารเลว ฉันจะฆ่าแกให้ดู!”
ติงเหล่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป ยกหมัดขึ้น อยากสู้จนตายกันไปข้างหนึ่งกับเย่เทียน
แต่ทว่า เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เทียนได้อย่างไรกัน
ตอนที่เขาชูหมัดขึ้นมา เย่เทียนก็ถีบออกไปทีหนึ่งอย่างรุนแรง ดังปักทีหนึ่ง ถีบบนท้องของติงเหล่ยอย่างหนัก ทำให้ทั้งตัวเขากระเด็นออกไปไกลหลายเมตรตรงๆ กระแทกที่พื้นดังตุบ ราวกับหมาตายตัวหนึ่ง ปีนขึ้นมาไม่ไหวอีก
ภายใต้สายตาที่ตื่นตกใจของทุกคน เย่เทียนเดินเข้าไปข้างหน้าด้วยหน้าตาเฉยเมย ยกเท้าขึ้น เหยียบบนตัวติงเหล่ยไปเหมือนทำตามอารมณ์
ติงเหล่ยพยายามดิ้นรน กลับรู้สึกว่าร่างกายตัวเองมีภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งทับเอาไว้ เดิมทีขยับเขยื้อนไม่ได้
จนกระทั่ง สีหน้าของเขาแดงขึ้นมา กลายเป็นสีตับหมูแถบหนึ่ง
“แก แกปล่อยฉันนะ! ฉัน ฉันจะฆ่าแก……”
ติงเหล่ยดิ้นรนไม่หยุด ในปากยิ่งตะโกนร้องครั้งแล้วครั้งเล่า
“โอ๊ะ? แกยังอยากจะฆ่าฉันอีก?”
เย่เทียนแกล้งทำท่าทางตกใจมาก ระดับแรงใต้เท้ากลับเพิ่มขึ้นฉับพลัน “นึกไม่ถึงว่าแกยังจะอยากฆ่าฉัน? แน่จริงแกพูดอีกรอบสิ!”
“อ๊าก!”
ติงเหล่ยร้องคำรามอีกครั้ง เพียงรู้สึกว่าหน้าอกของตนเองเหมือนต้องถูกเย่เทียนเหยียบแตก
ถึงจะแย่แค่ไหนก็ต้องพยายามสุดแรง เขายังคงไม่ยินยอมอ่อนข้อ พูดตะโกนเสียงดัง “ฉัน……ฉันต้องฆ่าแกให้ได้แน่!”
พอพูดจบลง เย่เทียนถีบไปอย่างสบายๆ บนตัวเขาทีหนึ่ง ทำให้ทั้งตัวเขากลิ้งไปบนพื้นอีกครั้ง
“แกยังอยากฆ่าฉันจริงเหรอ?”
เย่เทียนเดินเข้ามาอีกครั้ง ยังคงเหยียบบนตัวเขาเอาไว้
“ใช่ เป็นแกต้องการให้ฉันพูดซ้ำ!”
ติงเหล่ยเจ็บรุนแรงไปทั่วตัว ตอบกลับอย่างหดหู่ใจไร้ที่เปรียบ
“แกคนนี้ช่างน่าตลกจริงๆ ฉันให้แกพูดซ้ำ แกก็พูดซ้ำ แกเป็นคนใช้ของจางอะไรนั่น หรือว่าเป็นคนใช้ของฉันกันแน่?”
เย่เทียนพูดจาแบบหน้าตาหยอกเย้า ขณะเดียวกันก็เพิ่มแรงที่เท้าอีกครั้ง
“แม่งเอ๊ย!”
ติงเหล่ยรู้สึกในใจมีเพียงความรู้สึกอัดอั้นตันใจอยู่มาก
อยากให้ฉันพูดซ้ำก็คือแก เหยียบฉันไว้ก็คือแก สรุปแกแม่งอยากจะเอายังไงกับฉัน!
ส่วนคนอื่นตามองดูฉากนี้ ล้วนหางตากระตุกพักหนึ่ง เย่เทียนคนนี้ ก้าวร้าวอย่างมากจริงๆ เลย!
“แกหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ช่วงเวลาสำคัญ ยังเป็นประธานจางคนนั้นก้าวออกมาแล้ว ส่งเสียงตะโกนด้วยความโมโห
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ติงเหล่ยก็เป็นคนของเขา ให้เย่เทียนที่เป็นคนนอกมารังแกแบบนี้ได้อย่างไร?
แต่ทว่าเย่เทียนกลับไม่สนใจ ยังคงใช้เท้าเหยียบติงเหล่ยไว้อยู่ วางสายตาไว้บนตัวประธานจางด้วยสีหน้ายั่วเย้าเต็มที่
ทันทีที่สบสายตาของเย่เทียนเข้า ในใจประธานจางประกายความรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นแบบไม่รู้ตัว เพียงรู้สึกว่าตนเองเหมือนถูกงูพิษจ้องเอาไว้อย่างนั้น
สายตานั้นมันคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงขู่ขวัญได้ขนาดนี้?
ประธานจางเพียงรู้สึกว่าใต้เท้ามีลมเย็นขึ้นฉับพลัน บนหน้ากลับรักษาความนิ่งสงบไว้ ตะโกนบอกด้วยเสียงดุทว่าใจฝ่อ “ฉันให้แกหยุดไง แกได้ยินรึเปล่า แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร! ฉันคือจางฟู่ฉี รองประธานของบริษัทตระกูลเฉิน ถ้าแกผิดใจฉันล่ะก็ ฉันรับรองได้เลยว่าแกอยู่ที่เจียงหนันต่อไปไม่ได้แน่!”
“ฉันได้ยินแล้ว”
รู้ที่ไหนว่า เย่เทียนกลับข่มขู่เขาแบบไม่สนใจ ยื่นปากพูดว่า “แค่ฉันไม่อยากสนใจแก”
ไม่อยากสนใจแก?
ทุกคนได้ยินเสียงพูดที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยามของเย่เทียน อดตะลึงไม่ได้เลย
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร จางฟู่ฉีก็เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในเจียงหนัน เย่เทียนพูดว่าไม่อยากสนใจเขา เป็นการเมินเฉยต่อจางฟู่ฉีโดยตรงทีเดียว
จางฟู่ฉีฟังความหมายแฝงของเย่เทียนออก โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ต่อว่าอย่างโหดเหี้ยม “ดี ดีมาก ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้เด็ดขาด!”
พูดจบ สายตาเขามองไปยังพนักงานรักษาความปลอดภัยสามสี่คนที่ด้านข้าง “พวกแกแม่งยืนอึ้งทำอะไรอยู่ รีบจัดการสิ จับไอ้หนุ่มนี่เอาไว้ให้ฉัน!”
แต่เขาเพิ่งพูดจบ พนักงานรักษาความปลอดภัยสามสี่คนในเหตุการณ์กลับไม่ขยับตัว
ไม่ใช่พวกเขาไม่อยากขยับ แต่ว่าไม่กล้าขยับ
แม้กระทั่งหัวหน้ารปภ.ของพวกเขายังโดนเย่เทียนตบคว่ำลงไป หากพวกเขาพุ่งเข้าไป รับรองว่าคงโดนจัดการจนย่ำแย่มากแน่
โดยเฉพาะพวกเขาเป็นเพียงพนักงานกินเงินเดือน เพื่อเงินเดือนน้อยนิดขนาดนี้ ใครๆ ก็ไม่อยากต้องได้รับบาดเจ็บบอบช้ำ
ในขณะเดียวกัน มุมปากเย่เทียนวาดยิ้มเยาะขึ้น พลิกเท้าเตะ เตะติงเหล่ยคนนี้จนสลบไป
จากนั้น เขาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง สายตาที่ดื้อรั้นตกอยู่บนตัวจางฟู่ฉี
จางฟู่ฉีคนนี้ คือเจ้านายของติงเหล่ย ผู้บงการเบื้องหลังของเรื่องราวในวันนี้!
สำหรับคนที่ใจกล้ามาวางแผนร้ายต่อเฉินหวั่นชิง เขาจะปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายดายได้อย่างไรกัน?
“แก แกจะทำอะไร! ฉันเตือนแกไว้นะ ดีที่สุดแกอย่าลงมือมั่วซั่ว ไม่อย่างนั้นฉัน……”
จางฟู่ฉีสังเกตเห็นสายตาที่มีเจตนาร้ายนั้นของเย่เทียน จึงถอยหลังก้าวหนึ่งโดยจิตใต้สำนึก ตะโกนเสียงดัง
“ไม่อย่างนั้นอะไร แกอยากจะฆ่าฉัน?”
เย่เทียนหัวเราะแล้ว หัวเราะแบบสะใจมาก
แต่รอยยิ้มนี้อยู่ในสายตาทุกคน เป็นดั่งปีศาจร้ายเลยทีเดียว ไม่มีอะไรแตกต่างสักนิด
“แก แกอยากทำอะไร?”
จางฟู่ฉีกลัวถึงที่สุดแล้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ช่วยเขา เขาตัวคนเดียวเดิมทีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียน
“แกว่าฉันอยากทำอะไร? ฉันเย่เทียนในชีวิตนี้ สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดคือคนอื่นข่มขู่ฉัน!”
เย่เทียนหัวเราะเยาะ ก้าวใหญ่ๆ มาถึงข้างกายจางฟู่ฉี
ไม่รอให้จางฟู่ฉีตอบสนองเข้ามา เขาก็ยกฝ่ามือขึ้น ตบบนหน้าของจางฟู่ฉีอย่างเหี้ยมโหดแล้ว
ป้าบ!
เสียงดังกังวานทีหนึ่งจบ จางฟู่ฉีร้องโหยหวนขึ้น เลือดสดและฟันหัก ทั้งหมดพ่นออกมาจากในปากเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าตอนเกิดเรื่องกระเซอะกระเซิง
กระหน่ำตบติงเหล่ยหัวหน้ารปภ.คนนี้ ทั้งยังตบจางฟู่ฉีที่ตำแหน่งสูงมีอำนาจอีกคน ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทตระกูลเฉินมา มีเพียงเย่เทียนที่กล้าทำขนาดนี้แล้ว!
“เก่ง เก่งกาจ!”
แอบมีคนยกนิ้วโป้งขึ้นให้เย่เทียนอย่างอดไม่ได้
มีเพียงกู้กวนชีคนเดียวที่สายตาเป็นประกายแล้ว สายตาที่มองทางเย่เทียนแปลกประหลาดชัดเจน
“เย่เทียน? ชื่อนี้ เหมือนว่าคุ้นๆ อยู่หน่อย……”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
แต่ในเวลานี้เอง เสียงผู้หญิงที่ไพเราะชัดแจ๋ว ลอยมาเข้ามาจากที่ไม่ไกลนัก
เย่เทียนไม่ได้หันหน้ากลับ ยักไหล่แล้ว เขารู้ว่า เฉินหวั่นชิงมาแล้ว