เสี่ยวหลัว ไม่คิดเลยว่า ซุนยู้ จะดื้อรั้นขนาดนี้ ในที่สุดเขาก็ถูกบังคับให้ยอมรับและเก็บ IOU เข้ากระเป๋าของเขาไป

เขามองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาอย่างเงียบๆ ด้วยรูปร่างที่โค้งเว้าและบรรยากาศที่มีชีวิตชีวามาพร้อมกับความอ่อนเยาว์ แม้ว่ากระเป๋าที่แขวนอยู่บนไหล่ของเธอ จะไม่ใช่แบรนด์ที่มีชื่อเสียง แต่มันก็เข้ากันได้ดีมากกับเธอ โดยรวมแล้วเขารู้สึกว่าเธอนั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียว

ซุนยู้ เองก็แอบสังเกตเขาเช่นกัน สำหรับเสี่ยวหลัว แล้วเขามีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดหล่อและมีเสน่ห์ ดวงตาของเขามีค่าควรแก่การกล่าวถึงเป็นพิเศษเนื่องจากพวกมันดูลึกลับและมืดมิดราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน หลังจากดูไปนานๆมันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะหลงเสห์ของเขา ในเวลาเดียวกัน เธอก็รู้สึกว่า เสี่ยวหลัว นั้นเป็นคนที่ลึกลับ โดยเฉพาะเมื่อเขาสามารถชนะและได้เงิน 2 ล้าน ด้วยเงินเพียง 100,000 หยวน ซึ่งเรื่องนี้มันลึกซึ้งเกินกว่าจะเข้าใจได้

“พี่เสี่ยวหลัว ที่คาสิโนคุณรู้ได้อย่างไรว่าลูกเต๋าจะออกมาเลขอะไร” เธอ ถามอย่างสงสัย

เสี่ยวหลัว ตอบ“ฉันโชคดีหนะ”

“ถ้าฉันติดตามกับพี่เสี่ยวหลัวไปนานๆ โชคของฉันมันจะเพิ่มขึ้นไหม” ซุนยู้ หัวเราะขณะที่ดวงตาของเธอเปล่งประกาย

“ก็คงจะเป็นอย่างงั้น” เสี่ยวหลัว ตอบ

ทั้งคู่มองหน้ากันและหัวเราะ

ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขามาถึงเขตที่อยู่อาศัยของพวกคนงาน

อพาร์ทเมนท์ส่วนใหญ่นั้น ถูกสร้างขึ้นโดยนักพัฒนาเอกชน และการจัดวางโดยรวมของอาคารนั้นก็ไม่ค่อยจะดีนัก โครงสร้างมันถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนาด้วยสายโทรศัพท์และสายอินเทอร์เน็ตอันหลากหลายรูปแบบ มันผสมปนเปกันไปจนมั่วไปหมด มันไม่ได้เป็นสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่นัก

“ที่นี่แหละ”

ซุนยู้ หันไปเผชิญหน้ากับเสี่ยวหลัว ด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นหัวใจ

“อืม คุณขึ้นไปสิ มันดึกแล้ว ฉันก็ควรที่จะกลับไปได้แล้วเหมือนกัน” เสี่ยวหลัว กล่าว

ซุนยู้ ยื่นมือออกมา“พี่เสี่ยวหลัว ขอโทรศัพท์ของพี่หน่อยสิ”

เสี่ยวหลัว มีความรู้สึกที่ดีกับเธอ ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาและวางไว้บนมือของเธอ

ซุนยู้ ใช้โทรศัพท์ของเสี่ยวหลัว โทรหาเธอ จากนั้นเธอก็วางหู แล้วส่งโทรศัพท์กลับไปที่เสี่ยวหลัว จากนั้นเธอจึงบันทึกรายชื่อติดต่อของเสี่ยวหลัวเอาไว้ในโทรศัพท์ของเธอ เธอยิ้มอย่างนุ่มนวลพร้อมกับพูดว่า“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรามีวิธีติดต่อกันแล้วนะ”

“ไว้เจอกัน ลาก่อน” เสี่ยวหลัวพูดพร้อมกับยิ้มเบาๆ

ซุนยู้พยักหน้าแล้วบอกเขาว่า“ระวังตัวด้วยหละ ขับรถไม่ต้องเร็วมากนะคะ”

เสี่ยวหลัวตอบรับด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินจากไป

ซุนยู้ ยืนรอจนร่างของเสี่ยวหลัวหายลับไป ตอนนี้ในใจของเธอเต็มไปด้วยความสุข ราวกับว่าเธอเพิ่งจะกลับมาจากเดทกับแฟนของเธออย่างไรอย่างนั้น ในขณะที่เดินกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ เธอก็หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปลี่ยนชื่อของเสี่ยวหลัวไปเป็น ‘เจ้าหนี้รายใหญ่’

……

หลังจากที่ เสี่ยวหลัว ออกมาจากละแวกชุมชนของ ซุนยู้ เขาก็โทรหา จาง ซูซาน และขอให้เขาขับรถมารับเขา

ในเวลานั้น มันก็มีชายเจ็ดแปดคนที่มีใบหน้าที่โหดเหี้ยม เข้ามาล้อมเสี่ยวหลัว เสี่ยวหลัว เขารู้ว่าคนเหล่านี้เป็นใคร พวกเขาคือคนที่ทุบตีลุงของซุนยู้ ที่คาสิโน

“พวกคุณต้องการอะไร?” เสี่ยวหลัว ถาม

“ไอเด็กน้อย แกที่ชนะเงินเดิมพัน สอง ล้าน ในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แกคิดว่าแกจะจากไปได้ง่ายๆงั้นเหรอ”

“ผู้จัดการของเราไม่มีความสุขมาก เขาอยากให้เราสั่งสอนบทเรียนแกสักเล็กน้อย นี่คือค่าดำเนินธุรกิจที่แกต้องจ่าย!” ชายที่มีแผลเป็นพูด

ดวงตาของเสี่ยวหลัว หดแคบลง พร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย“ตอนนี้ฉันอารมณ์ดีแ ละฉันก็ไม่ต้องการที่จะต่อสู้ ถ้าพวกแกไปตอนนี้ ฉันจะไม่ทำให้พวกแกอับอาย”

“พี่เบา ดูเหมือนว่าสมองของชายคนนี้จะเน่าไปหมดแล้ว เขาพูดว่าจะทำให้พวกเราอับอายเนี้ยนะ” ชายคนหนึ่งพูดพร้อมกับหัวเราะ

“ฮ่าๆๆๆ …”

คนอื่นๆก็พากันหัวเราะ

ชายที่มีแผลเป็นหัวเราะไปสักพัก จากนั้นเขาก็โยนบุหรี่ทิ้งไปและพูดว่า “จัดการ!”

ชายเจ็ดแปดคน ยกมือที่จับท่อเหล็กขึ้นมา และวิ่งเข้าไปหาเสี่ยวหลัว

“เชี้…ยเอ้ย! แบบนี้ไงฉันถึงไม่ชอบพวกคนเมือง!”

ด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง มันทำให้พวกเขาหยุด กึกในทันที

เสี่ยวหลัว หันมองไปที่แหล่งที่มาของเสียง เขาเห็นชายห้าคนที่ดูโหดเหี้ยมเดินเข้ามา พวกเขาทั้งหมดสูงกว่า 180 ซม.ดูเหมือนว่าคนที่เดินนำเข้ามาจะเป็นหัวหน้าของคนทั้งสี่ที่เดินตาม เพราะว่าเขาสวมโซ่สีทองขนาดใหญ่ ที่สามารถมองเห็นได้จากภายใต้ปกเสื้อที่เปิดกว้างของเขา

ชายที่มีแผลเป็น เมื่อเห็นท่าทางที่น่าเกรงขามของคนทั้งห้า ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะถามอย่างระมัดระวัง“พี่ชายอยู่กลุ่มอะไร นี่คือธุระของ แก๊งมังกร ดังนั้นอย่ามามองหาปัญหาเลยจะดีกว่า!”

แก๊งมังกร?

เสี่ยวหลัว ขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกราวกับว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนมาก่อน เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ความทรงจำเก่าๆก็ผุดขึ้นมา หากเขาจำไม่ผิดแก๊งที่ลักเด็กมาขอทาน ก็พูดว่าตนเองก็เป็นสมาชิกของแก๊งมังกรด้วยเหมือนกัน

“เปี้ยะ!”

ชายที่สวมโซ่ทองคำ ยกมือขึ้นและส่งลูกตบไปที่ใบหน้าของชายที่มีแผลเป็นในทันที

มันเป็นเพียงลูกตบที่มั่นคงแต่มันก็ได้ยินเสียงตบที่ชัดเจน ชายที่มีแผลเป็นตกตะลึงงัน สิ่งนี้มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า และเขาก็ไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยเเม้แต้น้อย ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า ชายที่สวมโซ่ทองคำ จะใช้ความรุนแรงในทันทีเช่นนี้

เสี่ยวหลัว ยกคิ้วขึ้น พร้อมกับเผยรอยยิ้มเล็กน้อยและคิดกับตัวเองว่า: ซักจะน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ!

จากนั้นชายที่สวมโซ่ทองคำ ก็ตวาดออกมาเสียงดัง “ฉันไม่สนใจว่า แกจะมาจากแก๊งไหน แก๊งมังกร, แก๊งม้า, ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน และถ้าแกหมายถึง ‘อย่ามองหาปัญหา’ ถึงแม้ว่าพวกเราอาจจะมาจากชนบท แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่า แกจะสามารถทำให้เรากลัวได้ด้วยการพูดพล่าม ของแก!”

ชายที่มีแผลเป็นส่ายหัวอย่างแรงเพื่อไล่ความมึนงงของเขาออกไป ใบหน้าของเขาราวกับถูกไฟไหม้ มันเจ็บปวดอเป็นย่างมาก จนดวงตาของเขาเกือบที่จะพ่นไฟออกมาได้อยู่แล้ว “แกกล้าตีฉัน! ได้ยังไง?”

“หึ! ฉันตีแกแล้วมันจะทำไม ฉันตีแกก็เพราะว่าฉันยอมรับแก ฉันตีแกก็เพราะว่าแกสมควรที่จะถูกตี ฉันตีแกก็เพราะแกแอบส่องแม่ม่ายหวัง จากหมู่บ้านของฉันขณะที่เธอกำลัง…อาบน้ำ!……” ชายที่สวมห่วงโซ่ทอง อธิบายอย่างตรงไปตรงมา แต่เสียงของเขาก็เบาลง เมื่อเขาตระหนักว่ามันมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับคำพูดของเขา เขาเกาหัวแล้วถ่มน้ำลายด้วยความโกรธ“เชี้…ยเอ้ย! ทำไมฉันถึงเริ่มพูดถึงแม่ม่ายหวัง ได้ว่ะเนี้ย?”

“พี่เฟิง พี่ต่างหากที่เป็นคนที่ไปแอบส่องแม่ม่ายหวังอาบน้ำ”

“ใช่แล้ว พี่เฟิง พี่จะพูดถึงเรื่องที่น่าอายของพี่ออกมาทำไม?”

“โชคดีที่ผู้คนที่นี่ไม่รู้จักเรา ไม่เช่นนั้นเราจะต้องอับอายมากแน่ๆ”

สหายทั้งสี่หัวเราะกันเสียงดัง

ชายที่สวมโซ่ทองคำ หน้าแดงและไอแห้งออกมา เขาตวาดเสียงดังว่า“มันมีอะไรน่าอายกัน ฉันส่องแม่ม่ายหวัง อาบน้ำแล้วมันจะทำไม? เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันก็อาบน้ำด้วยกันกับหงหง และฉันก็จับน้องสาวของเธอด้วย”

“พี่ชาย พวกเรารู้สึกชื่นชมพี่มาก!”

“ถึงว่า เมื่อตอนที่พวกเราออกมาจากหมู่บ้าน เธอถึงได้มองมาที่พี่ด้วยตาที่แตกต่างไปจากสายตาที่มองมายังพวกเรา มันกลับกลายเป็นว่า เมื่อตอนที่พี่ยังเป็นเด็ก พี่ก็มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับเธอไปแล้วนี่เอง”

“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับพี่จริงๆ พี่เฟิง พี่ยอดเยี่ยมมาก ฮ่าๆๆๆ!”

ชายทั้งสี่มองไปที่ชายที่สวมโซ่ทองคำ พวกเขายกนิ้วให้เขา และรู้สึกชื่นชมเขามาก