นางกำนัลกลุ่มนั้นประกอบด้วยคน 4 คน แต่ละคนถือตะกร้าไว้ในมือ พวกนางเดินเร็วและเดินไปตามถนนสายหลัก พวกนางก้มศีรษะลงก็เห็นได้ชัดว่าพวกนางไม่ต้องการเป็นที่สังเกต

น่าเสียดายที่เฟิงหยูเฮงยังคงเห็นพวกเขาอยู่

นางกำนัลสังเกตเห็นเฟิงหยูเฮงมองไป จากนั้นนางจึงเริ่มที่จะอธิบายว่า “นั่นคือนางกำนัลที่ดูแลพระสนมอัน คิดว่าจะต้องเป็นองค์ชายเซียงที่ส่งของไปให้พระสนมอันเพคะ”

“หืม?” เฟิงหยูเฮงสับสน “ถ้าข้าจำไม่ผิด พระสนมอันเป็นมารดาที่ให้กำเนิดองค์ชายห้า ทำไมองค์ชายเซียงถึงส่งสิ่งของให้นาง ? ”

บ่าวรับใช้ในพระราชวังกล่าวว่า “องค์หญิงแห่งมณฑลไม่อาจรู้ได้ ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับองค์ชายห้า ฮ่องเต้ไม่ไปหาพระสนมอันอีกเลย ด้วยเหตุนี้พระสนมอันจึงเสียสติคล้ายคนบ้าเพคะ นางเริ่มเกลียดองค์ชายห้า โดยปกติแล้วองค์ชายห้าจะส่งสิ่งของเข้าไปในตำหนัก แต่ตราบใดที่นางได้ยินว่าสิ่งของมาจากองค์ชายห้า นางก็จะทำลายทันที หลังจากนั้นองค์ชายสามก็เป็นคนดูแลพระสนมอันมาตลอดหลายปี องค์ชายจะส่งสิ่งของ เช่น อาหารและเสื้อผ้าไปให้นางเป็นครั้งคราว”

“โอ้” เฟิงหยูเฮงพยักหน้า นางรู้เรื่องพระสนมอันว่าเป็นคนบ้าไปแล้ว อย่างไรก็ตามนางไม่คิดว่าองค์ชายสามจะทำสิ่งนี้ ซวนเทียนเย่เป็นคนที่ไม่เคยทำดีกับใครโดยไม่หวังผลตอบแทน หากไม่มีผลประโยชน์ เขาจะไม่ทำอะไร เหตุใดเขาจึงดูแลพระสนมอัน

นางหันกลับมามองในทิศทางที่กลุ่มนางกำนัลกำลังเดินไป หากนางจำไม่ผิด ในกลุ่มนางกำนัลที่เดินไปนั้น มีคนหนึ่งเป็นคนที่สอนให้เฟิงเฟินไดร่ายรำกลางหิมะอยู่ในหมู่พวกนาง

“นางกำนัลของพระสนมอันนั้นงดงามแทบทุกคนเลย” นางแกล้งทำเป็นพูดแบบนี้โดยไม่ตั้งใจ เมื่อนางมองอีกครั้ง กลุ่มนางกำนัลก็เดินจากไป

นางกำนัลบอกกับนางว่า “นั่นเป็นเพราะพระสนมอัน ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ จึงได้พระราชทานสตรีที่งดงามจำนวนหนึ่งให้คอยรับใช้นางในตำหนัก ไม่เพียงแค่นี้นางยังให้พวกเขาเรียนรู้การร่ายรำกลางหิมะ น่าเสียดายตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ฮ่องเต้ไม่เคยเสด็จมาตำหนักนี้อีกเลย”

“ฮ่องเต้ไม่ส่งหมอหลวงไปรักษาอาการวิกลจริตของพระสนมอันหรือ ? ” นางถามนางกำนัลในพระราชวัง “ผ่านมากี่ปีแล้ว พวกเขายังรักษาไม่ได้อีกหรือ ? ”

นางกำนัลกล่าวว่า “หมอหลวงย่อมรักษาอยู่แล้ว แต่ฮ่องเต้ไม่สนพระทัยเรื่องนี้ ดังนั้นหมอหลวงจะตั้งใจรักษาได้อย่างไรเพคะ พวกเขาแค่รักษาไปวัน ๆ ”

“เป็นเช่นนั้นหรือ” เฟิงหยูเฮงไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งพวกเขามาถึงประตูพระราชวัง ก่อนจากไป นางกล่าวว่า “เช่นนั้นเมื่อข้ามาที่พระราชวัง ข้าจะไปเยี่ยมพระสนม ! ”

นางกำนัลยิ้มและกล่าวว่า “องค์หญิงแห่งมณฑลใจดีมากเพคะ”

ไม่ว่านางจะเป็นพระโพธิสัตว์หรือไม่ก็ตามเฟิงหยูเฮงไม่รู้ นางแค่รู้สึกอยากจะไปตรวจสอบบางสิ่งที่นางสงสัยตลอดเวลา ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังจะคลี่คลาย ความจริงกำลังจะเปิดเผยความจริง

รถม้าของซวนเทียนหมิงกำลังรออยู่หน้าประตูพระราชวัง และเฟิงหยูเฮงกำลังเดินตรงไปที่รถม้า ก่อนที่นางจะปีนเข้าไปนางได้ยินเสียงจากด้านหลัง “องค์หญิงแห่งมณฑล รอก่อนเพคะ ! ”

นางตกใจและหันหลังกลับ ที่นั่นนางเห็นกลุ่มบ่าวรับใช้ในพระราชวังยกกล่องใหญ่ออกจากพระราชวังจำนวนหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นมีนางกำนัลอาวุโสชุนหลาน เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงหยุดแล้ว นางก็วิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว และพูดพร้อมกับยิ้มว่า “คารวะองค์หญิงแห่งมณฑลเพคะ ! บ่าวรับใช้ผู้นี้ได้รับคำสั่งจากฮองเฮาให้ส่งสินเดิมไปยังคฤหาสน์เฟิงเพคะ”

เฟิงหยูเฮงเท่านั้นที่จำได้ว่ามีการพูดคุยเกี่ยวกับสินเดิมที่ถูกนำเข้ามากับพี่น้องเฉิงที่แต่งงานกับคฤหาสน์เฟิง

นางพยักหน้า “ไม่เป็นไร ฝากข้าได้”

สินเดิมของพี่น้องเฉิงนั้นไม่มากหรือน้อยเกินไป กล่องไม้สีแดงทั้งหมด 16 กล่อง ทุกกล่องเต็มไปหมด ตามหลังรถม้าของเฟิงหยูเฮง มันดูงดงามมาก

เนื่องจากมีคนไปที่คฤหาสน์เฟิงรายงานก่อนแล้ว เมื่อพวกเขามาถึง เฟิงจินหยวน ฮูหยินผู้เฒ่า และทุกคนต้องรออยู่ที่หน้าบ้าน

ตอนนี้ตระกูลเฟิงมีฮูหยินใหญ่และมีอนุใหม่เพิ่มอีก 2 คน และอนุเก่าอีก 3 คน แม้ว่าฮูหยินใหญ่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นฮูหยินที่เป็นทางการและถูกกฎหมาย แต่สินเดิมของนางยังคงอยู่ที่เฉียนโจว มันยังไม่ถูกส่งมา อันชิ, ฮันชิ และจินเฉินดูสง่างามน้อยกว่า แม้แต่เฉินซื่อก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากอนุเป็นฮูหยินใหญ่ ดังนั้นพวกนางจึงไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหว

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลเฟิงเพียงแต่สนุกกับฉากของลูกสะใภ้ที่เอาสินเดิมของนางเข้ามาในคฤหาสน์เฟิง นอกจากเวลาที่เฟิงจินหยวนแต่งงานกับเหยาซื่อ ตอนนี้สินเดิมของพี่น้องเฉิงถูกส่งจากพระราชวังไปยังคฤหาสน์เฟิง ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

นางกำนัลอาวุโสชุนหลานนำกล่องสีแดง 16 กล่องเข้ามาในคฤหาสน์เฟิงแล้ว นางจึงพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า “ฮองเฮาตรัสว่าพี่ชายของพระองค์เสียชีวิตไปแล้ว แต่เนิ่น ๆ เมื่อได้ยินว่าฮูหยินใหญ่คนใหม่ของตระกูลเฟิงขาดความรู้ในการสั่งสอนบุตรมากเกินไป พระนางลังเลที่จะส่งหลานสาวของตัวเองมา พระนางหวังว่าเสนาบดีเฟิงจะดูแลพวกนางเป็นอย่างดี”

เฟิงจินหยวนตอบอย่างรวดเร็วว่า “ฝากนางกำนัลอาวุโสบอกฮองเฮาด้วยว่าเจ้าหน้าที่ผู้นี้จะดูแลพี่น้องตระกูลเฉิงเป็นอย่างดีขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่าแสดงตัวเองว่า “ตระกูลเฟิงจะไม่ทารุณพวกนางอย่างแน่นอน”

นางกำนัลอาวุโสชุนหลานพยักหน้าให้พวกเขา ก่อนที่จะแสดงให้เห็นว่านางสามารถวางใจได้ และรายงานไปยังฮองเฮา

หลังจากที่นางจากไป จุนม่านเดินไปข้างหน้า และพูดกับบ่าวรับใช้ส่วนตัวของนางว่า “เอาอาหารบำรุงและยาจากสินเดิมไปส่งให้ที่เรือนของอนุฮัน” จากนั้นนางหันไปพูดกับเฟิงจินหยวน “ท่านพี่ พี่ฮันกำลังตั้งครรภ์ อาหารบำรุงทุกอย่างจะถูกส่งไปให้นาง แน่นอนว่าถึงแม้ว่าอาหารบำรุงจะดี แต่เมื่อพูดถึงสิ่งที่นางกิน มันเป็นเรื่องปกติที่ควรปล่อยให้หมอตัดสินใจ”

เฟิงจินหยวนพยักหน้าซ้ำๆ “พวกเจ้ามีจิตใจที่ดี นี่คือความโชคดีของตระกูลเฟิง”

จุนเหมยก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวหยุดอยู่ตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่า นางโค้งคำนับ “อาหารบำรุงนั้นมอบให้พี่ฮัน สำหรับเรื่องอื่นๆ … อนุได้ยินท่านแม่บอกว่าท่านพี่ใช้เงินเป็นจำนวนมากในงานแต่งงาน และตกแต่งเรือนให้กับพี่คังอี้ เนื่องจากพี่สาวของเราเข้ามาในคฤหาสน์เฟิงสถานที่แห่งนี้ก็เป็นเรือนของเราเช่นกัน หากทุกคนในตระกูลทุกข์ยากลำบาก เราต้องช่วยเหลือเป็นธรรมดา นั่นเป็นเหตุผลที่สิ่งอื่น ๆ ในกล่องเหล่านี้จะมอบให้กับท่านแม่ดูแลเพื่อช่วยตระกูลเจ้าค่ะ ! ”

คำพูดของจุนเหมยทำให้ใบหน้าของคังอี้ห่อเหี่ยว นางเสียหน้าไปอย่างมากกับซวนเทียนหมิง และเฟิงหยูเฮงในช่วงสองวันที่ผ่านมา ใครจะรู้ว่านางจะได้รับความละอายจากอนุอีก 2 คน นางรู้สึกอย่างแท้จริงว่านางไม่มีใบหน้าเหลืออีกเลย

เฟิงหยูเฮงที่กลับมาพร้อมกับสินเดิมกล่าวเพิ่มเติมว่า “เมื่อผู้หญิงแต่งงานกับครอบครัวสามีของนางโดยไม่มีสินเดิมติดตัวมาก็เป็นเรื่องน่าละอายอย่างแท้จริง ฮองเฮาเห็นใจอนุทั้งสอง และเติมเงินทุนของตระกูลเฟิงเพื่อบรรเทาปัญหาเร่งด่วนให้พวกเรา”

คังอี้ทนต่อความโกรธที่นางรู้สึก โดยนางกล่าวว่า “สินเดิมที่ถูกเพิ่มเข้าไปในกองทุนตระกูลเป็นผลมาจากน้องสาวที่ใจดี แต่เมื่อน้องสาวทั้งสองเข้าสู่คฤหาสน์มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะดูในกล่องว่ามีสิ่งใดที่สามารถใช้ได้ เราจะได้ประหยัดในการซื้อสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น”

นางกำลังมองหาสิ่งที่สุภาพที่จะพูด แต่ใครจะรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าที่เศร้าหมองและอิดโรยจ้องมองที่คังอี้

จุนม่านกล่าวว่า “ขอบคุณมากสำหรับความคิดของท่านพี่ เราเป็นเพียงอนุและไม่ต้องการอะไรมาก แค่คฤหาสน์มีอาหารและเสื้อผ้าให้อย่างเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเพิ่มเติมให้เรา สิ่งที่เราตัดสินใจที่จะมอบให้กับคฤหาสน์ก็จะมอบให้แก่คฤหาสน์”

“ถ้าเป็นเช่นนี้มันเป็นข้าที่พูดมากเกินไป” คังยี่เสียหน้ามากกว่าเดิมและตัดสินใจที่จะปิดปากนาง

ฮูหยินผู้เฒ่ามองเฟิงจินหยวนจากนั้นกล่าวว่า “เมื่อมีคนใหม่เข้ามาในคฤหาสน์ เจ้าควรไปกับพวกนาง เจ้าควรจะอยู่ที่เรือนจินฟูในคืนนี้” นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปากเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเฟิงจินหยวน ขณะที่นางพูดโดยตรง ใจของคังอี้รู้สึกหดหู่อย่างมากเพราะนางรู้สึกว่านางแทบจะหายใจไม่ออก

นางเป็นฮูหยินใหญ่และนางอยู่ที่คฤหาสน์เป็นเวลาสามวันสองคืน แต่นางไม่เคยแม้แต่จะค้างคืนกับสามีของนาง ในที่สุดฮันชิไม่ต้องการให้เขาอยู่ข้าง ๆ นาง แต่มีอนุ 2 คนมา นางจ้องมองที่เฟิงจินหยวน ดวงตาของนางมีร่องรอยแห่งความเศร้าโศก

จินหยวนยังใฝ่หาคังอี้เช่นกัน แต่เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้อีกเล็กน้อย พี่น้องเฉิงถูกส่งมาโดยฮองเฮา ! เขาไม่สนใจพวกนางเมื่อคืน และสินเดิมก็มาถึงคฤหาสน์ของพวกเขาแล้ว หากเขายังคงเพิกเฉยมันจะไม่เหมาะสม ดังนั้นเขาทำได้เพียงทำให้คังยี่ผิดหวัง เขาหลบสายตาของนาง เขากล่าวกับมารดา “ขอรับ”

คืนนั้นเฟิงจินหยวนอยู่ที่เรือนจินฟูทำให้การแต่งงานของเขากับจุนม่านสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าบุตรสาวของเขาเฟิงเฉินหยูอยู่ในห้องของนางด้วยสีหน้าไม่พอใจ

เซียงเอ๋ออยู่ข้างนาง และถามอย่างระมัดระวัง “คุณหนูเป็นห่วงองค์หญิงใหญ่หรือเจ้าคะ ? ไม่ต้องกังวล อนุก็คืออนุ องค์หญิงใหญ่เป็นฮูหยินอย่างเป็นทางการและถูกกฎหมายของท่านใต้เท้า ตำแหน่งของนางนั้นปลอดภัย ยิ่งกว่านั้นพี่น้องเฉิงเป็นบุตรสาวของอนุ แม้ว่าพวกนางจะเติบโตในพระราชวังตั้งแต่อายุยังน้อย มันคืออะไร ? ด้วยสถานะของพวกเขาในฐานะบุตรสาวของอนุ จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างดีที่พวกนางสามารถเป็นอนุของเสนาบดีได้เจ้าค่ะ”

ใครจะรู้ว่าการปลอบใจนี้เลวร้ายยิ่งกว่าไม่มีใครพูด ความเศร้าโศกและความโกรธของเฉินหยูเด่นชัดยิ่งขึ้น ทำให้เซียงเอ๋อไม่รู้ว่านางทำผิดพลาดที่ไหน

“ใช่ ! ในท้ายที่สุดพวกนางเป็นแค่บุตรสาวของอนุ ! ” ในที่สุดเฉินหยูก็พูด อย่างไรก็ตามนางกล่าวว่า “นี่คือชะตากรรมของบุตรสาวอนุ พวกนางไม่สามารถตัดสินใจได้เอง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นหลานสาวของฮองเฮา นางก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าหมากในมือของพระองค์ พวกนางถูกส่งไปได้ทุกที่ที่ต้องการ ในสมัยราชวงศ์ที่ผ่านมาแม้ว่าจะเป็นถึงองค์หญิง ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้เกิดในพระราชวังใหญ่ พวกนางก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมของการเป็นส่วนหนึ่งของการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ได้ นี่คือบุตรสาวของอนุ ! และข้า… ข้าก็เป็นบุตรสาวของอนุเช่นกัน”

“คุณหนู…”

“ไม่เป็นไร” เฉินหยูซ่อนความโกรธและความเศร้าโศกที่ปรากฏบนใบหน้าของนาง อย่างไรก็ตามความเย็นชาปรากฏขึ้นแทนที่ “ชะตากรรมของคน ๆ หนึ่งต้องเปลี่ยนไปโดยใช้พลังของตัวเอง ข้าจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกมัดด้วยสถานะของบุตรสาวของอนุ รอดูเถิด! ตำแหน่งบุตรสาวตระกูลเฟิงของฮูหยินใหญ่จะกลับมาเป็นของข้าไม่ช้าก็เร็ว”

เฉินหยูกัดฟันและคิดแผนของตัวเอง ในขณะเดียวกันที่เรือนตงเซิง เฟิงหยูเฮงอยู่ในมิติร้านขายยาของนางเพื่อทำการทดลอง

นางนำหิมะจากลานบ้านมาไว้ในที่ของนางแล้ววางมันลงในชามแก้ว

ในระหว่างวันนางได้ขอดอกบัวหิมะเทียนซาน 10 ดอก นางคิดว่านางสามารถเลี้ยงดูพวกมันได้ในมิติของนาง ไม่เพียงแต่พื้นที่จะเติมเสบียงโดยอัตโนมัติ แต่ยังดูแลสิ่งต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอายุการเก็บของทุกอย่างที่อยู่ภายใน ราวกับว่าเวลาหยุดอยู่ในมิติของนาง

นางมีความคิดที่กล้าหาญ หากหิมะที่นางนำเข้ามานั้นยังคงอยู่ในสภาพเดียวกัน นางก็สามารถเลี้ยงดอกบัวหิมะขึ้นในมิติของนางได้ แม้ว่านางจะมีอะไรที่เหมือนกับดอกบัวหิมะอยู่ในมิติของนาง แต่มันก็แห้งแล้ว พวกมันไม่สามารถเทียบได้กับดอกบัวหิมะที่เพิ่งเก็บมาใหม่

ยิ่งเฟิงหยูเฮงคิดมากขึ้นนางก็ยิ่งดีใจ หากนางไม่รู้ว่าหิมะพันปีของเฉียนโจวสามารถรักษาพวกมันไว้ได้จริง ๆ แล้วนางคงจะนึกถึงการไปที่เฉียนโจวเพื่อรับหิมะ

วางชามหิมะอย่างระมัดระวังบนเคาน์เตอร์ นางตัดสินใจรอ 3 วัน ถ้ามันไม่ละลายหลังจาก 3 วันก็หมายความว่ามันเป็นไปได้

เมื่อเฟิงหยูเฮงออกมาจากมิติ นางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นางเริ่มคิดว่าความสามารถของมิติไม่ได้จำกัดแค่นี้ หากมีใครบางคนที่กำลังจะตายก็ถูกย้ายไปยังมิติ มันจะเป็นเหมือนอาหารของนางที่ไม่ได้บูดเน่า และการบาดเจ็บจะไม่เลวร้ายลงเลยเหรอ ?

นางตื่นเต้นเล็กน้อยจากการคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ นางยังคิดว่าควรจะทดลองดูหรือไม่ ทันใดนั้นเสียงของบานซูมาจากที่ไหนสักแห่ง “อยู่ในห้อง อย่าออกมานะขอรับ ! มีนักฆ่า ! ”