แดนนิรมิตเทพ บทที่ 431
เพื่อประโยชน์ของประชาชน ก็เป็นวิถีทางที่ถูกต้อง!

คำพูดของท่านถัง เสียงดังกังวานทรงพลัง กล่าวออกเสียงกึกก้อง ดูเหมือนมีความรู้สึกชอบธรรมพุ่งเข้ามาหา ให้เจ้าพวกต่ำต้อยใจคดเหล่านั้น อดที่จะรู้สึกอับอายขายหน้าและเลี่ยงถอยไม่ได้

ประโยคนี้ กล่าวความปรารถนาของประชาชนชั้นล่างมากมายออกมา

ทุกคนในห้อง ล้วนแอบครุ่นคิดถึงความหมายที่ไม่ธรรมดาของประโยคนี้ พูดขึ้นมาได้ง่าย แต่คนที่ทำได้ตามประโยคตัวนี้จริง จนถึงตอนนี้ก็มีท่านถังเพียงคนเดียวเท่านั้น!

“เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก็เป็นวิถีทางที่ถูกต้อง!”

หลี่ซู่เฟินท่องอยู่เงียบๆ แล้วโค้งคำนับต่อท่านถังด้วยหน้าตาที่เคร่งขรึม “ท่านถังเป็นผู้ที่มีคุณธรรมความสามารถจริงๆ เป็นคนที่ต้องการสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนทุกคนอย่างจริงใจ โปรดยอมรับการคารวะจากฉันด้วย!”

เวินฉิงก็เคร่งขรึมไปทั้งหน้าตามหลี่ซู่เฟิน และโค้งคำนับต่อท่านถัง

ฟางหนานก็ยิ่งตื่นเต้นมากจนทั้งร่างกายสั่นเทา มองไปที่ดวงตาของท่านถัง เหมือนกับสาวกศรัทธาคนหนึ่งที่ได้เห็นพระเจ้าที่แท้จริงที่เขานับถือ!

ดวงตาของเฉินโม่ก็จับจ้องไปที่ชายชราที่ยืนตรงอยู่ ด้วยสายตาเคารพอย่างสูง

คนที่ใส่ใจโลกอย่างแท้จริง ก็คือทวยเทพที่แท้จริง และก็ควรให้เกียรติด้วย!

ท่านถัง คู่ควรได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจังจากเฉินโม่แล้ว

แม้แต่ดวงตาของว่านฉางหรูก็หลบเลี่ยง ใบหน้ารู้สึกละอายเล็กน้อย ต่อหน้าผู้ที่มีคุณธรรมความสามารถที่ห่วงใยโลกอย่างแท้จริง แม้แต่อาชญากรที่ชั่วร้ายที่สุด ก็อดที่จะรู้สึกสำนึกผิดไม่ได้

เมื่อเทียบกับความคิดของท่านถัง ซุนเฟยเยว่นั้นดูเหมือนว่าจะมีข้อแก้ตัวที่มีเหตุมีผล ทันใดนั้นก็แสดงออกมาว่าเห็นแก่ตัวและใจแคบเพียงใด

และคำพูดนี่ของท่านถังมีความคล้ายคลึงกับผู้ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งพูดถึงผู้ที่กล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ผู้กล้าที่มีปรัชญาที่จะรับใช้ประเทศและประชาชนคนนั้น

สีหน้าของซุนเฟยเยว่ ครู่เขียวครู่แดง สายตาหลบเลี่ยงไม่เผชิญกับท่านถัง แต่เขาไม่ได้ประนีประนอม

“ความทะเยอทะยานของท่านถังนั้นช่างทำให้คนชื่นชม แต่ผมเป็นเพียงแค่คนตัวเล็กๆคนหนึ่ง เบื้องบนของผมยังมีหัวหน้ามากมายที่มองผมอยู่ ผมไม่มีฐานะที่โดดเด่นราวท่านถัง และทำตามใจที่เป็นห่วงประชาชนและประเทศชาติเหมือนท่านถังไม่ได้ ดังนั้นผมจึงทำได้เพียงกระทำเรื่องราวตามกฎเกณฑ์เท่านั้น”

“ต้องการให้หอเซียงหม่านเปิดกิจการใหม่ ต้องรอให้ผลการทดสอบผ่านเกณฑ์ ไม่งั้นพูดสิ่งใดก็ไม่มีประโยชน์!”

ใบหน้าของซุนเฟยเยว่เด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผาย มีความน่าเกรงขามของการมุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับคนนับพันนับหมื่น

หลี่ซู่เฟินถอนหายใจอยู่ในใจ “เดิมทีคิดว่าเรื่องราวจะหมุนเปลี่ยนไป แต่ฉันก็ยังประเมินความมุ่งมั่นของซุนเฟยเยว่ต่ำเกินไป ดูเหมือนว่าตระกูลว่านให้ผลประโยชน์แก่ซุนเฟยเยว่มากเพียงพอ ที่จะทำให้เขาแน่วแน่แบบนี้ แม้แต่ท่านถังก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา!”

หนานกงหลงหัวเราะเยาะทั่วใบหน้า และแอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ “พูดมากแบบนี้จะไปมีประโยชน์อะไร สุดท้ายก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เป็นเด็กดีรอปิดกิจการเถอะ!”

ซุนเฟยเยว่เหลือบมองหลี่ซู่เฟินด้วยสายตาที่ได้ใจราวกับว่าจะพูดว่า “ถึงแม้ว่าคุณหาผู้ช่วยมาแล้วอย่างไร? ที่นี่ก็เป็นผมที่ตัดสินใจ”

เมื่อเห็นว่าซุนเฟยเยว่มุ่งมั่นแน่แล้ว ท่านถังกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเงียบๆและพูดว่า “คุณรอสักครู่ ผมโทรศัพท์สายหนึ่ง”

ซุนเฟยเยว่ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวแล้วกล่าวว่า “คุณถังเชิญตามสบาย!”

หลี่ซู่เฟินกับเวินฉิงอดที่จะมองดูท่านถังอย่างสงสัยไม่ได้ และแอบครุ่นคิดในใจว่า “หรือว่าท่านถังยังมีไพ่ใบสุดท้าย? ก็ใช่ ฐานะของท่านถังสูงส่ง จึงไม่ถูกซุนเฟยเยว่ทำให้ลำบากไปได้ง่ายๆแบบนี้”

ทันใดนั้น ทุกคนในห้องก็หันสายตาไปหาท่านถังกันหมด

โทรศัพท์เชื่อมต่อได้แล้ว เสียงของท่านถังโมโหเล็กน้อย “ถังเจิ้น ความสามารถของแกยิ่งอยู่ก็ยิ่งมากขึ้นแล้วนะ เดิมทีเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนมาถึงที่พวกแกนี่ก็แปรเปลี่ยนเป็นวิถีทางไม่ขอบธรรมไปได้ คำพูดเหล่านั้นที่ฉันสอนแกปกติแกทำเป็นไม่ได้ยินสินะ!”

เมื่อได้ยินถังเจิ้นสองคำนี้ คนอื่นๆยังไม่มีอะไร แต่ซุนเฟยเยว่กลับตกใจทันควัน บนใบหน้าฉายแววความหวาดกลัวและแอบพูดในใจว่า “ไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง!”

โทรศัพท์ทางนั้นของท่านถังเสร็จสิ้นแล้ว ก็อธิบายสถานการณ์ทางนี้สั้นๆให้บุคคลในโทรศัพท์ฟังสักหน่อย จากนั้นจึงจบสายสนทนาไป