ตอนที่ 266 โทรศัพท์
“เธอเป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย?” เย่ฉูฉู่มองสีหน้าของหล่อนพลางเอ่ยถาม “บ่นมากขนาดนี้เลย?”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ ซักเสื้อผ้าตอนเช้า เหนื่อยจนปวดเอวปวดหลังไปหมด ลูกก็ยังอึใส่กางเกงผ้าฝ้ายอีก ฉันก็เลยต้องถอดไปซัก พอฉันคิดว่าชีวิตยังต้องเป็นแบบนี้ไปอีกหลายปี ฉันก็แอบรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว” เฮ่อซงจือพูดพลางเอนตัวลงบนเตียง “เห็นชีวิตเธอดีขนาดนี้ ฉันล่ะอิจฉาเธอจริง ๆ เลย!”
เย่ฉูฉู่กล่าว “เธอก็ลองสอนให้ลูกขับถ่ายให้เป็นที่ดูสิ เด็กเรียนรู้เร็วจะตาย แรก ๆ ก็อาจจะเหนื่อยหน่อย รอลูกคุ้นชินเมื่อไรก็ดีขึ้นเอง เธอก็หมดห่วงด้วย”
เฮ่อซงจือมองเสี่ยวไป๋หยางที่เล่นอยู่ข้าง ๆ พลางถอนหายใจ “ฉูฉู่ ฉันไม่รู้ว่าเธอทำได้ยังไง เด็กตัวแค่นี้ไม่ต้องซักผ้าอ้อมแล้ว”
“ฉันเองก็พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกัน สอนเป็นเดือนกว่าจะค่อย ๆ เรียนรู้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องซักผ้าอ้อมเลย เพราะบางครั้งเขาเองก็ลืมเหมือนกัน บางทีก็ฉี่อึใส่ผ้าอยู่ เรื่องนี้เธอต้องจับตามองสักหน่อย” เย่ฉูฉู่เห็นเสี่ยวไป๋หยางเอานิ้วมือแหย่เข้าปาก เธอก็รีบดึงมือออกมาและพูดว่า “ไม่เอามือเข้าปากนะครับ มันสกปรก”
เสี่ยวไป๋หยางยิ้มเผล่ขณะแกว่งแขนเล็ก ๆ และยังคงเอามือเข้าปาก เย่ฉูฉู่จึงพูดซ้ำอีกรอบ
เฮ่อซงจือเห็นก็ประหลาดใจ “ฉูฉู่ เธอมีความอดทนมากเลยนะ”
เย่ฉูฉู่ยิ้มอย่างขมขื่น “ความอดทนของฉันก็มาจากการเลี้ยงลูกนี่แหละ”
ตั้งท้องมาสิบเดือน ไม่ว่าอะไรก็ลำบากไปหมด จึงต้องมีความอดทน พอคลอดก็ทุกข์ทรมาน ก็ต้องอาศัยความอดทน เลี้ยงลูก กิน ดื่ม ขับถ่าย นอนหลับ ก็ต้องอยู่ดูแลยี่สิบสี่ชั่วโมง ก็ต้องอาศัยความอดทนเช่นกัน นี่ยังไม่จบแค่นี้ อีกหลาย ๆ ปีต่อไปก็ยังต้องอดทน อดทน และอดทนต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
มีเพียงประโยคเดียวที่ว่า ความอดทนของคนเป็นแม่เกิดจากการค่อย ๆ ขัดเกลาออกมาเช่นนี้
เฮ่อซงจือเงียบขรึมลง
เย่ฉูฉู่ยื่นมือออกไปผลักอีกฝ่ายแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จะจริงจังขนาดนั้นไปทำไมเนี่ย ต่อให้ไม่มีลูกเธอก็นอนอยู่บนเตียงทั้งวันไม่ได้อยู่ดี ยังไงเธอก็ยังต้องใช้ชีวิตเหมือนกันนั่นแหละ”
เฮ่อซงจือดูผ่อนคลายลงขณะพูด “เธอไม่พูดฉันก็ลืมไปแล้วว่าชีวิตมันไม่ง่าย เธอว่าพวกเราผ่านมาได้ยังไงกันนะ?”
“เธอควรพูดว่าแม่ของพวกเราผ่านมาได้ยังไงมากกว่า แม่ของฉันคลอดลูกสี่คน แม่สามีฉันมีลูกหกคน ไหนจะพวกพี่สะใภ้ของฉันเหล่านั้น ก็มีลูกน้อยสุดคือสองคน ควรใช้ชีวิตยังไงก็ใช้แบบนั้นแหละ อย่าคิดมากก็พอ ถ้าเธอยังคิดก็ไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตได้” เย่ฉูฉู่พูดอย่างสงบจิตสงบใจ
เฮ่อซงจือส่ายหน้า “ฉันไม่อยากมีลูกเพิ่มแล้วจริง ๆ! แต่ก็คงไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ฉันก็ต้องมีลูกชายสักคน ฉูฉู่เธอล่ะ ยังจะมีลูกเพิ่มไหม?”
“ยังไม่ได้คิดเรื่องพวกนั้นเลย รอให้ลูกคนนี้โตก่อนค่อยว่ากัน” เย่ฉูฉู่กล่าวขณะแก้นิสัยไม่ให้ลูกเอานิ้วมือแหย่เข้าปาก
“ฉันคลอดลูกชายให้ตระกูลจ้าวเพิ่มอีกคนฉันก็จะไม่คลอดแล้ว” เฮ่อซงจือกล่าว
เย่ฉูฉู่กลอกตามองใส่อีกฝ่าย “อะไรคือคลอดลูกให้ตระกูลจ้าว เธอคลอดให้ตัวเองต่างหากล่ะ คลอดให้พวกเธอเองสองคน อย่างน้อย ๆ ลูกก็เป็นลูกของพวกเธอนะ ไม่ได้เกี่ยวกับตระกูลจ้าวมากมายอะไร”
เย่ฉูฉู่ไม่ได้เห็นความสำคัญกับตระกูลมากขนาดนั้น จ้าวเหวินเทาก็ไม่ใช่คนหัวโบราณอะไร ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงคิดว่าคลอดลูกก็เพื่อตัวเอง ไม่ได้คลอดมาเพื่อตระกูลหรือเพื่อสืบสกุลอะไร
แต่เฮ่อซงจือเป็นคนยึดติดกับขนบธรรมเนียมมาก หล่อนคิดว่าจะคลอดลูกชายหรือลูกสาวก็เพื่อตระกูลของฝั่งสามี ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองเท่าไรนัก เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ฉูฉู่ ก็รู้สึกว่าเหมือนจะเป็นอย่างที่พูดจริง ๆ ลูกที่หล่อนคลอดออกมาจะไม่เกี่ยวกับตัวเองได้อย่างไรกัน แล้วเกี่ยวอะไรกับการไม่มีลูกล่ะ?
เรื่องนี้ทำให้หล่อนแอบสับสน เพียงแต่หล่อนไม่อยากจะคิดให้ลึกไปกว่านี้แล้ว จึงคุยกับเย่ฉูฉู่เรื่องอื่น เมื่อถึงเวลาแล้วจึงกลับไปให้นมลูก
ในที่สุดเย่ฉูฉู่ก็มีเวลาว่าง เธอกล่อมเสี่ยวป๋ายหยางไปพลาง โทรศัพท์หาคนที่เมืองหลวงไปพลาง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอใช้โทรศัพท์ จึงถือโทรศัพท์ด้วยความประหม่า ส่วนมืออีกข้างก็กดปุ่มตัวเลขตัวแล้วตัวเล่าอย่างระมัดระวัง หลังจากรอสาย เธอก็ได้ยินเสียง ‘ตื้ด ๆๆ’ จากหูฟังทางฝั่งนั้น ใจของเธอเต้นเร็วจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
“สวัสดีครับ ใครครับ?”
หูฟังจากทางฝั่งนั้นมีเสียงผู้ชายดังขึ้น เย่ฉูฉู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ฉัน…ฉันขอคุยกับพี่โจวหมิ่นค่ะ”
เสียงของทางฝั่งนั้นเงียบไป 3-4 วินาที ผู้ชายคนนั้นพูดหยั่งเชิง “คุณคือใครครับ?”
“ฉันเป็นน้องสาวสามีของหล่อนค่ะ หล่อนเป็นพี่สะใภ้สามของฉัน…”
เย่ฉูฉู่ยังพูดไม่ทันจบประโยค ผู้ชายคนนั้นก็พูดด้วยความตื่นเต้น “ฉูฉู่ นี่เธอเหรอ? ฉูฉู่เหรอ?”
“หา? คุณคือใครคะ?” เย่ฉูฉู่ตกตะลึง
“ฉันคือพี่สามของเธอไง เธอจำเสียงพี่ไม่ได้เหรอ?” เย่หมิงเป่ยที่อยู่ปลายสายพูดอย่างจนปัญญา
เย่ฉูฉู่แทบจะดีดตัวลอย “พี่สาม! พี่สาม พี่เองเหรอ ฉันจำเสียงพี่ไม่ได้เลย ทำไมพี่คุยไม่เหมือนตอนที่อยู่ที่บ้านเลย?”
เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสียงในโทรศัพท์บางทีก็ไม่เหมือนกับตัวจริง นี่เธอโทรศัพท์จากที่ไหนเนี่ย ทีมใหญ่ของพวกเธอเหรอ แล้วลูกล่ะ จ้าวเหวินเทาล่ะ? ตอนนี้อากาศหนาวขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเธออุ้มกระเตงลูกออกมาหรอกนะ?”
การพูดพล่ามของเย่หมิงเป่ยทำให้เย่ฉูฉู่รู้สึกได้ถึงพี่ชายที่เธอคุ้นเคยคนนั้น จึงสบายใจขึ้นขณะกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “พี่สาม ฉันโทรศัพท์อยู่ในบ้านนี่แหละค่ะ ที่บ้านฉันติดตั้งโทรศัพท์แล้ว เพิ่งติดตั้งวันนี้เลย เหวินเทาขับรถออกไปข้างนอกแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับพี่อยู่บนเตียง เสี่ยวไป๋หยางก็กำลังนอนอยู่ข้าง ๆ ฉัน”
เย่หมิงเป่ยแอบแปลกใจ “พวกเธอติดตั้งโทรศัพท์แล้ว เหวินเทานี่กล้าจริง ๆ นะ แค่แป๊บเดียวก็ติดตั้งโทรศัพท์แล้ว! จริงสิ เธอวางสายก่อน เดี๋ยวพี่โทรไปหาเอง โทรทางไกลค่าโทรแพงมากนะ”
เย่ฉูฉู่กลับไม่ได้เก็บมาใส่ใจ “พี่สาม คุยไม่กี่ประโยคจะสักเท่าไรกันเชียว ฉันได้เงินส่วนนั้นมายังไม่พอจ่ายค่าโทรอีกเหรอ? อย่าเสียเวลาเลย พวกเราคุยแบบนี้สักหน่อยเถอะ แม่ล่ะ พี่สะใภ้สามล่ะ?”
น้ำเสียงแบบคนมีเงินทองของน้องสาวทำให้เย่หมิงเป่ยถึงกับจนปัญญา จึงทำได้เพียงแค่พูดต่อไปว่า “เธอโทรเข้ามาที่เบอร์โรงงาน พี่สะใภ้สามของเธอกลับไปให้นมลูกแล้ว ตอนนี้แม่ก็น่าจะไปตลาดแล้วด้วย ฉันให้เบอร์โทรกับเหวินเทาไปสองเบอร์ อีกเบอร์หนึ่งถึงจะเป็นเบอร์ที่พักของพวกเรา”
เย่ฉูฉู่ไม่ทันได้สังเกต ครั้งแรกที่โทรศัพท์นางตื่นเต้นเกินไปหน่อย จึงกดโทรเบอร์แรกสุด
“งั้นพวกเราคุยกันก่อนเถอะค่ะ ตอนค่ำเหวินเทากลับมาค่อยโทรไปที่บ้านพี่” เย่ฉูฉู่ราวกับเด็กที่ได้ของเล่น นางพูดด้วยความตื่นเต้น
เย่หมิงเป่ยฟังออกว่าน้องสาวรู้สึกอย่างไร จึงกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “โทรศัพท์ครั้งแรกสินะ รู้สึกสนุกมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ ไกลกันขนาดนี้ แต่ยังได้ยินเสียงพี่สาม สุดยอดจริง ๆ!” เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม
“แต่นี่ก็ต้องใช้เงินนะ เธออย่าจ่ายเงินเยอะจนถูกเหวินเทาบ่นล่ะ” เย่หมิงเป่ยหยอกน้องสาว
เย่ฉูฉู่ส่งเสียงหึ “เขากล้าบ่นฉันเหรอ เขาใช้เงินเยอะกว่าใคร ๆ เลย อีกอย่าง ฉันก็จ่ายเงินที่ฉันหามาได้ จะจ่ายเท่าไรก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา!”
เย่หมิงเป่ยเปล่งเสียงอุทาน “คำพูดคำจาของเธอนับวันก็เริ่มเหมือนพี่สะใภ้สามเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ”
“บนจดหมายพี่สะใภ้สามบอกไว้แล้วว่า ถ้ามีรายได้เยอะถึงจะมีสิทธิ์มีเสียง ในบ้านก็เหมือนกัน ตอนนี้ฉันเป็นใหญ่!”
เย่หมิงเป่ยขำจนไม่ไหวแล้ว “ฉูฉู่ เธอพูดแบบนี้ไร้มโนธรรมเกินไปแล้วนะ ตอนที่เธอยังหาเงินไม่ได้เหวินเทาก็ฟังเธอไม่ใช่เหรอ?”
เย่ฉูฉู่หัวเราะ “พี่รู้แล้วยังจะพูดอีก พี่สาม พี่อยู่ทางนั้นสบายดีไหมคะ? แต่ละวันทำอะไรบ้างเหรอ? แม่สบายดีหรือเปล่า?”
หลังจากเย่หมิงเป่ยพูดให้เธอฟังเกี่ยวกับงานของตนเอง จึงพูดถึงคุณแม่เย่ “แม่สบายดี แม่สุดยอดมากเลยนะ ซื้อข้าวซื้อกับข้าว ชำระค่าสาธารณูปโภค เดินห้าง นั่งรถสาธารณะ พาหลานไปฉีดวัคซีน แม่หาเจอหมดเลย ทำเป็นทุกอย่าง พอถึงเวลาพวกเราแค่จ่ายเงินก็ไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง หมดห่วงเลย พี่กับพี่สะใภ้สามของเธอวางแผนไว้ว่า รอผ่านสักช่วงหนึ่งเราจะซื้อบ้านที่นี่ แล้วจะไปรับพ่อมาอยู่ด้วย”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เวลาได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นครั้งแรกมันก็จะตื่นเต้นหน่อยล่ะค่ะ
คุณแม่เย่สุดยอด ไปอยู่ปักกิ่งได้ระยะหนึ่งก็คล่องแคล่วเหมือนอยู่ปักกิ่งตั้งแต่เกิดแล้ว
ไหหม่า(海馬)