ภายในเวลาไม่นาน จี้ชางคงและจี้เทียนซิงต่างก็รีบมุ่งหน้าไปที่ประตูบ้านตระกูลจี้พร้อมกับกระบี่ในมือ

 

เมื่อพวกเขามาถึงก็พบหลิงซือไห่และพรรคพวกกำลังยืนอยู่ในลานกว้าง

 

ที่ประตูของตระกูลจี้มีศพของยามหลายคนนอนอยู่  พวกเขาทั้งหมดจมอยู่ในแอ่งเลือดและสิ้นลมหายใจไปแล้ว

 

หลิงซือไห่สวมเสื้อคลุมสีดำยืนอยู่ในลานกว้างด้วยสีหน้าเย็นชาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและจิตสังหาร

 

ที่อยู่ด้านหลังของเขาคือยอดฝีมือแปดคนที่ถือกระบี่ไว้ในมือ ทุกคนมีพลังในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 7 ขึ้นไปทั้งสิ้น !

 

รอบๆลานกว้างมียามของตระกูลจี้นับสิบคนกำลังล้อมรอบและจ้องมองไปที่หลิงซือไห่พร้อมกับถืออาวุธพร้อมรบไว้ในมือ

 

เมื่อไม่มีใครออกคำสั่ง เหล่ายามทั้งหลายก็ไม่มีใครกล้าลงมือ

 

ผู้อาวุโสสอง,จี้หรูเฟิ่งและอาวุโสคนอื่นๆหลายคน รวมไปถึงรุ่นเยาว์ตระกูลจี้ล้วนมายืนสังเกตการณ์กันหมด

 

จี้หรูเฟิ่งแสร้งตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธใส่หลิงซือไห่อย่างต่อเนื่อง  เขาบอกให้อีกฝ่ายวางอาวุธลงและเจรจากันอย่างสันติ

 

แต่ก็เพียงแค่พูด ไม่ได้หยิบอาวุธหรือสั่งให้ยามจู่โจมอีกฝ่าย ทำให้ตอนนี้สองฝ่ายเพียงแค่จ้องหน้ากันและเท่านั้น

 

จนกระทั่งทุกคนเห็นจี้ชางคงและจี้เทียนซิงมาถึง ดวงตาทุกคู่ก็ตกไปอยู่ที่สองพ่อลูก

 

จี้ชางคงมองไปที่ศพยามที่หน้าประตู ดวงตากวาดมองไปที่จี้หรูเฟิ่งและสมาชิกตระกูลจี้คนอื่นๆ

 

จากนั้นเขาก็เบนสายตาไปที่หลิงซือไห่และคำรามออกมาว่า

“หลิงซือไห่ ! เจ้ากล้านำคนบุกมาตระกูลจี้อย่างอุกอาจ เจ้าไม่เห็นหัวข้าแล้วหรือไง ?!”

 

หลังจากนั้นดวงตาทั้งคู่ก็จ้องมองไปที่ยอดฝีมือข้างหลังหลิงซือไห่ทั้ง 8 คนพลางกล่าวต่อไปว่า “ใครเป็นคนฆ่าคนของตระกูลจี้ ? ข้า จี้ชางคงจะให้มันต้องชดใช้ !”

 

เมื่อสิ้นเสียง จี้ชางคงก็พวยพุ่งจิตสังหารไร้สภาพอันทรงพลังออกมาและกวาดตามองคนของตระกูลหลิงทั้งหมด

 

ร่างกายของหลิงซือไห่เหยียดตรงดั่งกระบี่อันแหลมคมและมิได้ตกตะลึงต่อจิตสังหารและแรงกดทับของจี้ชางคงแม้แต่น้อย

 

เขามองไปที่จี้เทียนซิงด้วยแววตาที่คมกริบดุดัน ดวงตาแฝงไปด้วยความกระหายเลือดและโกรธแค้น เขาคำรามออกมาว่า “เจ้าเด็กระยำจี้เทียนซิง ! เจ้าสังหารหยุนเฟยบุตรสาวข้า ข้าจะฆ่าเจ้า ทำลายศพเจ้าเป็นชิ้นๆเพื่อเซ่นดวงวิญญาณของนางบนสวรรค์ !”

 

ในขณะที่พูดจบเขาแผ่จิตสังหารอันรุนแรงออกมาและชักกระบี่ออกทันที

 

 

“เช้ง เช้ง เช้ง !”

 

หลิงซือไห่ที่มีพลังในเขตแดนเชื่อมลมปราณขั้นที่ 4 ซัดกระบี่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังออกมา ปรากฏคลื่นกระบี่สีน้ำเงินเข้มสามสายที่พุ่งเข้าหาจี้เทียนซิง

 

คลื่นกระบี่แต่ละสายยาวสองฟุตและกว้างสามนิ้ว ซึ่งบรรจุไว้ด้วยพลังอันรุนแรงและดุร้ายเกรี้ยวกราด

 

จี้เทียนซิงที่มองหน้าหลิงซือไห่และยอดฝีมือทั้ง 8 ของเขา ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย เพราะเขาคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะลงมือทันทีที่เห็นหน้า !

 

เมื่อเห็นคลื่นกระบี่ที่ซัดมาด้วยความเร็วยิ่งยวด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงทันที เขารู้เพียงว่าต้องรีบถอยห่างโดยเร็วที่สุด

 

ในขณะเดียวกัน จี้ชางคงที่ไหวตัวอยู่ก่อนก็พุ่งออกไปขวางอยู่เบื้องหน้าบุตรชายทันที

 

 

“เหอะ !”

 

จี้ชางคงชักกระบี่และฟาดฟันออกไปทันที คลื่นกระบี่อันเย็นเฉียบสามสายกรีดกรายไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว

 

 

“ปัง  ปัง  ปัง  !”

 

หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น คลื่นกระบี่สามสายของหลิงซือไห่ก็ถูกบดขยี้จนสลายไปสิ้น

 

อีกทั้งพลังของคลื่นกระบี่อันเกรี้ยวกราดยังบีบให้หลิงซือไห่ต้องถอยหลังไปถึงสองก้าว ใบหน้าของมันกลายเป็นม่วงคล้ำ

 

จี้ชางคงกุมกระบี่ชี้ไปที่พื้น เขายืนตะหง่านด้วยท่วงท่าสง่างามและเย่อหยิ่งพลางตะโกนออกมาว่า “หลิงซือไห่ !  หากเจ้าคิดสังหารเทียนซิง ถามกระบี่ในมือข้าหรือยัง ?!”

 

“จี้ชางคง !!”

หลิงซือไห่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและโทสะ เขาคำรามออกมาว่า “เมื่อวานบุตรชายเจ้าส่งจดมายลับถึงบุตรสาวข้าให้ไปพบที่สวนดอกพลัมในชานเมือง พอตกกลางคืนนางก็เป็นศพกลับมา  เรื่องนี้เจ้าจะว่าอย่างไร ?”

 

“ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต  จี้ชางคง หากวันนี้เจ้าไม่มอบตัวจี้เทียนซิงมา ก็จงอย่าโทษข้าที่ต้องฆ่าคนก็แล้วกัน !”

 

“ฮ่าๆๆๆ”

จี้ชางคงตอบกลับทันทีด้วยเสียงหัวเราะลั่น เขากล่าวต่อไปว่า “หลิงซือไห่ เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือไง ?  เจ้ากล่าวหาว่าบุตรชายข้าสังหารบุตรสาวเจ้า  พวกเขาเพียงประลองพลังฝีมือกัน บุตรสาวเจ้าพ่ายแพ้ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น  เจ้ามีพยานหลักฐานอะไรที่บ่งชี้ว่าบุตรชายข้าเป็นผู้กระทำเล่า ?”

“ไม่มีหลักฐาน แต่กลับลงมือฆ่าคนตระกูลจี้ เจ้าต่างหากที่ไร้เหตุผล !”

 

“จี้ชางคง เจ้าต้องการหลักฐานใช่หรือไม่ ? ได้ ” หลิงซือไห่ขบกรามแน่นและหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อ โยนไปให้จี้ชางคง

 

“นี่คือจดหมายที่บุตรชายเจ้าส่งถึงหยุนเฟย นี่แหละคือหลักฐาน !”

จี้ชางคงกวาดสายตาอ่านจดหมายด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย  จากนั้นเขาก็โยนลงพื้นและกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “เหอๆ  ก็แค่นัดหมายนัดพบ มันเป็นหลักฐานบ้าบออันใดของเจ้า ?  แค่จดหมายพรรณ์นี้เจ้าก็เหมาเอาว่าเทียนซิงสังหารบุตรสาวเจ้าแล้วหรือไง ?  ปัญญาอ่อน !”

 

“หลิงซือไห่  เราท่านเป็นสหายที่ดีต่อกันมาโดยตลอด จนแทบจะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน วันนี้ข้าจะบอกให้เจ้าได้รู้ถึงเบื้องหลังบุตรสาวตัวดีของเจ้า นางวางแผนทำร้ายเทียนซิงจนทำให้เขาต้องสูญเสียวรยุทธ์และถูกผู้คนหัวเราะเยาะ  ดังนั้นต่อให้เทียนซิงคิดจะสังหารนางจริงๆก็ถือเป็นบาปที่นางสมควรได้รับแล้ว !”

 

“โชคดีที่บุตรชายข้าจิตใจดีงามและไม่คิดล้างแค้นเกินเหตุ เขาไม่ได้ฆ่านาง เจ้าฟังให้ดี  เทียนซิงไม่ได้ฆ่านาง !”

 

หลิงซือไห่หน้าดำทะมึนและเต็มไปด้วยโทสะคุกรุ่น

“จี้ชางคง ! ในเมื่อเจ้าไม่ยอมมอบตัวจี้เทียนซิงมา อย่าโทษที่ข้าไร้ความปรานี !”

 

“พวกเจ้าทุกคน ฆ่าจี้ชางคงเสียก่อน จากนั้นก็ฆ่าจี้เทียนซิงล้างแค้นให้หยุนเฟย !”

หลิงซือไห่โกรธจนคลั่งและโบกมือให้กับยอดฝีมือทั้ง 8 ที่พามาด้วย

 

ทันทีที่พวกเขาได้รับสัญญาณลงมือจากหลิงซือไห่ พวกเขาก็พุ่งตัวออกมาทันทีและปิดล้อมจี้ชางคงเอาไว้

 

หลิงซือไห่ก็คำรามอย่างเกรี้ยวกราดและเหวี่ยงกระบี่โจมตีเข้าใส่อีกฝ่ายเช่นเดียวกัน

 

ยอดฝีมือถึง 9 คนต่างรุมล้อมจี้ชางคง และแต่ละคนต่างก็ลงมืออย่างรุนแรง

 

จี้ชางคงแสดงสีหน้าไม่หวาดหวั่น ตัวเขาเองนั้นก็เป็นถึงยอดฝีมือชั้นสูงในเมืองนี้เช่นเดียวกัน

 

เขาใช้เคล็ดวิชาสิบกระบี่เซวียนปิงของตระกูลจี้ที่สำแดงออกมาเป็นเงากระบี่อันลึกล้ำ  ไม่ว่าแสงกระบี่ของเขาจะฟาดฟันไปที่จุดใดก็ทำให้พวกมันต้องล่าถอย

 

ด้วยความแข็งแกร่งในเขตแดนเชื่อมลมปราณขั้นที่ 6 ของจี้ชางคง  มันเพียงพอที่จะดูแคลนทุกคนในที่นี้ นับประสาอะไรกับหลิงซือไห่และยอดฝีมือทั้ง 8 ของมัน !

 

ท้ายที่สุดแล้วหลิงซือไห่ก็มีพลังเพียงเขตแดนเชื่อมลมปราณขั้นที่ 4 เท่านั้น  อีกทั้งยอดฝีมือทั้ง 8 ของมันก็มีพลังในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 8 3 คน ขั้นที่ 9 หนึ่งคน นอกนั้นก็เป็นเพียงเขตแดนเชื่อมลมปราณขั้นที่ 3 เท่านั้น ไม่มีใครเกินนี้

 

ดังนั้น ต่อให้หลิงซือไห่และอีก 8 คนใช้ประโยชน์จากจำนวนคนที่มากกว่าเข้ารุมล้อมก็ไม่ทำให้จี้ชางคงต้องลำบากแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันกลับถูกบีบให้ต้องถอยร่นด้วยซ้ำ   มันทำให้พวกเขารู้สึกอับอายมาก

 

 

ในเวลานั้น เงากระบี่ของจี้ชางคงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับส่องแสงเย็นเยียบไปทั่ว

 

คลื่นกระบี่ที่รุนแรงและดุดันกวาดพื้นที่กว่ายี่สิบตารางฟุตจนทำให้พื้นในลานและถนนเกิดริ้วรอย

 

เสียงกระบี่กระทบกันส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ

 

การต่อสู้ที่ดุเดือดและทำให้ทุกคนในตระกูลจี้ต่างก็แทบจะลืมหายใจ

 

ในช่วงเวลาสั้นๆเพียงไม่นานพวกเขาก็ปะทะกันมากกว่าหลายสิบกระบวนท่าไปแล้วและยังเป็นการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 9  !

 

ขณะนั้นเอง จี้ชางคงก็หลุดออกจากวงล้อมของเหล่ายอดฝีมือมาได้และล่าถอยมายืนข้างๆจี้เทียนซิง

 

การต่อสู้หยุดลงชั่วคราว

 

จี้ชางคงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขายังคงสงบนิ่ง มีเพียงใบหน้าที่เริ่มซีดลงเล็กน้อย

แต่ทางฝั่งของหลิงซือไห่กลับน่าอดสูมากนัก พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยบาดแผล

 

ยอดฝีมือเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงสองคนนั้นดูย่ำแย่ที่สุด พวกเขามีรอยกระบี่ที่หลังและหน้าอก อาภรณ์ชุ่มไปด้วยเลือดจนย้อมเป็นสีแดง

 

ส่วนยอดฝีมือเขตแดนเชื่อมลมปราณหลายคนต่างก็รับไปคนละหนึ่งหรือสองแผล   แต่ก็ยังไม่ถึงกับชีวิต

 

แม้แต่หลิงซือไห่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มก็ได้รับบาดแผลกระบี่ที่หน้าอกยาวลึกจนสามารถมองเห็นกระดูกขาวเลยทีเดียว

 

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนในตระกูลจี้ต่างก็แสดงออกอย่างเลื่อมใสและแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา   มีเพียงใบหน้าของจี้หรูเฟิ่งและจี้ห่าวเท่านั้นที่ดูมืดมนและดวงตาของพวกมันทอประกายด้วยสีหน้าครุ่นคิด   ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าสองพ่อลูกคู่นี้กำลังคิดจะทำอะไรต่อไป