[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 472 : ชะตากรรมของเซียนเอ๋อ!
หากเทียบกับกองทัพนินจาที่บุกมาในคืนนี้ ยากิอุ ยูมะจัดว่าสูงใหญ่กว่าคนอื่นๆ แต่ตอนนี้ร่างของเขากลับถูกแรงระเบิดของยันต์เตโชที่หลิงหยุนปลุกเสกขึ้นสะบั้นจนเล็กลงในพริบตา!
กระดูดซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของร่างกายหลายชิ้น ตั้งแต่กระดูกคอ กระดูกสันหลัง กระดูกซี่โครงทั้งสองข้าง และอีกหลายแห่งได้ถูกแรงระเบิดจนแตกละเอียด..!
สภาพของยากิอุ ยูมะในเวลานี้ ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากท่อนไม้สีดำ..
นอกเหนือจากกระดูกที่แตกละเอียดแล้ว ทั้งกระดูกและชิ้นเนื้อก็ถูกเปลวไฟสีน้ำเงินที่เกิดจากยันต์เตโชเผาไหม้จนดำเป็นเถ้าถ่าน!
แต่ถึงกระนั้น.. ความทุกข์ทรมานของยากิอุยูมะก็ยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น ร่างที่ดำเป็นตอตะโก และใบหน้าที่ปกคลุมด้วยผิวเนื้อแดงสดนั้นยังไม่ตายสนิท และกำลังชี้นิ้วไปทางหลิงหยุนที่อยู่ห่างออกไป เขาอยากจะกรีดร้องออกมาแต่ก็ไม่มีเสียง มีเพียงลมเบาๆที่พ่นออกมาจากริมฝีปาก!
สภาพที่น่าเวทนาและสยดสยองของยากิอุ ยูมะ ทำให้โทคุงาวะ ทาเคตากุถึงกับหวาดผวากับแรงระเบิดที่รุนแรงจนต้องกระโดดหนีออกไปไกล และได้แต่ยืนมองภาพที่น่าสยดสยองนั้นด้วยเหงื่อเย็นที่ไหลออกมาท่วมตัว
หลิงหยุนที่ยืนเงียบๆห่างไกลออกไปนั้น มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก.. เขาคิดไม่ถึงว่ายากิอุ ยูมะจะยังไม่ตาย! แม้ทั้งคู่จะเป็นศัตรูที่เกลียดชังกัน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ยากิอุ ยูมะต้องอยู่ในสภาพที่ทรมานเช่นนั้น เขาเพียงต้องการฆ่าให้ตายเท่านั้น!
หลิงหยุนแอบถอนหายใจอยู่เงียบๆ จากนั้นมือซ้ายของเขาก็ซัดตะปูใส่คิ้วของยากิอุ ยูมะทันที เพื่อให้เขาได้ตายอย่างไม่ต้องทรมาน
ตระกูลยากิอุนับว่าโชคร้ายอย่างมาก เพราะที่ป่าเสินหนงเจี๋ยในครั้งนั้น ยากิอุ ซาบุโร่ก็ถูกหลิงหยุนใช้ยันต์อัคนีเผาทั้งเป็น และตอนนี้ยากิอุ ยูมะก็ถูกหลิงหยุนเผาด้วยยันต์เตโช ดูเหมือนว่าปีนี้ตระกูลยากิอุคงต้องประสบภัยจากเพลิง!
“นี่มันอะไรกัน?!” โทคุงาวะ ทาเคตากุทั้งตกใจและคับแค้นใจจนแทบคลั่ง!
เขากำดาบซามูไรในมือแน่น ดวงตาจ้องมองไปทางหลิงหยุนนิ่ง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น จากนั้นมือทั้งสองข้างก็เงื้อดาบในมือขึ้น และวิ่งตรงเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
ครืน.. ครืน.. เปรี้ยง!
สายฟ้าสีเงินผ่าลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง และฟาดใส่ร่างของไป๋เซียนเอ๋อทันที!
“ครั้งที่สามสิบหก!”
หลิงหยุนไม่ใส่ใจกับโทคุงาวะ ทาเคตากุที่กำลังคลุ้มคลั่ง เขารีบหันหลังกลับ และวิ่งไปยังหุบเขาเล็กๆที่เจ้าขาวปุยอยู่ทันที!
ระหว่างที่ต่อสู้อยู่ท่ามกลางความเป็นความตายนั้น จิตใจของหลิงหยุนก็ยังคงพะว้าพะวง และหูก็คอยฟังและนับจำนวนเสียงสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง!
หลังจากที่นับสายฟ้าได้จำนวนสามสิบหกเส้นแล้ว หลิงหยุนก็ประเมินว่าอสุนีบาตชุดที่สองใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว เขาจึงรีบวิ่งไปดูไป๋เสี่ยวเอ๋อว่าเป็นอย่างไรบ้าง?
โทคุงาวะ ทาเคตากุเองก็วิ่งตามหลิงหยุนไปยังหุบเขาเล็กๆ ซึ่งอยู่บนยอดเขาสูง ทั้งคู่จึงต้องปีนขึ้นไปอีกราวหนึ่งร้อยเมตร!
เมื่อไปถึงหลิงหยุนก็ยืนอยู่บนก้อนหิน และจ้องมองไปทางหุบเขาเล็กๆแห่งนั้น เพื่อดูเจ้าขาวปุยที่อยู่ในค่ายกลแปดทิศ
หลิงหยุนอยู่ห่างจากเจ้าขาวปุยเพียงแค่ห้าสิบเมตร และด้วยเนตรหยินหยางของเขา ทำให้สามารถมองเห็นภาพได้คมชัดได้ราวกับกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่..
และเมื่อได้เห็นสภาพของเจ้าขาวปุย.. หลิงหยุนถึงกับตกใจจนลูกตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า!
เพราะสภาพของเจ้าขาวปุยในยามนี้ เลวร้ายกว่าสภาพของยากิอุ ยูมะที่ถูกเผาด้วยยันต์เตโชอย่างไม่สามารถเทียบกันได้!
สายฟ้าที่ผ่าลงมาจำนวนสามสิบหกครั้งติดๆกันนั้น ไม่เปิดช่องให้เจ้าขาวปุยได้มีโอกาสรักษาบาดแผล หรือพักร่างกายเลยแม้แต่น้อย สายฟ้าที่ฟาดกระหน่ำลงมาไม่ยั้งนั้น ทำให้สภาพของเจ้าขาวปุยในเวลานี้ ดูแทบไม่ออกว่ามันคือสุนัขจิ้งจอก!
ฟ้าดินเป็นสิ่งที่ยากจะเอาชนะได้! แม้ว่าเจ้าขาวปุยจะใช้ยันต์อสนี และที่ลำตัวก็ยังมียันต์เพชร และยันต์เกราะช่วยปกป้องไว้อีกขั้น และยังมียันต์บำบัดระดับสองรักษาแผลตามร่างกาย แต่ก็ยังยากที่จะทานทนต่ออสุนีบาตที่มีอานุภาพรุนแรงเหล่านั้นได้!
สภาพของเจ้าขาวปุยในยามนี้ เรียกได้ว่าแทบจะเหลือเพียงแค่โครงกระดูกสีดำ เนื้อสดถูกอสุนีบาตเผาทำลายจนแทบไม่เหลือ และกำลังยืนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ในค่ายกลแปดทิศ คล้ายกับว่าไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีกแล้ว อีกทั้งยังดูแทบไม่ออกว่ามันมีชีวิตอยู่ หรือว่าตายไปแล้วกันแน่!
“เซียนเอ๋อ!”
หลิงหยุนมองสภาพของไป๋เซียนเอ๋อด้วยดวงตาแดงก่ำ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองไปยังกลุ่มเมฆขนาดมหึมาที่ทรงอานุภาพนั้น ในใจของเขานึกเกลียดชังสวรรค์อย่างที่สุด!
“สวรรค์.. ท่านช่างโหดร้ายนัก! เพียงแค่สัตว์วิญญาณตนหนึ่งที่ต้องการกลายร่าง ท่านต้องลงทัณฑ์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”
หลิงหยุนเงยหน้าพร้อมกับชี้นิ้วขึ้นไปยังกลุ่มเมฆสีดำขนาดมหึมานั้น เขาใช้มังกรคำรามร้องตะโกนออกไปด้วยความคับแค้นใจ!
หลังจากที่ได้ร้องตะโกนออกไป หลิงหยุนก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า ตราบใดที่กลุ่มเมฆขนาดมหึมานี้ยังอยู่ ย่อมหมายความว่าเจ้าขาวปุยก็ยังไม่ตายเช่นกัน เพราะหากมันตาย.. กลุ่มเมฆขนาดมหึมานี้ก็จะสลายหายไปภายในพริบตาทันที
แต่จู่ๆ ลมก็เย็นวูบขึ้นทางด้านหลังของหลิงหยุน!
กระบี่โลหิตแดนใต้ปรากฏขึ้นในมือซ้ายที่ว่างเปล่าของหลิงหยุน และแทบจะไม่ต้องคิดอะไร ร่างของหลิงหยุนหมุดวนอย่างรวดเร็วราวกับพายุ และไปปรากฏอยู่ทางด้านหลังของโทคุงาว ทาเคตากุที่พุ่งเข้ามา
และนี่เป็นครั้งแรกของการปะทะกันระหว่างยอดฝีมือทั้งสองคน! คงยากที่จะมีใครรอดไปได้!
ดาบและกระบี่พุ่งเข้าใส่กัน จนเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังชี่ที่ทั้งคู่ใช้ทำลายล้างกันนั้น ทำให้แม้แต่ก้อนหินที่อยู่รอบๆ ถึงกับลอยขึ้นสูงจากพื้น
เคร้ง.. เคร้ง..
“โอ๊ะ..” เลือดไหลออกจากร่างกายของหลิงหยุนอีกครั้ง
โทคุงาวะ ทาเคตากุเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า เด็กหนุ่มชาวจีนผู้นี้จะมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
หลิงหยุนทำให้เขาต้องใช้กำลังภายใน และฝีมือขั้นสูงสุดในทุกครั้งที่ต้องปะทะกัน ซึ่งทำให้เขาตกใจไม่น้อย!
หลิงหยุนมีหลายวิชาที่ทรงพลังอย่างมาก!
วิชาดารกะดายันทำให้เขามีพลังต้านทานที่แข็งแกร่ง และกระบี่ธรรมดาๆ ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เช่นเดียวกันกับวิชาพลังลับหยินหยาง ที่ทำให้เขามีกำลังภายในที่สูงกว่าที่ควรจะมีในขั้นปรับร่างกาย-6 นี้ และสามารถที่จะเอาชนะยอดฝีมือระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-3 ได้!
อีกทั้งยังมีวิชาตัวเบาที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ ยังมีกระบี่สองเล่มที่ความคมของมันนั้นสามารถตัด หยก ทอง และเหล็กแข็งให้ขาดได้อย่างง่ายดาย และไม่ว่าจะเป็นการสู้กันแบบตัวต่อตัว หรือครั้งละหลายคน หลิงหยุนก็ล้วนทำได้ดี!
แขนของโทคุงาวะ ทาเคตากุถึงกับชาไปหมด และเขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป หลิงหยุนใช้เพียงแค่มือเดียว แต่เขากลับไม่สามารถทำอะไรหลิงหยุนได้
หลิงหยุนเก็บกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไป และเรียกกระบี่มังกรขาวออกมา หลังจากผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมาระยะหนึ่ง กระบี่โลหิตแดนใต้ที่หนักกว่าแปดสิบกิโลกรัมนั้น จึงถือว่าหนักเกินไปสำหรับหลิงหยุนในตอนนี้!
ในเวลานี้.. พละกำลังของเขาหมดลงไปอย่างมาก!
หลิงหยุนยกมือขึ้นปาดเลือดที่ไหลออกจากริมฝีปาก ในใจได้แต่คิดว่าโชคยังเข้าข้างเขาที่ตอนนี้เหลือเพียงโทคุงาวะ ทาเคตากุเพียงคนเดียว เพราะไม่ว่าเซียนเอ๋อจะมีสภาพอย่างไร? อย่างน้อยเขาก็สามารถหยุดโทคุงาวา ทาเคตากุไม่ให้ทำอันตรายนางได้ ต่อให้เขาจะต้องบาดเจ็บสาหัสก็ตาม!
หลิงหยุนใช้มังกรคำรามร้องบอกเจ้าขาวปุย “เซียนเอ๋อ.. หากเจ้าต้องการฝึกวิชากับข้าในวันข้างหน้า หากเจ้าต้องการต่อสู้เคียงข้างข้า เจ้าจะต้องลุกขึ้นสู้! ใช้ความสามารถทั้งหมดที่เจ้ามีอยู่ในตอนนี้ ต้านทานอสุนีบาติชุดที่สามให้จงได้!”
ไป๋เซียนเอ๋อที่อยู่ในค่ายกลแปดทิศถึงกับสั่น มันค่อยๆหันหลังไปมองหลิงหยุน!
ไป๋เซียนเอ๋อดูคล้ายกำลังจะตาย.. แต่นางก็คือสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่ดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนหนึ่งระหว่างสวรรค์กับโลก ประกอบกับเคยฝึกวิชาตามตำราปีศาจเก้าดวงดาวมา จึงใช่ว่าจะสามารถตายได้ง่ายๆ!
แม้สภาพของนางในยามนี้ อาจเรียกได้ว่าน่าสลดสังเวช! แต่มีเพียงตัวนางเองที่รู้ว่าร่างกายของตนเองกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาด คล้ายๆกับกำลังเกิดใหม่!
นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงธรรมดาๆ แต่มันคือการเปลี่ยนตั้งแต่โครงสร้างของร่างกายไปจนถึงระดับจิตใจ ไป๋เซียนเอ๋อรู้ดีว่าตราบใดที่การกลายร่างประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ นางจะได้กลายเป็นคน.. ที่เป็นคนจริงๆ! ไม่ใช่เพียงแค่การแปลงร่าง..
แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องเผชิญจึงไม่ธรรมดา แต่ถึงกระนั้นไป๋เซียนเอ๋อก็สามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นๆ
ในช่วงที่อยู่ในป่าเสินหนงเจี๋ยนั้น เจ้าขาวปุยไม่สามารถต้านทานกำลังภายในของโทคุงาวะ ทาเคซูกะได้ เพราะในเวลานั้นมันยังอยู่เพียงขั้นโฮ่วเทียน-9
แต่เมื่อกลับจากป่าเสินหนงเจี๋ยจนกระทั่งมาถึงเกาะเตียวหยูแห่งนี้ได้หลายวัน มันก็ได้ฝึกฝนอย่างหนักจนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-2 ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นมันก็คงจะไม่สามาถทานทนต่อการกลายร่างที่แสนเหี้ยมโหดนี้ได้แน่!
แต่แม้จะเหี้ยมโหด.. เจ้าขาวปุยก็สัมผัสได้ว่า หลังจากอสุนีบาติชุดแรกผ่านไป กำลังภายในของมันก็ได้ก้าวหน้าขึ้นด้วย!
และด้วยยันต์ของหลิงหยุน ทำให้มันสามารถวิ่งไปยังค่ายกลแปดทิศได้สำเร็จ และนั่นทำให้มันสามารถยืนหยัดรับสายฟ้าครั้งที่สามสิบหกที่ฟาดลงมาได้!
ความแข็งแกร่งของไป๋เซียนเอ๋อในเวลานี้นั้น นางไม่รู้ว่าอยู่ในขั้นใหนกันแน่ นางรู้เพียงว่ามันแข็งแกร่งกว่าก่อนที่จะถูกลงทัณฑ์ถึงสามเท่า!
แต่ถึงกระนั้น.. นางก็ยังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจากการที่ตามตัวแทบไม่เหลือเนื้อหนังอยู่เลย และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับร่างกายโดยที่ตัวนางเองก็ไม่เข้าใจ รสชาติของความเจ็บปวดที่ได้รับนั้น ยากเกินกว่าที่จะสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้..
แต่การที่นางไม่สามารถขยับเขยื้อนได้นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป!
ทันทีที่ไป๋เซียนเอ๋อได้ยินเสียงร้องตะโกน และหันหน้าไปมองหลิงหยุนที่กำลังต่อสู้อยู่กับศัตรู จากนั้น.. เจ้าสุนัขจิ้งจอกก็ได้เงยหน้าขึ้นมองไปยังกลุ่มเมฆดำขนาดมหึมาบนหัวทันที!
แววตาของไป๋เซียนเอ๋อเต็มไปด้วยความแน่วแน่ และในใจก็เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ร่างที่แทบจะเหลือแต่กระดูกไหม้ดำนั้น ออกแรงลุกขึ้นยืนอย่างสุดกำลัง และในที่สุดก็สามารถลุกขึ้นยืนชูคอได้สำเร็จอีกครั้ง!
ไป๋เซียนเอ๋อทำเสียงประหลาดที่ฟังคล้ายกับเสียงเห่าหอนของสุนัขจิ้งจอก ท่าทางของมันคล้ายกับกำลังแสดงอาการโกรธแค้น และไม่ยอมแพ้!
‘ข้าต้องการฝึกวิชากับนายท่าน และต้องการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนายท่าน.. ข้าต้องทำสำเร็จให้จงได้!’ และนี่คือความคิดของเจ้าขาวปุย!
ไป๋เซียนเอ๋ออ้าปากพ่นเปลวไฟสีแดงร้อนออกมา และเปลวไฟสีแดงนี้ก็ได้ห่อหุ้มร่างกายของนางไว้ และร่างของนางก็ถูกครอบคลุมไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชน!
และนี่คือสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง เปลวไฟที่พ่นออกมานั้นไม่สามารถทำอันตรายมันได้ และดูเหมือนมันตัดสินใจที่จะใช้เปลวไฟที่ร้อนแรงนี้ต้านทานอสุนีบาตชุดสุดท้าย!
โทคุงาวะ ทาเคตากุคิดว่าสุนัขจิ้งจอกได้ตายไปแล้ว เขาได้แต่มองภาพเจ้าขาวปุยที่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งเสียงเห่าหอนดังไปทั่วทั้งหุบเขาเล็กๆแห่งนั้นอย่างเหลือเชื่อ!
หลิงหยุนรู้ดีว่าโทคุงาวะ ทาเคตากุกำลังคิดอะไรอยู่ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้โทคุงาวะทำในสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จแน่! หลิงหยุนนึกหยันก่อนจะรวบรวมร่างกายที่เหนื่อยล้าอย่างที่สุด และพุ่งเข้าใส่ร่างของโทคุงาวะ ทาเคตากุทันที!
-สะบั้นนิมิต-
-พิชิตไร้เงา-
-เผาลนจิตใจ-
-ขับไสวิญญาณ-
-ห้ำหั่นสวรรค์-
-สังหารชีวิต-
-จิตนิ่งดั่งหินผา-
-นภาสังหาร-
-ผลาญเทวะ-
-นวสังหาร-
เพลงกระบี่นวสังหาร.. แต่มีทั้งหมดสิบกระบวนท่า และนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนใช้เพลงกระบี่นวสังหารโจมตีศัตรูอย่างเต็มรูปแบบ โทคุงาวะ ทาเคตากุจึงยากที่จะรอดชีวิตได้!
หลังจากครบสิบกระบวนท่า.. ทั้งคู่ก็แยกออกจากกัน!
ตามร่างกายของหลิงหยุนนั้นเต็มไปด้วยบาดแผล และมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก จนใบหน้าของเขาซีดเผือดไปหมด!
“ช่าง.. เป็นเพลงกระบี่.. ที่.. สยดสยอง.. มาก..”
กระบี่มังกรขาวได้สร้างบาดแผลบนร่ากายของโทคุงาวา ทาเกตากุไปทั่วทุกส่วน เขาใช้มือซ้ายที่เหลืออยู่ชี้ไปที่กระบี่มังกรขาวในมือของหลิงหยุนพร้อมกับพึมพำออกมา!
จากนั้นสายตาของโทคุงาว ทาเคตากุก็เหลือบไปมองหม้อเสินหนงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น และสิ้นใจตายในที่สุด!