บทที่ 455 ไม่มีอนาคต! โดย Ink Stone_Fantasy
“เจ้าทำเกินไปแล้ว!” เมื่อดวงจันทร์ดวงที่สิบสี่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เสียงของหมิงคุนจื่อก็ดังสนั่นขึ้นจากภายใน ราวกับจะตอบข้อความของดวงอาทิตย์สีม่วง เสียงของหมิงคุนจื่อนั้นเย็นชา ปราศจากซึ่งอารมณ์ แถมยังเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงแห่งเต๋าสวรรค์ที่ดังสะท้อนก้องไปทั่วท้องนภา
ทันทีที่เสียงนั้นดังก้องออกไป อาณาเขตที่เพิ่งสั่นสะเทือนเพราะแรงกดดันของดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดก็เริ่มจะดีขึ้นอย่างช้าๆ ราวกับว่าทุกอย่างถูกลบออกไปในบัดดล ราวกับว่า…เต๋าสวรรค์ได้ลงมาและโอบอุ้มสำนักแห่งความมืดเอาไว้ เต๋าสวรรค์ได้ปกป้องดินแดนจากดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดที่เข้ามารุกรานและเริ่มโจมตีกลับ!
ท้องฟ้าสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น และดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดก็สั่นสะเทือนเช่นกัน ดวงอาทิตย์สีม่วงฉายแสงแรงกล้าขึ้นเมื่อมีร่างๆ หนึ่งปรากฏขึ้นบนนั้น เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีม่วง ด้านหลังเขามีร่างมายาขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนว่าได้รวมตัวอยู่กับดวงอาทิตย์ ร่างนั้นมีสามหัวและหกแขน!
“หมิงคุนจื่อ สำนักแห่งความมืดของเจ้ากล้าดีอย่างไรมานำทางดวงวิญญาณลูกๆ ของข้า พวกเราตระกูลไม่รู้สิ้นต้องการคำตอบ!”
“ทุกสรรพชีวิตล้วนเป็นส่วนหนึ่งของวัฏสงสาร ตัวเต๋าสวรรค์เองนั้นคือวัฏจักร ผู้ที่ตื่นขึ้นแล้วไม่จำเป็นต้องฝัน มีเพียงชาติภพหน้าเท่านั้น…หลักการนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้!” หมิงคุนจื่อในชุดคลุมสีดำก้าวออกมาจากดวงจันทร์ดวงที่สิบสี่พลางพูดด้วยเสียงกังวาน ชายชรายืนอยู่บนท้องฟ้าขณะที่พูดอย่างใจเย็น
“เปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่นนั้นหรือ” ชายวัยกลางคนเดินออกมาจากดวงอาทิตย์สีม่วง เขาหัวเราะด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะยกมือขวาขึ้น ทันใดนั้นแสงแรงกล้าก็ฉายออกมาจากดวงอาทิตย์หกดวงที่รายล้อมกายเขาอยู่และเข้าปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดในทันที เมื่อมองจากไกลๆ จะดูเหมือนกับทะเลสีแดงที่คลุ้มคลั่งและกำลังถาโถมเข้าใส่หมิงคุนจื่อ
หมิงคุนจื่อยิ้มเยาะ เขายกมือขึ้นโบกเช่นกัน แสงสีดำกระจายออกไปทั่วในบัดดล ดูราวกับเป็นคืนเดือนมืด พุ่งเข้าปะทะกับแสงสีแดงที่ส่องเข้ามา ทั้งคู่เริ่มต่อสู้กันบนท้องฟ้า เป็นการต่อสู้ที่หวังเป่าเล่อไม่เข้าใจแม้สักนิด!
สวรรค์สั่นสะท้าน แผ่นดินก็สั่นสะเทือน ไม่มีใครในการต่อสู้นั้น มีเพียงแสงสีแดงและสีดำที่พุ่งใส่กันไปมาอยู่บนฟ้า ผลักไส และพยายามจะกลืนกินกันและกัน!
กระทั่งกระแสธารแห่งกาลเวลาก็ได้รับผลกระทบ เวลาที่ควบคุมสวรรค์และพื้นพิภพไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หนึ่งลมหายใจบนโลกเปรียบได้กับหนึ่งวันของร่างทั้งสองที่อยู่บนท้องฟ้า!
ตอนที่หวังเป่าเล่อเริ่มหายใจติดขัด หัตถ์ขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นภายในแสงสีแดงบนท้องฟ้า มันพุ่งผ่านทะเลแห่งแสงไปยังปราสาทที่ตั้งของสำนักแห่งความมืดและกำเอาไว้ในอุ้งมือ!
“ช่างเหิมเกริมนัก!” หมิงคุนจื่อคำรามเสียงดังลั่นขึ้นไปถึงสวรรค์ ไม้พายตะเกียงปรากฏขึ้นจากแสงสีดำบนท้องฟ้า มันขยายตัวอย่างไร้ที่สิ้นสุด จนมีขนาดใหญ่จนแบกท้องฟ้าเอาไว้ได้ จากนั้นมันก็เหวี่ยงไปยังทิศทางของหัตถ์ยักษ์สุดแรง!
แต่ก็สายเกินไป อีกฝ่ายเตรียมตัวไว้แล้ว หัตถ์ยักษ์นั้นลากดวงวิญญาณดวงหนึ่งออกมาจากโถงวัฏสงสารภายในสำนักแห่งความมืด!
ดวงวิญญาณนั้นเป็นหญิงสาวที่ได้รับใบหน้าซากศพอันสมบูรณ์ไปแล้ว นางงดงามยิ่ง ดวงตาทั้งคู่ของนางปิดสนิทราวกับว่ากำลังหลับลึก หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ในวันนี้ อีกสองสามวันข้างหน้า นางจะถูกส่งตัวไปเกิดและเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามกฎแห่งเต๋าสวรรค์
นางถูกชิงตัวออกมาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทว่าทันทีที่นางกำลังจะออกมานั้น ไม้พายตะเกียงของหมิงคุนจื่อก็ฟาดลงมาเพื่อหวังจะหยุดหัตถ์ยักษ์เอาไว้ หัตถ์ยักษ์ไม่อาจทนรับการโจมตีได้ไหวจึงสลายไปในทันที แรงกระแทกของการปะทะกันนั้นมีพลังทำลายรุนแรง แม้กระทั่งผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ก็ยังไม่อาจทานทนได้ นับประสาอะไรกับดวงวิญญาณธรรมดาๆ
ดวงวิญญาณนั้นถูกแรงกระแทกที่เกิดจากการปะทะทำลายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนในสำนักแห่งความมืด มันสลาย…กลายเป็นผงธุลีในชั่วพริบตา!
ไม่มีใครบอกได้ว่าผู้ที่สังหารดวงวิญญาณนั้นคือตระกูลไม่รู้สิ้นหรือหมิงคุนจื่อ แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ดวงวิญญาณก็แตกสลายไปแล้ว มันสูญสลายไปจากภพนี้และไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไป
ลมพายุที่เกิดจากการปะทะกันนั้นไม่เพียงทำลายดวงวิญญาณดวงนี้เท่านั้น แต่มันยังแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นที่กวาดไปทั่วทั้งสำนักแห่งความมืด แม้ว่าจะมีวงแหวนปราณคอยคุ้มกันอยู่ แต่แรงกระแทกจากผู้ฝึกตนที่ทรงพลังของตระกูลไม่รู้สิ้นก็มีอานุภาพรุนแรงยิ่งนัก ผู้ฝึกตนทุกคนที่พลังปราณต่ำกว่าระดับดาวพระเคราะห์รู้สึกได้ถึงเสียงดังลั่นอยู่ในศีรษะ
หวังเป่าเล่ออยู่เพียงขั้นรากฐานตั้งมั่นเท่านั้น ชายหนุ่มได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นอยู่ในหูก่อนที่โลกตรงหน้าจะดับมืดไป เขาหมดสติไปทันที
เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบได้ เมื่อหวังเป่าเล่อตื่นขึ้น การต่อสู้ก็ได้จบลงแล้ว สิ่งแรกที่เขาเห็นคือแผ่นหลังของอาจารย์หมิงคุนจื่อ
หลังจากที่มาดูให้แน่ใจว่าหวังเป่าเล่อไม่ได้เจ็บหนัก หมิงคุนจื่อก็จากไป แต่ก่อนจะไปเขามองเห็นความไม่แน่ใจในสายตาของลูกศิษย์ ชายชราจึงจ้องมองหวังเป่าเล่ออย่างเปี่ยมความหมายแล้วกล่าวว่า
“เป่าเล่อ พวกเราชาวสำนักแห่งความมืดรับใช้เต๋าสวรรค์ ไม่ว่าเราจะเคยเป็นใครในอดีต นี่คือภารกิจของเราในปัจจุบัน เจ้าจงจำเอาไว้ว่า…เราจะต้องไม่ย้อนวัฏจักรความเป็นและความตายเป็นอันขาด!” หลังจากที่พูดจบ หมิงคุนจื่อก็หันหลังเดินจากไปอย่างช้าๆ
หวังเป่าเล่อเงียบกริบ ชายหนุ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจยิ่ง เขาไม่รู้เลยว่าตระกูลไม่รู้สิ้นหรือสำนักแห่งความมืดกันแน่ที่เป็นฝ่ายถูก หลังจากที่ค้นคว้าเรื่องของสำนักแห่งความมืดมาระยะหนึ่ง เขาก็พบว่าผู้ที่บุกเข้ามาในสำนักของพวกเขาวันนั้นชื่อตั่วมู่ เป็นหนึ่งในเก้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลไม่รู้สิ้น!
ดวงอาทิตย์สีแดงทั้งหกคือราชันสวรรค์ภายใต้การนำของเขา!
พลังปราณของพวกเขาเกินกว่าระดับดารานิรันดร์ไปแล้ว ขณะนี้พวกเขาอยู่ในระดับจักรพิภพ ถือเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ส่วนลูกสาวของเขา…ในช่วงเวลาอันยาวนานนั้น แม้กระทั่งตั่วมู่เองก็คงจำไม่ได้ว่าเขามีลูกสาวกี่คน
เมื่อหวังเป่าเล่อได้อ่านเอกสารเหล่านั้น เขาก็นิ่งงันไป ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้ดีว่ามีความเป็นไปได้สูงว่า จักรพรรดิของตระกูลไม่รู้สิ้นบุกมาถึงที่นั้นไม่ใช่เพราะดวงวิญญาณของลูกสาวเขาแต่อย่างใด!
หวังเป่าเล่อไม่แน่ใจถึงเหตุผลของการบุกมา ชายหนุ่มไม่อาจหาเหตุผลใดๆ มารองรับได้ แต่เมื่อได้เห็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง เขาก็เริ่มกลุ้มใจกับระดับการฝึกปราณของตนเอง เมื่อเทียบกับพวกนั้นแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกอ่อนแอเกินไป เขารู้สึกไร้พลังดั่งกิ่งไม้กลางพายุ
หลังจากตื่นขึ้น หวังเป่าเล่อก็เริ่มมุ่งมั่นกับการฝึกมากขึ้น ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าศิษย์พี่ของเขาก็แยกตัวไปถือสันโดษเช่นกันเพราะไม่ได้พบหน้าอีกฝ่ายมานานพอสมควร
หนึ่งเดือนผ่านไป เปลวไฟสีดำในกายหวังเป่าเล่อทวีคูณขึ้นมาก จนตอนนี้มีถึงสามสิบเจ็ดดวง ตอนนั้นเองหมิงคุนจื่อได้พาเขาไปยังห้องโถงใหญ่ในสำนักแห่งความมืด ห้องโถงนั้นปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำสนิท
หมอกที่ปกคลุมด้านนอกนั้นหนาทึบเช่นเดียวกับหมอกด้านใน ส่วนที่มองเห็นได้มีเพียงจุดศูนย์กลางของห้องโถงเท่านั้น ตรงนั้นมีสระน้ำไร้สีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ หมอกสีดำพวยพุ่งออกมาจากสระนั้น มีฟองอากาศก่อตัวและแตกอยู่ในสระด้วย
สระนี้คือบ่อน้ำวิญญาณ!
ในสำนักแห่งความมืดมีบ่อน้ำวิญญาณจำนวนมาก สระนี้เป็นเพียงหนึ่งในนั้น หลังจากที่ดวงวิญญาณคนตายถูกนำทางมายังสำนักแห่งความมืด พวกมันจะมารวมตัวกันที่สระนี้ก่อน จากนั้นจึงจะเข้าไปในกระจกใบหน้าซากศพเพื่อรับใบหน้าใหม่จากบรรดาศิษย์ ต่อไปก็จะถูกส่งไปยังเส้นทางแห่งวัฏสงสารหรือไม่ก็ผ่านวงแหวนปราณมายาวัฏสงสาร เมื่อผ่านมิติมายานั้น พวกเขาจะได้รับร่างกายใหม่ ท้ายที่สุดก็จะเฝ้ารอเต๋าสวรรค์นำทางไปยังแม่น้ำวิญญาณ แล้วจึงล่องลอยต่อไปยังประตูแห่งวัฏสงสาร
มีวิญญาณนับไม่ถ้วนที่ไม่สามารถออกจากบ่อน้ำวิญญาณได้ บ้างก็ขึ้นมาอย่างยากลำบากเพราะว่าฟองอากาศ บ้างก็ขึ้นมายังพื้นผิวได้พร้อมทั้งเผยใบหน้าให้เห็น
มีวิญญาณทั้งชายและหญิง เด็กและแก่ ใบหน้าก็มีทั้งที่ดูสงบสุข บ้างก็ดูขุ่นเคือง บ้างก็ร่ำไห้ บ้างก็หัวเราะ ทั้งยังมีสีที่แตกต่างกันอีกด้วย บ้างก็เป็นสีเดียวกับบ่อ บ้างก็มีสีดำสนิท กระทั่งน้ำในบ่อก็ไม่อาจชะล้างพวกเขาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
“วิญญาณไร้สีคือวิญญาณทั่วไป สีดำแปลว่าพวกเขาแบกความโกรธแค้นแสนสาหัสเอาไว้ เป่าเล่อ ใช้วิชาหัตถ์สื่อวิญญาณของเจ้าและจับวิญญาณจากบ่อน้ำวิญญาณออกมาสามดวง ชำระล้างพวกเขาและใช้พวกเขาเพื่อหลอมวัตถุเวทแห่งความมืดในอนาคตของเจ้า…ในฐานะวิญญาณวุธของเจ้าเอง!” หมิงคุนจื่อพูดอย่างเนิบช้าขณะที่หวังเป่าเล่อจ้องมองไปยังบ่อน้ำวิญญาณ สายตาของชายชรานั้นมีแววลึกซึ้งเมื่อจ้องมองมายังหวังเป่าเล่อ
“วิญญาณวุธเช่นนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อเริ่มรู้สึกได้ถึงความทรงจำที่เลือนราง
“บุตรแห่งความมืดต้องมีวัตถุเวทแห่งความมืดสามชิ้น เรือวิญญาณ ชุดคลุมสีดำ และไม้พายตะเกียง สิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุที่บุตรแห่งความมืดทุกคนต้องมี วิญญาณวุธภายในวัตถุเวทเหล่านี้เจ้าจะต้องเป็นผู้เลือกด้วยตนเอง” เมื่อพูดจบหมิงคุนจื่อก็ไม่พูดสิ่งใดอีกต่อไป
หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ชายหนุ่มจำได้รางๆ ว่ามีบางอย่างที่เหมือนเป็นเรื่องสำคัญ แต่เขาก็เลิกที่จะสนใจ ชายหนุ่มกลับมามุ่งมั่นและจดจ้องอยู่กับสิ่งที่หลับใหลอยู่ในบ่อ จากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกและใช้เปลวไฟสีดำ หวังจะปลดปล่อยวิชาหัตถ์สื่อวิญญาณออกมา หลังจากที่ล้มเหลวไปถึงหกครั้ง เขาก็ทำได้ในครั้งที่เจ็ด หวังเป่าเล่อใช้วิชาหัตถ์สื่อวิญญาณได้สำเร็จ!
หัตถ์มายาขนาดใหญ่พุ่งออกไปจากกายของชายหนุ่มลงไปในบ่อ จับวิญญาณขึ้นมาสามดวง!
ดวงแรกเป็นชายตัวใหญ่ท่าทางน่ากลัว!
ดวงที่สองเป็นชายชราหน้างอ!
และดวงสุดท้าย…เป็นเด็กชายอายุเจ็ดหรือแปดขวบเท่านั้น!