บทที่ 110 วันนี้เทียบกับวันวานไม่ได้ Ink Stone_Romance
“อวิ๋นเจา อวิ๋นเจา”
ด้านนอกเรือน มองเห็นหนิงอวิ๋นเจาเดินออกมา นายท่านใหญ่หนิงที่นั่งดื่มชาอยู่ในศาลารับลมกวักมือเรียกเขา
หนิงอวิ๋นเจาเดินเข้าไปขานเรียกบิดาคำหนึ่ง
“ลำบากเจ้าแล้ว” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย ท่าทางสงสารอยู่บ้าง ทำท่าชวนให้หนิงอวิ๋นเจาดื่มชา “มารดาเจ้านิสัยค่อนข้างดีมาตลอด ครั้งนี้ก็ไม่รู้เป็นอะไร ถึงดื้อดึงเช่นนี้”
เทียบกับนายหญิงใหญ่หนิง ท่าทีของนายท่านใหญ่หนิงรวมถึงคนอื่นในตระกูลหนิงที่มีต่อสัญญาหมั้นนี้ดีกว่ามาก ไม่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้อย่างนายหญิงใหญ่หนิง
“เรื่องนี้ข้าทำกะทันหัน ไม่ได้บอกท่านแม่ นางโกรธก็สมควรแล้ว” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย ยกน้ำชาดื่มคำหนึ่ง
นอกจากนี้ที่สำคัญคือที่นายหญิงใหญ่หนิงโกรธก็ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่เพราะตนเองพูดประโยคนั้นว่าชอบคุณหนูจวิน
นายท่านใหญ่หนิงส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่บอกว่าเวลานั้นสถานการณ์วิกฤตรึ เจ้าจะบอกคนในครอบครัวได้อย่างไร” เขาเอ่ย “เรื่องจุกจิกเช่นนี้ผู้หญิงชอบจู้จี้นัก”
หนิงอวิ๋นเจาย่อมไม่มีทางบอกว่าบิดามารดาผิด ได้ฟังจึงเอ่ยอีกครั้งว่าเป็นตนเองไม่ถูก
นายท่านใหญ่หนิงก็รู้สึกว่าที่ตนพูดไม่เหมาสม กระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง ยกถ้วยชากลบเกลื่อน
“แต่ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร” เขาปรับสีหน้าเอ่ยอีกครั้ง
บนใบหน้าหนิงอวิ๋นเจาแย้มรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว บิดาชาญฉลาด” เขาเอ่ย “การแต่งงานครั้งนี้สำหรับพวกเราตระกูลหนิงเป็นเรื่องดีจริงๆ อย่างน้อยก็ขวางไม่ให้มีคนกล่าวหาว่าพวกเราตระบัดสัตย์ละทิ้งคุณธรรมได้ ตรงกันข้ามกลับได้ชื่อเสียงดีงาม”
นายท่านใหญ่หนิงรู้นานแล้วว่าตนเองฉลาด ถูกชมเรื่องที่เป็นความจริงเช่นนี้ไม่ได้ดีใจมากมาย ได้ยินเพียงยิ้มๆ
“เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้” เขาเอ่ยอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ “ที่ข้าพูดถึงคือคุณหนูจวินคนผู้นี้”
รอยยิ้มบนหน้าหนิงอวิ๋นเจายิ่งกว้าง ดวงตาก็สุกสกาวขึ้นหลายส่วน
“ท่านพ่อก็ว่าดีหรือ” เขาเอ่ย
นายท่านใหญ่หนิงลูบเครา
“แน่นอนย่อมดี การปลูกฝีวิชามหัศจรรย์เช่นนี้ย่อมทิ้งชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์” ดวงตาเขาเปล่งประกายเอ่ย “เจ้าคิดดู ตระกูลหนิงจวิน นี่มีเกียรติมากปานใด”
หนิงอวิ๋นเจาหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว
“แต่ท่านพ่อ น่าจะเขียนว่าโรงหมอจิ่วหลิงกระมัง” เขาเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังอีก
นายท่านใหญ่หนิงส่งเสียงชิ
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นโรงหมอจิ่วหลิงตระกูลหนิงจวิน” เขาเอ่ย
พ่อลูกสองคนสบตากัน หัวเราะแล้ว
“ขอบคุณท่านพ่อ” หนิงอวิ๋นเจาหุบยิ้ม สีหน้าจริงใจเอ่ย “ที่ไม่ทำให้ลูกรู้สึกว่าชอบคนที่ไม่ควรชอบเข้า”
นายท่านใหญ่หนิงกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง
“ข้าเชื่อสายตาลูกของข้า” เขาเอ่ย
หนิงอวิ๋นเจาตั้งแต่เล็กฉลาดเฉลียว นายท่านใหญ่หนิงจัดการเรื่องต่างๆ ในบ้าน ร่ำเรียนหนังสือไม่ใช่ของถนัด ดังนั้นหนิงอวิ๋นเจาจึงติดตามหนิงเหยียนมาตลอด เขาบิดาคนนี้อยู่ร่วมกับบุตรชายไม่มาก
ไม่รู้ว่าเพราอยู่ร่วมกันน้อยตั้งแต่เล็ก หรือบุตรชายฉลาดเกินไป ในใจเขามากน้อยจึงมีความห่างเหินโดยไม่รู้ที่มาอยู่บ้าง
แต่นาทีนี้มองใบหน้ายิ้มแย้มของบุตรชาย เขารู้สึกว่าความห่างเหินกับบุตรชายพริบตาเดียวก็ไม่มีอยู่แล้ว
หนิงอวิ๋นเจายิ้มอีกครั้ง
“ขอบคุณท่านพ่อ” เขาเอ่ย
“ขอบคุณอะไร ก็เป็นเพราะคุณหนูจวินคนนี้มีความสามารถ ประสบความสำเร็จเช่นนี้” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ยท่าทางทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าว่าตระกูลจวินเป็นตระกูลเล็กตระกูลน้อย แต่เรื่องที่ทำกลับล้วนมากเมตตามากคุณธรรม นายท่านผู้เฒ่าจวินช่วยผู้คนช่วยชาวบ้านที่หรู่หนานมีชื่อเสียง นายท่านจวินจงรักภักดีสละตนเองเพื่อบ้านเมือง คุณหนูจวินก็ทำหน่อฝีออกมา กำจัดความทุกข์ของหมื่นประชาอีก ทำให้คนนับถือจริงๆ”
ใช่แล้ว ในดวงตาของหนิงอวิ๋นเจาแย้มรอยยิ้ม นางทำให้คนนับถือจริงๆ
ดังนั้นท่านอาจึงไม่อาจไม่ขบคิดพิจารณาว่าจะรับมืออย่างไร ดังนั้นท่านพ่อจึงเปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลัน ไม่มีความไม่พอใจและคัดค้านการแต่งงานของนางกับตระกูลหนิงแล้ว ตรงกันข้ามยอมรับอย่างดีใจยิ่ง ส่วนคนอื่นในตระกูลหนิงทั้งตระกูลยิ่งไม่ต้องพูด ไหนเลยยังมีดูหมิ่นดูแคลนอย่างก่อนหน้านี้อีก แต่ละคนๆ ล้วนตื่นเต้นไม่เลิกที่จะมีหมอเทวดาคนหนึ่งในบ้าน
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำให้เกิด แต่เป็นคุณหนูจวินทำให้เกิดขึ้นด้วยตนเอง เป็นนางเองที่ทำให้ทุกคนไม่อาจไม่ยอมรับนับถือ
“ไม่แปลกที่ตอนนั้นท่านพ่อเขียนหนังสือหมั้น” นายท่านใหญ่หนิงถอนหายใจเอ่ย
คาดว่าคงยอมรับนับถือน้ำใจของนายท่านผู้เฒ่าจวินเหมือนกัน
ส่วนต่อมาทำไมเสียใจปิดปากไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่ต้องขบคิดแล้ว
“ท่านพ่อ สัญญาหมั้นในอดีตยกเลิกไปแล้ว การแต่งงานครั้งนี้พูดให้ถึงที่สุดก็ยังเป็นเรื่องหลอก” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย “ท่านแม่โมโหเป็นจริงเป็นจัง ท่านพ่อโปรดอย่าถือเป็นจริงอนาคตโกรธขึ้นมาด้วย”
นายท่านใหญ่หนิงลูบเครายิ้มแล้ว
“การแต่งงานเป็นเรื่องหลอก” เขาเอ่ย “ใจของเจ้า อย่างไรก็เป็นเรื่องจริงนี่?”
ใจของเขาตลอดมาล้วนเป็นของจริง แล้วก็ไม่กลัวที่จะยอมรับกับผู้คน
หนิงอวิ๋นเจายิ้มพยักหน้า
“ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เรื่องหลอกก็ไม่แน่ว่าจะเปลี่ยนกลายเป็นจริงไม่ได้นี่” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย “ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไร”
พูดพลางก็ยิ้มทีหนึ่ง
“ลูกชาย เจ้าคงไม่ได้ไม่เชื่อมั่นในตัวเองปานนั้นกระมัง คุณหนูจวินก่อนหน้านี้ไม่ใช่ชอบเจ้ามากหรือ”
นั่นเป็นก่อนหน้านี้
หนิงอวิ๋นเจายิ้ม ความจริงเขาก็สงสัยเรื่องก่อนหน้านี้นี่ยิ่งนัก
ตั้งแต่คบหากับคุณหนูวินมา เขาไม่เคยสัมผัสความชอบที่มีต่อตัวเขาจุดนี้จากบนตัวนางได้เลย อย่างมากที่สุดคือไม่เกลียดรวมถึงต่อมารู้จักสนิทสนม ปฏิบัติกันอย่างสหาย
ชอบ เป็นการแสดงออกอย่างไร?
อยากพบตลอดเวลา คิดถึงตลอดเวลา ได้พบแล้วในดวงตาจะเปล่งประกาย ไม่ได้พบในใจมักจะแหว่งไปเสี้ยวหนึ่ง เหมือนอย่างเขาเช่นนี้
แต่เห็นชัดมากว่านางไม่ได้เหมือนเขาเช่นนี้
ส่วนลองดู เขาเคยลองมาครั้งหนึ่งแล้ว
จะลองอีกครั้งหนึ่งหรือ?
หนิงอวิ๋นเจาลุกขึ้นยืน
“ใช่แล้ว ทำไมนางกลับมาจากเมืองหลวงกะทันหัน” เขาเอ่ย “ก่อนหน้านี้บอกอยู่ชัดๆ ว่าไม่กลับมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”
…
ในจวนใหญ่ตระกูลฟางเวลานี้คนยืนอยู่เต็ม ไม่เหมือนกับเสียงเอะอะวุ่นวายข้างนอก คนเหล่านี้เงียบสงบยิ่งนัก
แม้สีหน้าล้วนตื่นเต้นมาก แต่กลับไม่มีใครเอ่ยปากพูด ยิ่งไม่มีเสียงร้องเรียกหมอเทวดา คุณหนูจวินอะไรพวกนี้ดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้
ครอบครัวของตนเองย่อมไม่ต้องเห็นเป็นคนอื่นเช่นนั้น
เพียงแต่ครอบครัวของตนเอง รู้สึกแปลกหน้าอยู่บ้าง
นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางมองดูเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้ามึนงงนิดๆ
ไม่ได้พบกันเกือบหนึ่งปีแล้วสินะ เด็กสาวคนนี้สูงขึ้นมาก หน้าตาก็เปลี่ยนไปแล้ว ความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาวอย่างก่อนหน้านี้หดหายไป ความงดงามเฉิดฉายดั่งดอกตูมแรกผลิค่อยๆ ปรากฏ เพียงแต่สีหน้ายิ่งสงบตรงหน้าทำให้ความงามเฉิดฉายนี่กลายเป็นอ่อนโยน ไม่บีบคั้นคนปานนั้น
เทียบกับเด็กสาวที่มาจากฝู่หนิงคนนั้น รู้สึกว่าไม่เหมือนกันสักนิดจริงๆ
“อะไร ไม่ได้พบกันนานเช่นนี้ ทุกคนก็ห่างเหินกับข้าแล้วหรือ?”
คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย ปลดผ้าคลุมลง
ฟางเฉิงอวี่ด้านข้างยื่นมือรับไปทันที
หลิ่วเอ๋อร์ถลึงตา ไม่พอใจมากที่เรื่องที่ตนเองควรทำถูกแย่งไป ไม่เกรงใจสักนิดเอาผ้าคลุมไปจากในมือฟางเฉิงอวี่
นายหญิงผู้เฒ่าฟางยังไม่เอ่ยวาจา ฟางอวี้ซิ่วยิ้มก่อนแล้ว
“จะเป็นไปได้ยังไง” นางยืนอยู่ข้างกายนายหญิงผู้เฒ่าฟาง มองคุณหนูจวินสีหน้าตั้งใจ “พวกเราฟังเรื่องของเจ้าทุกวัน เหมือนกับอยู่ที่บ้าน ทุกวันตระหนกตกอกตกใจ”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนคิดขึ้นมาได้ ตั้งแต่วันนั้นที่รับเด็กสาวคนนี้จากฝู่หนิงเข้ามาที่บ้าน ในบ้านก็ไม่ได้สงบเลยจริงๆ ตกอกตกใจวุ่นวายอยู่บ่อยๆ
เริ่มจากโวยวายเรื่องสัญญาหมั้นที่หยางเฉิงไปจนถึงโวยวายเรื่องสัญญาหมั้นที่เมืองหลวงเป็นสิ้นสุด อ้อมไปอ้อมมานางก็ยังเป็นนาง
หลังประโยคนี้ ความรู้สึกแปลกหน้าห่างเหินก่อนหน้านี้พลันหายไป เด็กสาวตรงหน้ากลายเป็นคนนั้นที่พวกนางคุ้ยเคยอีกครั้ง
มองดูใบหน้าเหมือนทั้งโกรธทั้งเป็นห่วง คุณหนูจวินก็ยิ้ม
“ข้ายังคิดว่าคงคุ้นชินกันหมดแล้วเสียอีก” นางยิ้มเอ่ย เดินเข้าไปหานายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟาง พลางย่อเข่าคำนับ “ท่านยาย ท่านป้า”
……………………………………….