ตอนที่ 1788 ไป๋หลิงงั้นหรือ (3) / ตอนที่ 1789 ไป๋หลิงงั้นหรือ (4)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1788 ไป๋หลิงงั้นหรือ (3)

“ข้ามาจากตระกูลฉีเจ้าค่ะ ท่านพี่ข้าชื่อฉีซู…เขาเป็นนายน้อยของตระกูลฉี” นางก้มหน้าเพื่อปิดบังสายตาโศกเศร้าของตัวเอง “แต่ข้าก็เป็นขยะแม้ว่าข้าเป็นคนของตระกูลฉี”

ความจริงแล้วอวิ๋นลั่วเฟิงก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติในร่างเด็กคนนี้ตอนที่นางเห็นเด็กหญิงตัวน้อยดังนั้นนางจึงไม่แปลกใจเมื่อได้ยิน

“ตระกูลฉีขับไล่ข้าออกมาที่เมืองชนบทนี้และท่านพี่ที่พยายามปกป้องข้าก็ถูกไล่ออกมาเหมือนกัน” ดวงตาของเด็กหญิงตัวน้อยก็เริ่มมีน้ำตา “คนพวกนั้นให้ภารกิจกับท่านพี่คือต้องพัฒนาร้านขายสมุนไพรภายในเมืองนี้ ถ้าเขาทำไม่ได้ พวกเราก็จะไม่สามารถกลับไปที่ตระกูลฉีได้อีก”

อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ข้าคิดว่าพี่ชายเจ้ามีความสามารถนะ ถ้าเป็นแบบนั้นเหตุใดพวกเจ้าถึงไม่พัฒนาร้านล่ะ”

เด็กหญิงตัวน้อยส่ายหน้า “เรื่องไม่ง่ายอย่างนั้นเจ้าค่ะ ร้านสมุนไพรจำเป็นต้องมีสมุนไพรพลังฌาน และมีแต่สมุนไพรอายุร้อยปีเท่านั้นที่สามารถกลายเป็นสมุนไพรพลังฌานได้ แต่ว่าภูเขาหลายลูกในแคว้นวายุและเมฆาที่มีสมุนไพรพลังฌานก็ถูกควบคุมโดยผู้มีอิทธิพลดังนั้นคนธรรมดาจึงไม่สามารถครอบครองสมุนไพรพลังฌานได้…”

อวิ๋นลั่วเฟิงรู้มานานแล้วว่าการเก็บสมุนไพรพลังฌานไม่ใช่เรื่องง่ายไม่ว่าจะที่แผ่นดินเทพวิญญาณหรือที่มิตินี้ การปลูกสมุนไพรพลังฌานต้องใช้เวลาเป็นร้อยปีแต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือต้องอาศัยโอกาสพิเศษที่จะเปลี่ยนสมุนไพรธรรมดาให้เป็นสมุนไพรพลังฌานสักหนึ่งต้น…

นี่จึงเป็นเหตุผลที่สมุนไพรพลังฌานเป็นของที่หาได้ยาก!

“พวกเขาบอกว่า” เด็กหญิงตัวน้อยก้มหน้าและพูดอย่างขี้ขลาดว่า “ถ้าท่านพี่ทำภารกิจไม่สำเร็จ พวกเขาจะไม่ใช่ขับไล่พวกเราแต่…จะขายข้าให้ไปเป็นเจ้าสาวเด็กของใครสักคน ดังนั้นเมื่อไม่นานมานี้ ท่านพี่ก็หาคนที่ยอมขายสมุนไพรพลังฌานให้และวางแผนจะหาเงินมาซื้อสมุนไพรพลังฌานมาเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในร้านสมุนไพร”

ความจริงแล้วในแคว้นวายุและเมฆา สมุนไพรพลังฌานไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถซื้อได้ แต่ว่าภูเขาทุกลูกที่สามารถผลิตสมุนไพรพลังฌานได้ก็ถูกผู้มีอิทธิพลทั้งหลายควบคุม ฉีซูวางแผนจะซื้อสมุนไพรพลังฌานจากร้านสมุนไพรในเมืองจักรพรรดิ แต่ตระกูลฉีก็สั่งห้ามไม่ให้ร้านเหล่านั้นขายสมุนไพรพลังฌานให้เขา นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉีซูกังวล

ตอนนี้เองที่ในที่สุดอวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้ว่าเหตุใดบ่าวคนนั้นที่ชื่อซืออวี่ถึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับนาง ฉีซูกำลังตกที่นั่งลำบากอย่างมาก ถ้าพวกเขารับนางเข้ามาอีกในเวลาแบบนี้ก็กลายเป็นภาระของพวกเขา!

“เสี่ยวหลิง” จู่ๆ ก็มีเสียงวิตกกังวลดังมาจากด้านนอก

ฉีหลิงกะพริบตา นางหันหลังไปก็เห็นฉีซูรีบวิ่งเข้ามา

“เสี่ยวหลิง เจ้าอยู่ที่นี่นะ อย่าออกไป”

ฉีหลิงเงียบ และตอนที่นางกำลังจะเอ่ยถามฉีซู นางก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากห้องโถงด้านหน้า

ฉีซูหน้าบึ้งตึง เขามองอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วพูดว่า “แม่นางอวิ๋น ได้โปรดดูแลน้องสาวให้ข้าด้วย” พูดจบเขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปที่ห้องโถงด้านหน้าทันทีโดยไม่มองฉีหลิงอีก

“แม่นางอวิ๋น” ฉีหลิงดูหวาดกลัวเล็กน้อยและขดตัวเข้าหากัน “ต้องเป็นคนจากตระกูลฉีแน่ ต้องเป็นพวกเขาแน่…”

เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ ที่หวาดกลัว อวิ๋นลั่วเฟิงก็หันมองไปยังสวน แล้วดวงตาของนางก็มืดครึ้มขึ้นทีละน้อย …

ที่ห้องโถงด้านหน้า ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูคล้ายฉีซูกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้และจิบน้ำชา เขาแก่กว่าฉีซูสองสามปีแต่ไม่ได้มีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเขา และดูคล้ายสตรีมากกว่า

…………………………

ตอนที่ 1789 ไป๋หลิงงั้นหรือ (4)

“ฉีซู เวลาใกล้หมดแล้ว” ชายหนุ่มส่งยิ้มร้ายมาให้ “เจ้าแพ้แน่!”

“ยังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งเดือน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะแพ้” ฉีซูยิ้มเยาะและมองเย็นชา “เจ้ากล้าทำกับพวกเราแบบนี้แค่เพราะอาจารย์ข้าไม่อยู่ เหตุใดเจ้าไม่กล้าพูดอย่างนี้ต่อหน้านางเล่า”

“ฮะๆ” ชายหนุ่มค่อยๆ ยืนขึ้นและจ้องฉีซูราวกับเป็นอสรพิษ “อาจารย์เจ้าหายตัวไปสามปีแล้วและก็ไม่มีใครได้ยินข่าวคราวของนางอีกเลย นางต้องตายแล้วแน่นอน! อย่าหวังว่านางจะออกมาปกป้องเจ้า! ถ้าไม่มีนาง เจ้าก็แค่คนไร้ค่า!”

ฉีซูหน้าซีด ความเจ็บปวดที่สุดในหัวใจของเขาก็คือการที่อาจารย์หายไปสามปีแล้ว เขาจะไม่โกรธได้อย่างไรเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้

“ฉีมั่ว ข้าหาคนที่จะขายสมุนไพรพลังฌานให้ข้าได้แล้ว ภายในเมืองเล็กๆ อย่างนครเฟิงหลิน ตราบใดที่ร้านขายสมุนไพรมีสมุนไพรพลังฌานเพียงหนึ่งต้น สมุนไพรทั้งหมดที่อยู่ในร้านก็จะถูกขายออกจนหมดภายในหนึ่งเดือน”

“สมุนไพรพลังฌานงั้นหรือ”

ฉีมั่วยิ้มเยาะ “เจ้าอย่าลืมว่าสมุนไพรพลังฌานทั้งหมดของอาณาจักรหลินเฟิงอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า! เจ้าอยากจะซื้อสมุนไพรพลังฌานงั้นหรือ ฝันไปเถอะ! เจ้ารู้อะไรหรือไม่ สมุนไพรพลังฌานที่เจ้าต้องการจะซื้อถูกพวกเราซื้อไปหมดแล้วและเจ้าก็ไม่มีทางได้สมุนไพรพลังฌานไปแน่!”

ทันใดนั้น ฉีซูก็ตัวสั่นจนเกือบจะล้มลงไปที่พื้น

“เจ้ามันหน้าไม่อาย!”

“ในสงครามไม่มีคนแพ้ คนชนะ!” ฉีมั่วยิ้ม “จะบอกความจริงอะไรให้นะ เพื่อให้เจ้าทุกข์ทรมานมากขึ้น ข้าจะขายฉีหลิง นังเด็กโสโครกนั่นไปเป็นเจ้าสาวเด็กให้ใครสักคน เจ้าจะต้องไปส่งนางด้วยตัวเอง! และบุรุษที่ข้าหาให้นางก็เป็นชายแก่อายุมากกว่าเจ็ดสิบปี และเขาก็จะรับน้องสาวเจ้าไปเป็นนางบำเรอ”

ฉีซูหน้าซีดเผือด เขาจ้องหน้าฉีมั่ว “เสี่ยวหลิงเองก็เป็นคนของตระกูลฉีเหมือนกัน เจ้าไม่คิดว่าการทำแบบนี้มันเกินไปหรือ”

“ตระกูลฉีของพวกเราไม่มีขยะแบบนั้น! ถ้าเจ้าอยากปกป้องนาง พวกเราก็ไม่ต้องการเจ้าเหมือนกัน!” ฉีมั่วพูดอย่างเย็นชา

ฉีซูหลับตา ร่างกายของเขาสั่นสะท้านและใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ฉีมั่ว ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปแล้วว่าเมื่อสิบปีที่แล้วตระกูลฉีเป็นอย่างไร! ตระกูลฉีก็เป็นแค่ตระกูลที่ไม่มีอะไรเลยในเมืองเล็กๆ และไม่มีฐานะอะไรในแคว้นนี้ทั้งนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะอาจารย์ของข้าทั้งนั้น! เป็นนางที่นำตระกูลมาถึงฐานะทุกวันนี้! แม้แต่ภูเขาที่ตระกูลฉีควบคุมก็เป็นผลงานของนาง!”

เมื่อคิดถึงอดีต ฉีซูก็พลันรู้สึกเจ็บปวด

“สามปีที่แล้วตอนที่อาจารย์ยังอยู่ที่ตระกูลฉี เจ้าก็ปฏิบัติกับนางด้วยความเคารพและดูแลเสี่ยวหลิงอย่างดี จากนั้นพออาจารย์เดินทางไปสถานที่ที่อันตรายที่สุดในแคว้น ป่าบททดสอบสวรรค์ เพื่อที่จะหาทางรักษาเสี่ยวหลิง นางเพียงไม่ได้กลับมาสามปี เจ้าก็เลยคิดว่าอาจารย์ตายแล้วและก็เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อพวกเรา!”

ฉีซูลืมตา แต่แทนที่เขาจะดูโกรธ เขากลับดูสงบและใจเย็น

“เจ้าไล่พวกเราออกจากตระกูลฉีและยังอยากจะขายเสี่ยวหลิงให้ไปเป็นนางบำเรอ! เสี่ยวหลิงอายุแค่ห้าปี! เหตุใดเจ้าถึงกระตือรือร้นที่จะขายนางขนาดนั้น ถ้าอาจารย์รู้ว่าตัวจริงพวกเจ้าเป็นยังไงล่ะก็ นางไม่มีทางช่วยตระกูลฉีหรอก!”

ฉีมั่วฟังที่ฉีซูพูดด้วยรอยยิ้ม และไม่มีความอับอายบนใบหน้าแม้แต่น้อย