บทที่ 245 ตระกูลไร้ค่า

The king of War

“มัวพูดไร้สาระอยู่ได้ รีบไปต้อนรับสิ!”

เจิ้งหยันรีบเดินเข้าไปต้อนรับลั่วปิง

“สวัสดีครับประธานลั่ว!”

เจิ้งหยันเดินมาตรงหน้าลั่วปิง เขาโค้งตัวจนเกือบจะเก้าสิบองศา จากนั้นจึงกล่าวทักทาย

“นายคือ?”

ลั่วปิงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น

“ผมเจิ้งหยัน ผู้จัดการใหญ่ของเจิ้งเหอกรุ๊ปครับ!”

“ผมโจวอวี้เจี๋ยจากตระกูลโจวครับ วันนี้เป็นงานแต่งของ โจวข่ายลูกชายของผมครับ คิดไม่ถึงว่าประธานลั่วจะมาด้วยตัวเอง เป็นเกียรติของตระกูลโจวจริงๆ ครับ เชิญประธานลั่วข้างในเลยครับ!”

เจิ้งหยันกับโจวอวี้เจี๋ย สลับกันพูด สีหน้าของทั้งสอง เต็มไปด้วยความปลื้มใจ

ต้าเหอกรุ๊ปเปรียบเหมือนกำลังหลักของตระกูลเฉินและตระกูลหยวน ว่ากันว่ามีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลัง อีกทั้งคนที่เคยเป็นเจ้าของต้าเหอกรุ๊ปอย่างตระกูลหยาง คนใหญ่คนโตคนนั้นโดนลั่วปิงหักหลังจนย่อยยับ

ไม่ต้องถามก็พอเดาได้ว่าทำไม เจิ้งหยันกับโจวอวี้เจี๋ยถึงนอบน้อมต่อลั่วปิง

“ไสหัวไป!”

เมื่อลั่วปิงได้ยินชื่อทั้งสองคน สีหน้าเขาเย็นยะเยือก และแผดเสียงออกมาว่า “ตระกูลไร้ค่า มีสิทธิ์อะไรให้ฉันมาร่วมงานแต่งของลูกชายนาย”

เจิ้งหยันกับโจวอวี้เจี๋ยโดนตวาดต่อหน้าทุกคน สีหน้าของคนในงานตกใจเป็นอย่างมาก

โจวอวี้เจี๋ยไม่เท่าไร แต่เจิ้งหยันเป็นผู้สืบทอดเจิ้งเหอกรุ๊ป เจิ้งเต๋อหัวมอบบริษัทให้เขาดูแลแล้ว อีกไม่นาน เขาก็จะเป็นประธานของเจิ้งเหอกรุ๊ป

แต่โดนลั่วปิงตวาดใส่ต่อหน้าทุกคน โดยไม่ไว้หน้าเขาสักนิด

เจิ้งหยันอึ้งไป ขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัยขึ้นในใจ

บรรดาคนในงาน เขามีฐานะสูงสุด แต่ลั่วปิงไม่ได้มาหาเขา งั้นลั่วปิงมาหาใครกันล่ะ

อย่าบอกนะว่าลั่วปิงไม่ใช่คนใหญ่คนโตที่เจิ้งเต๋อหัวบอก

ลั่วปิงก็มาหาคนใหญ่คนโตเหมือนกันเหรอ

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจิ้งหยันรู้สึกตกใจมาก

แม้แต่ลั่วปิงยังต้องมาต้อนรับคนใหญ่คนโต คนๆ นั้นจะมีอำนาจแค่ไหนกันนะ

“นั่นประธานลั่วไม่ใช่เหรอ”

ฉินยีเห็นลั่วปิง จึงหันไปถามหยางเฉินด้วยสีหน้าตกใจ

หยางเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่ได้บอกให้ลั่วปิงมาที่นี่

ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ลั่วปิงมาที่โต๊ะของหยางเฉิน เขาทำเหมือนไม่เห็นหยางเฉิน และหันไปยิ้มให้ฉินยี “สวัสดีครับประธานฉิน!”

ฉินยีมีสีหน้าตกใจ เธอรีบพูดว่า “สวัสดีค่ะประธานลั่ว!”

จนกระทั่งตอนนี้ เธอก็ยังงุนงง เธอรู้ว่าลั่วปิงกับหยางเฉินเป็นอะไรกัน ตอนแรกเธอนึกว่าลั่วปิงมาหาหยางเฉิน แต่เขากลับทักทายเธอเท่านั้น และไม่พูดอะไรอีก

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่มองหยางเฉินสักนิด เหมือนคนไม่รู้จักกันอย่างไรอย่างนั้น

คนในงานเป็นญาติของตระกูลโจว พวกเขาอาจจะรู้จักต้าเหอกรุ๊ป แต่มีคนไม่มากที่จะรู้ว่าลั่วปิงคือใคร

แต่ก็มีแขกที่ไม่ใช่ญาติของคนตระกูลโจว รวมไปถึงเจ้าสัวนักธุรกิจที่เจิ้งหยันเชิญมาด้วย

พวกเขาล้วนรู้จักลั่วปิง

“สวัสดีครับประธานลั่ว ผมเป็น……”

“ไสหัวไป!”

นักธุรกิจที่เจิ้งหยันเชิญมาคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาลั่วปิง ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยทักทาย ก็โดนลั่วปิงตวาดใส่ต่อหน้าทุกคนอย่างไร้เยื่อใย

รอยยิ้มบนใบหน้าของคนนั้นชะงักไป แต่ฐานะและตำแหน่งของลั่วปิงสูงส่งมาก อย่าว่าแต่ตวาดพวกเขาต่อหน้าทุกคนเลย ถึงจะทำร้ายพวกเขา พวกเขาก็ไม่กล้าปริปากพูดแม้แต่คำเดียว

ตั้งแต่ตระกูลหยางย่อยยับ หลังจากที่ต้าเหอกรุ๊ปตกอยู่ในมือของลั่วปิง บริษัทแข็งแกร่งขึ้นมาก ต้าเหอกรุ๊ปกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองโจวเฉิง ภายในระยะเวลาเพียงแค่สองเดือน

ฐานะของลั่วปิง เทียบได้กับผู้นำตระกูลเฉินและตระกูลหยวน

ในสายตาของลั่วปิง เจิ้งเหอกรุ๊ปก็แค่ขยะ ไม่ต้องพูดถึงพวกเจ้าของธุรกิจกระจอกๆ ที่เจิ้งหยันเรียกมาด้วยซ้ำ

จู่ๆ ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยกับลั่วปิงอีก

หลังจากลั่วปิงเข้ามาในห้องบอลรูม นอกจากทักทายฉินยี เขาก็ไม่พูดอะไรสักคำ เหมือนกำลังรอใครบางคน

“ประธานเจิ้ง ลั่วปิงไม่สนใจพวกเราเลย!”

“เหมือนว่าเขากำลังรอใครอยู่”

“ไม่น่าจะใช่! ถึงจะเป็นเฉินซิงไห่กับหยวนชื่อหวู่ ก็ไม่น่าจะทำให้ลั่วปิงต้องรอนิ”

“คนที่สามารถทำให้ลั่วปิงรอได้ คงจะไม่ใช่คนใหญ่คนโตจากเมืองเอกหรอกนะ”

……

พวกนักธุรกิจที่โต๊ะเจิ้งหยันพูดคุยกันเสียงเล็กเสียงน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

เจิ้งหยันรู้สึกตกใจมาก เจิ้งเต๋อหัวแค่กำชับให้เขามางานแต่งของตระกูลโจว บอกว่าจะมีคนใหญ่คนโตมาที่ตระกูลโจว แต่นี่งานใกล้จะเริ่มแล้ว นอกจากลั่วปิง เขาก็ไม่เห็นคนใหญ่คนโตที่ไหนเลย

เห็นท่าทีของลั่วปิงเหมือนกำลังรอใคร ถ้าคนใหญ่คนโตที่ว่า มาถึงจริงๆ จากท่าทีที่ลั่วปิงทำกับเขา เขาคงไม่มีโอกาสไปใกล้ชิดกับคนใหญ่คนโตอย่างแน่นอน

“นายมาได้ยังไง”

ขณะนั้น หยางเฉินถามขึ้น

ลั่วปิงอึ้งไป การที่เขาทำเป็นไม่รู้จักหยางเฉิน เพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเขากับหยางเฉินจะถูกเปิดเผย

แต่ทว่าตอนนี้ หยางเฉินกลับเป็นฝ่ายถามขึ้น

เขาไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากมาย รีบเปลี่ยนที่นั่งไปข้างหยางเฉิน และพูดเบาๆ ว่า “ประธาน ผมได้ข่าวว่าเฉินซิงไห่จะมาที่นี่ เขาบอกว่าคุณฆ่าหลายชายของเขา”

“หึ! รนหาที่ตาย!” หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ประธานครับ คุณวางใจเถอะ ผมเตรียมการไว้แล้ว ถ้าพวกนั้นกล้าทำอะไรคุณ ตระกูลเฉินรอวันย่อยยับได้เลย!”

ลั่วปิงพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ

หยางเฉินรู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นลั่วปิงมาคนเดียว แต่กลับมั่นใจว่าจะทำลายตระกูลเฉินได้

ดูเหมือนว่าลั่วปิงจะเตรียมการไว้ในเมืองโจวเฉิงเรียบร้อยแล้ว ไม่แน่ลั่วปิงอาจจะทำเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ให้เขาก็ได้

ถึงจะสงสัย แต่หยางเฉินไม่ได้ถามอะไร กลับกันเขารู้สึกคาดหวังว่าลั่วปิงจะทำได้แค่ไหน

เจิ้งหยันมองลั่วปิงก้มหัวกระซิบกระซาบกับหยางเฉิน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ลั่วปิงรู้จักไอ้หมอนั่นได้ยังไง”

เมื่อวานเขาเจอหยางเฉินที่ตระกูลโจว เห็นชัดๆ ว่าหยางเฉินก็แค่ลูกเขย ที่แต่งเข้ามาอยู่บ้านผู้หญิง

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ลั่วปิงไม่แม้แต่จะสนใจเขา แต่ทำไมถึงไปคุยกับลูกเขยที่แต่งเข้ามาอยู่บ้านผู้หญิงคนนั้นล่ะ

ไม่เพียงแค่เจิ้งหยัน คนในตระกูลโจว ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน

เมื่อครู่ พวกเขารู้แล้วว่าลั่วปิงคือใคร ตอนนี้ในใจของพวกเขา มีเพียงความตกตะลึงและสงสัย ทำไมลั่วปิงถึงมาร่วมงานแต่งของตระกูลโจว

แต่ทว่าตอนนี้ ลั่วปิงคุยกับหยางเฉินอย่างออกรส เหมือนจะสนิทกันมากด้วย

“ยู่ชุ่ย หยางเฉินรู้จักประธานลั่วเหรอ”

นายท่านตระกูลโจวที่นั่งตรงโต๊ะข้างหน้าสุด หันมาถามโจวยู่ชุ่ยอย่างสงสัย

โจวยู่ชุ่ยแสยะยิ้ม “มันก็แค่ใช้ชื่อเสียงขอลูกสาวหนู ไม่งั้นมันมีสิทธิ์อะไรไปนั่งกับประธานลั่วล่ะคะ”

“พี่พูดอย่างนี้ แสดงว่าเสี่ยวยีกับประธานลั่วรู้จักกันดีอย่างนั้นเหรอ เมื่อกี้ฉันเห็นประธานลั่วเป็นฝ่ายทักเสี่ยวยีก่อนด้วย” โจวอวี้หรงพูดด้วยสีหน้าตกใจ

สองสามวันนี้โจวยู่ชุ่ย ต้องรองรับอารมณ์คนในตระกูลไม่น้อย ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอจะอวดบ้างแล้ว “ตอนนี้เสี่ยวยีเป็นผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเชียวนะ แต่พวกเธออาจจะไม่รู้ ก่อนหน้านี้ ประธานลั่วเป็นผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป พูดก็พูดเถอะ เสี่ยวยีก็เหมือนคนที่ประธานลั่วปลูกปั้นมาให้รับตำแหน่งแทน”

เมื่อกี้เธอได้ยินว่าตอนนี้ประธานลั่วเป็นผู้จัดการใหญ่ของต้าเหอกรุ๊ป บริษัทอันดับหนึ่งในเมืองโจวเฉิง ฐานะเทียบได้กับผู้นำตระกูลไฮโซในเมืองโจวเฉิงเลยล่ะ