“นายท่าน ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี พวกเราควรกลับไปหรือไม่” ฉานนู่ถาม

“จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่ง่ายนักที่จะเข้ามาได้ อย่างน้อยต้องเก็บเกี่ยวบางอย่างติดมือกลับไปเสียหน่อย” กู่ฉิงซานกล่าว

“เก็บเกี่ยวอะไร” ฉานนู่ถาม

กู่ฉิงซานชี้ไปที่เท้าแล้วกล่าวว่า “นี่คือที่ที่สมบัติซ่อนอยู่ ข้าถ่วงเวลานานแล้ว คาดว่าเซี่ยกูหงคงเลือกสมบัติก่อนออกจากที่นี่ไปแล้ว ดังนั้นถึงตาข้าที่ต้องเลือกบ้างล่ะ”

“สมบัติหรือ ของแบบไหนที่นายท่านอยากเลือกล่ะ” ฉานนู่ถามด้วยความสงสัย

“อืม…ข้ากำลังคิดเหมือนกัน…นี่ก็ชั้นที่สามสิบสามแล้ว จากที่ดูสถานการณ์มาตลอดทาง ยิ่งจำนวนชั้นสูงเท่าไหร่ ของยิ่งน้อยลง มูลค่าของมันก็ยิ่งสูงตามไปด้วย ดังนั้น”

ตอนนี้ กู่ฉิงซานครุ่นคิดถึงบางสิ่งแล้วพลันกล่าวเสียงดังว่า “จริงสิ ฉานนู่ เจ้ายังอยู่ในสภาพมนุษย์เหมือนเดิมใช่หรือไม่”

“ใช่แล้ว นายท่าน ข้าต้องกลับเป็นสภาพร่างวิญญาณดาบของตัวเองก่อนหรือ” ฉานนู่ถามด้วยความสับสน

“ไม่ต้อง!” กู่ฉิงซานรีบห้ามนาง

“อา ทำไมล่ะ” ฉานนู่สับสน

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ตอนนี้พวกเรามีสองคน หรือก็คือพวกเราสามารถเลือกสมบัติก่อนออกไปจากที่นี่ได้สองชิ้น”

เขาตื่นเต้นเล็กน้อย

นานมากแล้วที่จะได้ผลประโยชน์ที่ดีแบบนี้

แม้กระทั่งชุดเกราะที่เขาสวมไปแนวหน้าเมื่อคราวที่แล้วก็ยังยืมมาจากผู้ใช้วิชาวิญญาณอัคคี

นั่นคือเกราะประจำตระกูลของผู้ใช้วิชาวิญญาณอัคคี

น่าเสียดายที่ผู้ใช้วิชาคนนี้ไม่มีเกราะศึก เขาจึงตายอยู่ที่แนวหน้า

ภายหลัง เมื่อการต่อสู้จบลง กู่ฉิงซานไปพบตระกูลของผู้ใช้วิชาวิญญาณอัคคีก่อนส่งเกราะคืนให้อย่างเงียบๆ

ในตอนนั้น เขาไม่เพียงส่งเกราะกลับเท่านั้น แต่ยังส่งทรัพยากรการฝึกฝนจำนวนมากให้บ้านของอีกฝ่ายเพื่อลูกชายของผู้ใช้วิชาวิญญาณอัคคีอีกด้วย

ใช่แล้ว นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของภาพทับซ้อนแห่งยุค ไม่ใช่ช่วงมิติและเวลาที่แท้จริงของยุคอดีต

แต่กู่ฉิงซานไม่ยอมทิ้งความไว้วางใจจากสหายของเขาไม่ว่าตัวตนของอีกฝ่ายจะเป็นอะไรก็ตาม

ฉานนู่มองรอบข้างก่อนถามว่า “นายท่าน มีของหลายสิ่งที่มีค่าแม้จะปรายตามองเพียงหนเดียว ท่านยังไม่ได้เลือกพวกมันอย่างนั้นหรือ”

ชั้นนี้เต็มไปด้วยวัตถุดิบโบราณที่หาในโลกได้ยาก สามารถใช้สร้างอาวุธวิเศษทรงพลังทุกชนิดได้

นอกเหนือจากชั้นนี้ ทั้งวิหารเต๋าคือโลกสมบัติของยุคโบราณ

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ไม่ วัตถุดิบเหล่านี้จำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อหาวิธีใช้ ถ้าเจ้าอยากจัดการกับวัตถุดิบเหล่านี้ก็ต้องมีรากฐานการฝึกฝนระดับสูงกับวิชาที่สอดคล้องกัน พวกเราไม่มีเวลาขนาดนั้น”

“ดังนั้น ไปดูชั้นต่อไปกันเถอะ!”

“เข้าใจแล้ว นายท่าน” ฉานนู่มองวัตถุดิบหายากด้วยความเสียดายก่อนตอบออกไปเช่นนั้น

ทั้งสองเหาะไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายพริบตาก่อนมุ่งสู่ชั้นต่อไป

ชั้นที่สามสิบสี่

กู่ฉิงซานหันรอบข้างช้าๆ

บางครั้ง เขาก็สัมผัสและมองรอบข้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ฉานนู่ถามว่า “นายท่าน ไหนท่านบอกว่าชายชราอยากรีบไปเพราะกลัวว่าเทพที่แท้จริงจะมาไม่ใช่หรือ”

“อา ใช่” กู่ฉิงซานตอบอย่างไม่ใส่ใจขณะเล่นกับหอยสังฆ์น้ำแข็ง

“แล้วทำไมนายท่านไม่รีบเลือกของแล้วหนีล่ะ นายท่านไม่กลัวว่าเทพนิรันดร์ที่แท้จริงจะมาหรือ” ฉานนู่ถามด้วยความสงสัย

กู่ฉิงซานกลับเป็นฝ่ายสงสัย “ทำไมเขาต้องมาล่ะ เป้าหมายก็บรรลุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ชายชราจะต้องบอกเขาว่าข้าหนีไปแล้วอย่างแน่นอน”

“นายท่านมั่นใจหรือ”

“ช่างเถอะ อีกฝ่ายคงต้องคุ้มกันเซี่ยกูหงด้วยความระวังแน่เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยกูหง”

“แล้วถ้าเกิดเขาอยากมาตรวจสอบล่ะ” ฉานนู่ถามด้วยความไม่เต็มใจ

“ถ้าเจ้าไม่มั่นใจขนาดนั้น” กู่ฉิงซานหยิบยันต์เคลื่อนย้ายพริบตาออกมาแล้วกล่าวว่า “อย่างแรกเลย วิหารเต๋าแห่งนี้ยอมให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เข้ามาเท่านั้น ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะพังสิ่งปลูกสร้างนี้ได้ อีกอย่าง ข้าลองดูแล้ว ไม่มีอะไรมาขัดขางยันต์เคลื่อนย้ายพริบตา เจ้าสามารถไปที่ไหนก็ได้”

ฉานนู่โล่งอกใจก่อนกล่าวว่า “ข้าวางใจจริงๆ ที่ชายชราคนนั้นเตรียมเอาไว้ให้ท่าน”

“เอาเถอะ เจ้าเองก็มาช่วยข้าเลือกหน่อยสิ” กู่ฉิงซานกล่าว

ฉานนู่คือวิญญาณดาบ นางมองทุกสิ่งในมุมที่ต่างออกไป ดังนั้นนางอาจจะสามารถเลือกของที่ดีเพื่อตัวเองได้

“เข้าใจแล้ว” ฉานนู่กล่าว

ทั้งสองแยกกันเดินทั่วชั้นที่สามสิบสี่

ใช้เวลาไม่นานนัก

“นายท่าน มานี่!” ฉานนู่ตะโกนจากจุดที่ไกลลิบ

กู่ฉิงซานเดินไปหา

“ดูสิ!” ฉานนู่ชี้ไปที่ชุดเกราะ

กู่ฉิงซานชำเลืองมอง

เบื้องหน้าทั้งสองคือชุดเกราะศึกรูปงามเป็นประกายเล็กน้อยกำลังลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบงัน

“เออ…แทบจะเป็นชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลยล่ะ” กู่ฉิงซานออกความเห็น

“ใช่ไหมล่ะ เมื่อครู่ข้าลองฟันดู แต่ไม่มีรอยอะไรเลย นี่จะต้องเป็นชุดเกราะหายากอย่างแน่นอน”

ฉานนู่กล่าวต่อว่า “นายท่านคือผู้ใช้วิชาดาบ สิ่งที่ท่านต้องการคือชุดเกราะที่มีการป้องกันดีเยี่ยม ดังนั้นหากเลือกสิ่งนี้ก็นับว่าไม่เลว”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ก็จริง ถ้าผู้ใช้วิชาดาบมีชุดเกราะที่เหมาะสม ในสมรภูมิย่อมทรงพลังมากอย่างแน่นอน แต่ว่า…”

“แต่ว่าอะไรหรือ” ฉานนู่ถาม

“ฉานนู่ เจ้ายังไม่รู้หรือ นี่คือชุดเกราะผู้หญิง ตรงส่วนเอวมันไม่พอดีกับข้า” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาพลันเข้าใจก่อนยิ้มออกมา “เจ้าอยากลองสวมชุดนี้หรือไม่ ฉานนู่”

“ข้าหรือ” ฉานนู่ประหลาดใจ

“ใช่แล้ว ถ้าเจ้าอยากได้ชุดนี้ก็เอาไปได้เลย ยังไงเสีย ข้าก็คิดว่าชุดที่ทรงพลังพบเจอได้ยากยิ่งนัก” กู่ฉิงซานกล่าว

ฉานนู่โบกมือซ้ำไปมาแล้วกล่าวว่า “นายท่าน ท่านลืมไปแล้วหรือ ข้ามีคุณลักษณะอมตะ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด”

ดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพครอบครองพลังเหนือธรรมชาติ: อมตะ

“อมตะ: ทุกกฎเกณฑ์และพลังในโลกทั้งสิบทิศไม่สามารถทำลายดาบเล่มนี้ได้”

กู่ฉิงซานครุ่นคิด “แต่ตอนเจ้าอยู่ในยมโลก เจ้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสนะ”

ฉานนู่กล่าวว่า “ข้าเคยบอกท่านแล้วว่ากำลังหลับอยู่จนติดกับก่อนลูกหลานเผ่าพันธุ์เทพเข้ามาทำร้ายด้วยวิชาพิเศษที่เล่นงานวิญญาณของอุปกรณ์ ความจริง ตอนนี้ข้าก็มีนายท่านอยู่แล้ว พวกเขาไม่มีโอกาสทำร้ายข้าได้อีกเป็นหนที่สอง”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอีกสักพัก

ใช่แล้ว ไม่มีอะไรในยมโลกที่สามารถปัดป้องหอกหลากสีสันในตอนนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงไปขอให้อาวุธยมโลกตามหาสิ่งที่สามารถต้านทานหอกหลากสีสันได้

นั่นก็คือฉานนู่

“เพราะงั้นเจ้าเลยไม่อยากสวมชุดนี้แต่อยากให้ข้าสวมแทนสินะ…แต่ข้าเป็นผู้ชาย” กู่ฉิงซานกล่าว

ฉานนู่กล่าวว่า “ทองพันชั่งหาง่าย แต่เกราะนั้นหายาก ดังนั้นโปรดอย่ารู้สึกผิดไปเลย นายท่าน ตราบที่ท่านกลายเป็นข้าก็สามารถสวมชุดเกราะนี้ได้”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

ถ้ากลายเป็นฉานนู่ก็เท่ากับกลายเป็นผู้หญิง

หากเขากลายเป็นผู้หญิงก็สามารถสวมชุดเกราะโบราณของผู้หญิงได้ทุกเมื่อ

หื้ม…แบบนี้ก็นับว่าไม่เลวจริงๆ …

ไม่เลวก็แย่แล้ว!

ความคิดนี้อันตรายเกินไป เขาไม่เคยคิดที่จะเป็นผู้หญิงมาก่อนด้วยซ้ำ!

กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเผยยิ้มอ่อนโยนให้ฉานนู่ “เอาเถอะ ถือว่าเจ้ายังมีหัวใจ ไว้ข้าจะมาดูอีกรอบละกัน ถ้าไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ข้าจะเลือกชุดนี้ก็ได้”

“เข้าใจแล้ว” ฉานนู่กล่าวอย่างมีความสุข

หลังออกจากเส้นทางสู่ยมโลกจนได้พบโลกมากมาย วิสัยทัศน์และความคิดของฉานนู่เริ่มเปลี่ยนไปช้าๆ

ถึงแม้ความต้องการจะยังคงอยู่ แต่นางมีความสุขที่สามารถช่วยเขาเลือกชุดได้

กู่ฉิงซานเริ่มสำรวจอีกครั้ง

ครั้งนี้ ฝีเท้าของเขาเร็วขึ้น

ระหว่างทางมีหลายสิ่งที่ดูดี แต่ไม่คล้ายกับมีสิ่งไหนที่เหมาะกับเขา

มีหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย

กู่ฉิงซานพลันเห็นบางสิ่ง

เขาหยุดขณะเดินไปหาสิ่งนั้นๆ

มันคือจี้หยกที่สลักจากชิ้นหยกขาว เมฆหมอกเลือนรางไหลหลั่งออกมาขณะปกคลุมรูปทรงของจี้หยกเอาไว้

เมื่อกู่ฉิงซานมองจี้หยก เมฆหมอกบนจี้หยกหายไปสิ้น เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของจี้หยก

มันคือน้ำเต้าหยก

เมื่อเห็นหมู่เมฆกระจายตัว กู่ฉิงซานเพียงหยุดนิ่ง

เขากระซิบ “มานี่”

จี้หยกลอยขึ้นในอากาศช้าๆ ก่อนลอยไปหากู่ฉิงซาน

ฉานนู่ประหลาดใจก่อนกล่าวว่า “นายท่าน นี่มัน”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ใช่แล้ว คนเลือกสิ่งของ สิ่งของเองก็เลือกคนเช่นกัน มันอาจจะคิดว่าข้าสมควรได้รับก็ได้”

คาดไม่ถึง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกย่อยก่อนหน้านี้

กู่ฉิงซานไม่ได้รับผลย้อนกลับใดๆ แต่ได้รับการยินยอมจากจี้หยก

นี่เป็นสิ่งที่วิเศษยิ่งนัก

กู่ฉิงซานยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับฉานนู่ขณะรอให้จี้หยกลอยมาหา

เวลาผ่านไปสิบอึดใจ

จี้น้ำเต้าหยกลอยมาหาอย่างเชื่องช้า มันยังไม่มาอยู่ข้างกู่ฉิงซาน

ฉานนู่มองจี้น้ำเต้าหยกพลางขมวดคิ้ว “ในเมื่อมันอยากติดตามนายท่าน ทำไมถึงได้ลอยมาหาช้านัก”

จี้น้ำเต้าหยกสั่นสะท้านก่อนเพิ่มความเร็วเล็กน้อย

แต่ก็ยังนับว่าช้ามากอยู่ดี

กู่ฉิงซานใช้วิชาควบคุมวัตถุก่อนเก็บจี้หยกมา

“นายท่าน” ฉานนู่กล่าวด้วยความสับสน

“หนึ่งร้อยล้านปีเป็นเวลาที่นานเกินไป ข้าเลยคิดว่ามันต้องใช้พละกำลังช่วยเสียหน่อย ความจริง ข้าก็ชอบพอมันเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องแสดงความจริงใจเสียหน่อย”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างมีอารมณ์ออกมา

ฉานนู่ยิ้มเล็กน้อย “สุภาพบุรุษย่อมไร้เหตุผล แต่จี้หยกเหมาะกับนายท่านจริงๆ ”

“สุภาพบุรุษไม่กล้าที่จะทำตัวเยี่ยงสุภาพบุรุษ แต่กล้าทำตัวเยี่ยงผู้ใช้วิชาดาบ” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาจ้องมองจี้น้ำเต้าหยก แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“วัตถุโบราณ จี้หยก: เหวยจุน”

“จี้หยกนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นการเปลี่ยนสภาพตามกาลเวลจากโลกบรรพกาล มักซ่อนในสิ่งที่มองไม่เห็น จะปรากฏขึ้นเมื่ออยากพบเจอผู้คนเท่านั้น”

“จี้หยกนี้มีพลังวิเศษ: การหยิบยืมจากจักรวาล”

“จี้หยกนี้มีพลังวิเศษ: ร้อยแสงสาดส่อง”

“จี้หยกนี้มีพลังวิเศษ: หยกไร้ข้อบกพร่อง”

“คำอธิบาย: เมื่อจี้หยกบอกท่านเป็นการส่วนตัว ถึงตอนนั้นจึงจะรู้คุณลักษณะพิเศษของพลังวิเศษที่ข้องเกี่ยวกัน”

ขณะมองข้อความสุดท้าย กู่ฉิงซานอดที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยไม่ได้

ในบรรดาสิ่งที่เขาได้สัมผัสนั้นมีแต่สิ่งที่ทรงพลังทั้งนั้น สถานการณ์เช่นนี้นับว่าเกิดขึ้นได้

ดาบพิภพ ดาบคลื่นเสียง ฉานนู่บอกกู่ฉิงซานเป็นการส่วนตัวว่าพลังที่นางครอบครองนั้นคืออะไร

สถานการณ์เหล่านี้ก็เคยเกิดขึ้นกับดาบบิน

ตอนนี้ จี้หยกขนาดเล็กก็สามารถไปถึงระดับนี้ได้เช่นกัน

กู่ฉิงซานพลันเหลือบสายตามามองแถวหิ่งห้อยขนาดเล็กแถวที่สอง

หากทำความเข้าใจในความหมายดังกล่าว มันก็หมายความว่าจี้หยกอยากพบใครสักคนก่อนจะเริ่มปรากฏตัวขึ้นมา

ยกเว้นในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครสามารถพบได้ในช่วงเวลาปกติ

นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

กู่ฉิงซานพึมพำกับตัวเอง “มันดูสุดยอดมากเลย”

“ฟิ่ว…”

มีเสียงตอบสนองแผ่วเบามาจากจี้น้ำเต้าหยก

………………………………..