ลูเซียนไม่คาดคิดเลยว่าเมืองสเติร์กจะตกอยู่ในความวุ่นวายมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่ามีอุปสรรคเหนือความคาดหมายขวางทางอยู่ตรงหน้าเขา สกัดกั้นเขาจากการเดินไปข้างหน้าและมุ่งสู่โลกที่เขาใฝ่ฝัน ทว่า ลูเซียนไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากสภาเวทมนตร์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น และจะไม่มีอะไรมาหยุดเข้าได้

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาผู้นั้นคือคนทรยศ” ลูเซียนถามอย่างใจเย็น “เขาชื่ออะไร”

หากว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะยอมตกเป็นเครื่องมือของผู้ประสานงาน เขาก็จำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างชัดเจนเสียก่อน

“แฮร์ริสัน บราวน์ นั่นคือชื่อของเขา” ฝีพายตอบอย่างจริงจัง “เขาปลุกพรขึ้นมาแล้วตามที่ข้าบอก และเขาก็อัศวินระดับหนึ่ง เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เขาเพิ่งรับเหรียญตราอัศวินเป็นรางวัลด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เขาปกป้องเกียรติยศของพระเจ้าได้ด้วยการชำระล้างแกะหลงทางเกือบห้าสิบตัว’…นั่นคือสิ่งที่เขียนบรรยายไว้ในหนังสือพิมพ์ เจ้าสามารถไปหารายงานนี้ได้จากสเติร์กนิวส์ หากว่าเจ้าไม่เชื่อข้าแล้วล่ะก็”

แต่แล้ว ฝีพายก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดนั้นยากเย็นสำหรับเขาอย่างยิ่ง “สุนทรพจน์ในพิธีมอบรางวัลของหมอนั่น มันไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด นักเวทฝึกหัดเหล่านั้นที่ต้องสังเวยชีวิตให้มัน… พวกเขายังเป็นเพียงเด็กน้อย… ส่วนใหญ่อายุเพียงสิบสองสิบสามปีเท่านั้น และพวกเขาก็เพิ่งจะได้รู้จักกับโลกแห่งอาร์คานา แต่พวกเขากลับต้องมาตายไปพร้อมกับความหวังและความศรัทธาในเวทมนตร์”

เมื่อเห็นสีหน้าของฝีพาย ลูเซียนก็พยักหน้า “แน่นอนว่าข้าจะต้องไปตรวจสอบดูว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ แต่ข้ายังมีอีกคำถามหนึ่ง”

“ว่ามาสิ” ฝีพายจ้องมองใบหน้าแข็งทื่อของลูเซียน

“จากประสบการณ์ของข้าแล้ว เพื่อที่จะปกป้องคนทรยศ ทางโบสถ์จะมอบรางวัลให้พวกเขาอย่างลับๆ หรือไม่ก็ให้พวกเขาเข้าร่วมกลุ่มผู้พิทักษ์ราตรีโดยตรง ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่าคนทรยศจะได้รับรางวัลแบบที่สภาประจำเมืองจัดพิธีเปิดเช่นนี้… บางที… นี่อาจจะเป็นกับดัก” ลูเซียนคาดเดา

“เยี่ยมมาก” ฝีพายปรบมือเบาๆ “แต่ข้าได้บอกเจ้าหรือว่านี่ไม่ใช่กับดัก”

“…” ลูเซียนหมดคำจะกล่าว

“เราจำเป็นต้องสังหารเขา และเราจะต้องสังหารเขา” น้ำเสียงของฝีพายเริ่มแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ “สำหรับการป้องกัน หากเจ้าไม่มาอยู่ที่นี่ เราก็ยังจะพยายามสังหารเขาอยู่ดี” ฝีพายพูดต่อ “แต่เป็นการดีกว่าหากจะมีคนนอกองค์กรของเราทำงานนี้ให้ลุล่วง”

“เช่นนั้น หากว่าข้าทำพลาด พวกเจ้าก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ” ลูเซียนพูดอย่างตรงประเด็น

“นั่นเป็นความจริง ก็แล้วแต่เจ้าจะคิด” ฝีพายยักไหล่ “เจ้าจะปฏิเสธงานนี้ก็ได้ แน่นอน หากเจ้าเลือกทางนั้น เจ้าก็ทิ้งวิธีการติดต่อเอาไว้ แล้วเมื่อไรที่มีใครสามารถพิสูจน์ว่าเจ้ามือสะอาดจริงๆ มาที่สเติร์ก เจ้าก็มาบอกข้า แต่หากเจ้าอยากจะไปเมืองอัลลินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าว่าการรับงานนี้คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า”

“ข้าจะได้รับการสนับสนุนอะไรจากเจ้าบ้าง” ลูเซียนถาม “เจ้าก็รู้ว่างานนี้มันอันตรายแค่ไหน”

“หากถึงยามจำเป็น เราก็มีวิธีการดึงความสนใจของผู้พิทักษ์ราตรีเพื่อให้เจ้ามีสมาธิลงมือสังหารแฮร์ริสัน บราวน์” ฝีพายตอบ จากนั้นจึงกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตราบใดที่เจ้าสามารถสังหารมันได้ เราก็จะยินดีต้อนรับสหายใหม่มาร่วมกลุ่มกับเราด้วยความยินดีอย่างยิ่ง”

“พรของแฮร์ริสันคืออะไร เขามีอาวุธวิเศษหรืออุปกรณ์เวทมนตร์อะไรหรือไม่ กิจวัตรประจำวันของเขาเป็นอย่างไร” ลูเซียนถาม “ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับเขาอยู่แล้วมากมาย”

พูดกันโดยทั่วไปแล้ว นักเวทคนหนึ่งสามารถสังหารอัศวินที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ไม่ยาก ดังนั้นลูเซียนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเขาทำงานนี้ไหว ในกรณีนี้ เครื่องมือของศัตรูเช่นอาวุธหรืออุปกรณ์วิเศษอื่นๆ นั้นเป็นปัจจัยในการต่อสู้ที่ควบคุมไม่ได้มากที่สุด

“ยอดเยี่ยม” ฝีพายกล่าวเช่นนั้นเพราะเขาชอบการพูดคุยกับนักเวทฉลาดๆ “ ‘ฟื้นฟู’ นั่นคือพรของบราวน์ มีต้นกำเนิดมาจากพลังแฝงที่อยู่ในเลือดของพวกโทรลล์ แข็งแกร่ง รวดเร็ว… และตราบใดที่มันยังไม่ถูกตัดศีรษะ ชิ้นส่วนร่างกายมันก็จะงอกกลับมาใหม่ได้เสมอ จนกว่าพลังของร่างกายจะหมดไป จุดอ่อนน่าจะเป็นพิษและไฟ เพราะมันสามารถป้องกันอวัยวะภายในจากการงอกกลับมาใหม่ได้”

ลูเซียนพยักหน้าขณะรับฟังอย่างตั้งใจ

“ส่วนอาวุธของมัน ใช่ มันมีหอกสั้นระดับหนึ่งที่อยู่ในขั้นอาวุธวิเศษ ชื่อว่า ‘โรยรา’ ที่มีพิษเคลือบเอาไว้ ชิ้นนี้ได้มาจากสภาประจำเมือง แล้วมันก็ได้รับรางวัลจากทางศาสนจักรเป็นโล่วิเศษระดับสอง ‘นักล่าปีศาจ’ ซึ่งพัฒนามาจากพลังป้องกันตัวของมันเพื่อให้มีพลังเทียบเท่าอัศวินระดับสอง โล่นั้นยังสามารถดูดซับการโจมตีจากพลังธาตุได้ประมาณหนึ่ง ส่วนอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์หรือเวทมนตร์อื่นๆ เราไม่รู้เลย และกิจวัตรประจำวันของมันคือ…” ฝีพายกล่าวสาธยาย

จากคำพูดของอีกฝ่าย ลูเซียนวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาและพยายามประเมินโอกาสความเป็นไปได้ที่เขาจะสังหารชายผู้นั้นสำเร็จ บราวน์แทบจะไม่ยอมให้ใครไปเยี่ยมเยือนเขา เว้นแต่ว่าผู้มาเยือนจะเป็นคนจากโบสถ์หรือเป็นขุนนางคนสำคัญ เขาแทบไม่ออกไปไหน เขาชอบงานศิลป์อย่างภาพวาดและหุ่นขี้ผึ้ง เขากำลังจะย้ายไปแลนซ์ เมืองศักดิ์สิทธิ์ ในอีกห้าเดือนหลังจากนี้…

เมื่อฝีพายบอกข้อมูลทุกอย่างกับเขาแล้ว ลูเซียนจึงถามว่า “สรุปแล้วคือ…บราวน์กำลังจะไปร่วมงานเปิดตัวพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งซอกัสในวันมะรืนนี้ ใช่หรือไม่”

“ใช่ ในช่วงเช้า เขาจะไปร่วมเพราะว่าหุ่นของเขากำลังจะตั้งแสดงที่นั่นเช่นกัน” ฝีพายพยักหน้า “หากเจ้าต้องการให้เราดึงความสนใจของพวกผู้พิทักษ์ราตรีตอนที่เจ้าลงมือ ได้โปรดบอกเราล่วงหน้าด้วย”

“ข้าจะทำเช่นนั้น” ลูเซียนกล่าวด้วยสีหน้าแข็งทื่อ

หลังจากตกลงวิธีการติดต่อกันอย่างลับได้แล้ว ลูเซียนก็ขึ้นเรือแล้วใช้ทั้งวิธีของนักเวทและอัศวินในการขจัดร่องรอยทุกอย่างของเขา

ในวันที่สอง เวลาเที่ยงคืน ลูเซียนโผล่มาอยู่ข้างๆ สะพานหินโค้งโดยสวมผ้าคลุมยาวสีดำ สะพานนั้นเป็นหนึ่งในสะพานที่จำเป็นต้องใช้เพื่อข้ามจากฝั่งบ้านของบราวน์เพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งซอกัส เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สะพานนี้ดีกว่าอีกสะพานมาก เพราะเส้นทางนั้นต้องอ้อมไปไกลเกิน

นอกจากนี้แล้ว ตามข้อมูลที่ลูเซียนมี พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่จะเปิดตัวในวันพรุ่งนี้มีชื่อเสียงมากในเมืองสเติร์ก ดังนั้นขุนนางและพ่อค้าแม่ค้าผู้มั่งคั่งทั้งหลายต้องจะมาร่วมงานฉลองนี้เช่นเดียวกัน ในเวลานั้น เส้นทางน้ำรอบๆ นี้คงจะเต็มไปด้วยเรือ ดังนั้น แม้ว่าบราวน์จะตัดสินใจมาที่นี่ทางเรือ เขาก็จำเป็นจะต้องลงจากเรือบนฝั่งใกล้ๆ แล้วข้ามสะพานนี้เพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์

ท้องนภาคืนนี้มีดวงดาวอยู่มากมาย ประกายแสงของมันสะท้อนอยู่บนคลื่นน้ำ ให้ความรู้สึกราวกับภาพฝัน

ลูเซียนกดมือทั้งสองข้างแนบกับสะพาน จากนั้นจึงอ้าปากแล้วกรีดเสียงร้องอย่างเงียบงัน

ระลอกคลื่นที่ก่อเกิดจากฝ่ามือของลูเซียนส่งตรงไปยังสะพานหิน แล้วจากนั้นคลื่นก็สะท้อนกลับมาหาเขา ลูเซียนปรับคลื่นความถี่ไปทีละนิดๆ ตามที่ได้รับผลสะท้อนกลับมา แล้วไม่นานจากนั้น สะพานหินก็เริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง

นี่ก็คือ ‘เวทหัตถ์กวัดแกว่งศาสตราจารย์’

เมื่อสะพานใกล้จะพังทลายลง ลูเซียนก็หยุดมือทันที หลังจากที่สะพานหยุดนิ่งลงในที่สุด สภาพมันก็ดูเหมือนกับเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด

แต่ความจริงแล้ว โครงสร้างภายในของสะพานหินนั้นเสียหายอย่างหนัก แม้ว่ามันจะยังไม่ถล่มลงมาในตอนนี้ แต่เมื่อใดที่บนสะพานมีน้ำหนักในปริมาณหนึ่ง ลูเซียนก็คาดว่าผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปจะต้องเกิดขึ้นเป็นแน่

เรือหัวแหลมลำสีดำของแฮร์ริสัน บราวน์ ค่อยๆ หยุดลงและถูกมัดติดไว้กับเสาไม้บนถนนข้างคลอง แล้วจากนั้น แฮร์ริสัน บราวน์ ก็ก้าวลงจากเรือโดยมีผู้อารักขาคอยปกป้อง เมื่อเหลือบไปมองเรือลำหรูอีกลำที่อยู่อีกฝั่งถนน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา เขาหวังเหลือเกินว่าตนจะมีสถานะในสังคมเทียบเท่ากับเจ้าของเรือลำนั้น

จากนั้นเขาก็เริ่มมุ่งหน้าไปทางสะพานหินที่อยู่ห่างจากจุดที่ยืนประมาณหนึ่งร้อยเมตร

ทุกๆ อย่างยังปกติเหมือนทุกที

ทว่า บราวน์ยังคงตื่นตัวอย่างถึงที่สุด แม้เขาจะทราบว่าบริเวณนี้มีผู้พิทักษ์ราตรีคอยปกป้องเขาอยู่อย่างลับๆ แต่เขาก็ยังระมัดระวังตัวแจ

เขาเกลียดที่ทางศาสนจักรต้องการให้เขาแสดงตัวในที่สาธารณะบ้างเป็นครั้งคราว แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตาม เขาทำได้เพียงหวังว่าเขาจะยังเอาตัวรอดได้ตลอดเวลาหลายเดือนข้างหน้านี้ แล้วจากนั้นเขาก็จะย้ายไปยังเมืองแลนซ์และใช้ชีวิตที่นั่นอย่างมีความสุข

ในขณะที่บราวน์กำลังเหม่อลอยครุ่นคิด เขากับผู้อารักขาก็ก้าวขึ้นไปบนสะพาน

ใกล้กับสะพานนั้น ลูเซียนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ ก็พยักหน้าให้กับชายที่นั่งอยู่บนรถม้า “ช่วยส่งโลหะเหล่านี้ไปที่โรงการค้าด้วย และนี่คือค่าจ้างของเจ้า”

คนขับรถม้าหนุ่มแย้มยิ้มกว้างจริงใจ “ไม่มีปัญหาขอรับ ท่าน”

ทันทีที่รถม้าแล่นไปช้าๆ ลูเซียนก็รีบลงเรือที่จอดอยู่ข้างๆ

เมื่อคนขับรถม้าพารถม้าที่อัดแน่นไปด้วยโลหะหนักอึ้งแล่นผ่านสะพานหิน บราวน์ยังเดินข้ามสะพานไปได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

แฮร์ริสันกำลังคิดถึงการเดินทางไปยังเมืองแลนซ์ในอีกห้าเดือนหลังจากนี้ เขายังคงกังวลว่าคนจากสภาเวทมนตร์จะพยายามลอบสังหารเขาอยู่ในตอนนั้น

ทันใดนั้น พื้นหินใต้เท้าพวกเขาก็เริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง

‘มีคนลอบโจมตี!’ นั่นคือความคิดแรกของบราวน์

แสงสีขาวระเบิดโพลงจากร่างกายเขาพร้อมกับที่ทั้งตัวบราวน์ถูกขนนกสีขาวปกคลุมไปทั่ว

‘ขนนักเทวทูต’ เป็นอาคมเทพระดับสาม

ในขณะเดียวกันนั้น หอกสั้นสีเขียวก็ปรากฏขึ้นในมือขวา พร้อมกับโล่แกร่งในมือซ้ายของเขา

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงสองสามวินาทีเท่านั้น ชัดเจนว่าแฮร์ริสัน บราวน์ เป็นนักสู้มากประสบการณ์ทีเดียว

แต่ทว่า แรงสั่นสะเทือนบนสะพานหินกลับค่อยๆ หยุดลง และนิ่งไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

‘สะพานนี้มันเก่าเกินไปหรือไร’ บราวน์คิดกับตัวเอง

เมื่อเขามองไปรอบๆ ตัว ก็พบว่าสะพานหินยังคงดูปกติเหมือนทุกครั้ง ราวกับว่าแรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น ภายใต้สะพานนั้น มีเรือหลายลำกำลังแล่นผ่านไป

ในบรรดาเรือเหล่านั้น มีชายหนุ่มหน้าตาดีผู้หนึ่งกำลังยืนมองขึ้นมาทางเขา

แฮร์ริสันรู้สึกอับอายเล็กน้อย มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตนทุกข์ทรมานจากความหวาดกลัวและความกังวลนี้มากมายเพียงใดนับแต่ที่เขาทรยศสภาเวทมนตร์ ณ ตอนนี้ เขารู้สึกว่าเขาคงจะดูเหมือนคนโง่เง่าในสายตาชายหนุ่มผู้นั้นเป็นแน่

เรือของลูเซียนแล่นผ่านสะพานนั้นไป

ขณะจ้องมองแผ่นน้ำ ลูเซียนก็คิดในใจด้วยความสุขุมนิ่งสงบ ‘ตอนที่สะพานเริ่มสั่น มีคนเกือบสิบคนที่มีปฏิกิริยาแตกต่างจากคนทั่วไปโดยสิ้นเชิง นอกเหนือจากอัศวินบางคนที่ต้องปกป้องเจ้านายแล้ว ก็น่าจะมี…ผู้พิทักษ์ราตรีห้าคนที่อยู่รอบๆ ตัวบราวน์ นักผจญภัยที่เดินอยู่ข้างๆ เขาบนสะพานพ่อค้าบนถนน คู่รัก แล้วก็คนพายเรือที่อยู่ข้างๆ ข้า’

ลูเซียนไม่ได้วางแผนที่จะทำลายสะพานให้ถล่มราบคาบ เขาเพียงต้องการข้อมูลเกี่ยวกับบราวน์และผู้พิทักษ์ราตรีที่คุ้มครองเขาให้มากกว่านี้ก่อนจะลงมืออย่างจริงจัง

‘บราวน์มีหอกสั้นกับโล่… แล้วก็อาคมเทพระดับสาม’ ลูเซียนลูบคางตนเองเบาๆ

ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่การทดสอบ

……………………………………….