[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 475 : ช่างงดงามจริงๆ!
หลิงหยุนค่อยๆ สำรวจไป๋เซียนเอ๋อตั้งแต่หัวจรดเท้า เขามองขึ้นมองลงอย่างเพลิดเพลินอยู่เช่นนั้นหลายสิบรอบ แต่ก็ไม่พบตำหนิใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว
เพียงแค่เห็นด้านหลังของไป๋เซียนเอ๋อนั้น ความงดงามของนางก็ถึงกับทำให้หลิงหยุนตกใจมาก และหากผู้คนบนโลกใบนี้ได้พบเห็น คงยากที่จะอธิบายความงามของนางออกมาเป็นคำพูดได้
‘จิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง.. ยังไงก็ยังคงเป็นจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่ยากจะหาผู้ใดเทียบเท่าได้อยู่ดี! ดวงตาของหลิงหยุนเบิกกว้าง และเปี่ยมไปด้วยความสุข ในใจได้แต่นึกชื่นชมนางอยู่เงียบๆ
หลิงหยุนยื่นมือขวาออกไปอย่างนุ่มนวลเพื่อสัมผัสร่างกายของไป๋เซียนเอ๋อ แต่เมื่อพบว่าที่มือของตนเองยังคงมีคราบเลือดของศัตรูติดอยู่ เขาจึงต้องดึงมือกลับอย่างเสียดาย!
งดงามสมบูรณ์แบบเช่นนี้.. หลิงหยุนไม่ต้องการให้นางต้องแปดเปื้อน!
หลังจากที่ดึงมือกลับคืนมาแล้ว หลิงหยุนก็พูดกับไป๋เซียนเอ๋อยิ้มๆ “เซียนเอ๋อ.. ข้าแค่อยากชื่นชมเจ้า เจ้าช่างงดงามมากจริงๆ!”
หลิงหยุนเริ่มรู้สึกถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวไป๋เซียนเอ๋อ และเขาจะไม่ยอมให้ใครมาขโมยนางไปจากเขาได้อย่างแน่นอน!
เขาไม่มีวันยอมให้ใครทำเช่นนั้นได้แน่!
ไป๋เซียนเอ๋อที่อยู่ในหุบเขาเล็กๆ ยังคงเอียงอายและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมานั้น ได้แต่ร้องถามหลิงหยุนว่า
“เซียนเอ๋อกลายร่างเช่นนี้.. นายท่านพอใจหรือไม่?”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า.. นี่นางยังจะต้องถามเขาอีกงั้นหรือ? สาวงามเช่นนี้.. หากเขายังไม่พอใจก็คงจะโง่เต็มที!
หลิงหยุนใช้นิ้วเคาะแก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและตอบกลับไปว่า “พอใจสิ.. ข้าพอใจมาก! แต่ถ้าเจ้ายอมเงยหน้าขึ้นมาให้ข้ามอง ข้าจะพอใจมากยิ่งขึ้นอีก!”
ไป๋เซียนเอ๋อบิดศรีษะมาทางหลังหยุนเล็กน้อย แต่แล้วก็รีบหันกลับไปด้วยความอายอย่างรวดเร็ว จนผมยาวดำขลับของนางถึงกับสะบัดไปมา.. ดูช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก!
และลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหวเช่นนี้ เป็นท่าทางในการเขินอายที่เป็นธรรมชาติของไป๋เซียนเอ๋อ และเป็นลักษณะเฉพาะตัวของนางที่ผู้อื่นก็ไม่สามารถเลียนแบบได้!
“เซียนเอ๋อไม่กล้า! ข้าเกรงว่าหากข้าไม่งดงาม นายท่านจะไม่ชอบ..”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ยิ่งกระวนกระวายใจ เขาแทบอยากจะพุ่งเข้าโอบร่างของไป๋เซียนเอ๋อไว้ แล้วจับใบหน้าของนางให้เงยขึ้น เพื่อจะได้ดูว่านางกลายร่างมาแล้วมีหน้าตาเช่นไร?
แต่เขาก็ต้องอดกลั้นไว้.. เพราะหากเขาทำเช่นนั้นจะเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้กับนางได้..
หลิงหยุนกระแอมเบาๆ ก่อนจะตอบไปว่า “เซียนเอ๋อ.. เจ้าอย่าได้กังวลไป! ไม่ว่าหน้าตาของเจ้าจะเป็นเช่นไร? จะงดงามหรือไม่? ข้าก็ยังชอบเจ้าอยู่ดี.. แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมให้ข้าเห็นใบหน้าของเจ้า ข้าก็จะโกรธเจ้าแล้วนะ!”
กลุ่มเมฆสีดำมหึมายังคงลอยอยู่เหนือศรีษะของคนทั้งคู่ และดูเหมือนว่าทั้งหลิงหยุนกับไป๋เซียนเอ๋อต่างก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท..
“นายท่านอย่าเพิ่งโกรธเซียนเอ๋อ.. เซียนเอ๋อผิดไปแล้ว..!”
เมื่อไป๋เซียนเอ๋อได้ยินว่าหลิงหยุนจะโกรธ นางก็ตกอกตกใจ และรีบหันร่างทั้งร่างไปทางหลิงหยุนทันที..
หลิงหยุนจ้องมองภาพที่ปรากฏตรงหน้าอย่างตกตะลึง และเริ่มหายใจแรงขึ้น สมองของเขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ หูอื้อจนไม่สามารถได้ยินเสียงใดๆ และถึงกับกลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่..
และไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อีกเช่นเคย หลิงหยุนไม่สามารถอธิบายออกมาได้จริงๆ ไป๋เซียนเอ๋อนั้นงดงามยิ่งนัก และใบหน้าของนางนั้นแทบจะเรียกได้ว่ารวบรวมเอาความงดงามของหญิงงามทั้งโลกไปรวมไว้บนใบหน้าของนาง
ไป๋เซียนเอ๋องดงามมากเพียงใดน่ะหรือ? ความงามของไป๋เซียนเอ๋อที่ปรากฏต่อหน้าหลิงหยุนในเวลานี้ หากให้เขาแลกกับการที่พลังชีวิตในร่างกายต้องเหือดแห้งไปหมดเพื่อให้ได้เห็นนาง หลิงหยุนก็รู้สึกว่ามันช่างคุ้มค่ายิ่งนัก!
คิ้วทั้งสองข้างของไป๋เซียนเอ๋อนอกจากจะโค้งได้รูปอย่างสวยงามแล้ว ยังเด่นชัดจนไม่ต้องวาด หรือตกแต่งเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่มีส่วนใดเกิน หรือวส่วนใดขาดไปแม้แต่นิดเดียว!
จมูกที่สวยได้รูปของนาง ก็ช่างสมส่วนและเข้ากับใบหน้าที่งดงามนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ราวกับมีช่างฝีมือดีบรรจงแกะสลักไว้อย่างดงาม และสันจมูกก็โด่งกำลังดีจนไม่มีความจำเป็นต้องลดหรือเสริมใดๆเลย..
ริมฝีปากเล็กๆ สีแดงสดของนางนั้น หากใครได้เห็นเข้าคงต้องนึกอยากเข้าไปกัดเป็นแน่.. เส้นขอบปากที่เด่นชัดนั้น ทำให้ริมฝีปากของนางดูมีเสน่ห์เย้ายวน และเป็นริมฝีปากที่แสดงถึงความรู้สึกต่างๆ ของเจ้าตัวได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีรอยยิ้มที่คล้ายเด็กที่ได้รับการตามอกตามใจ หากผู้ใดพบเห็นรอยยิ้มเช่นนี้เข้า ก็คงยากที่จะปฏิเสธได้..
ผิวพรรณของไป๋เซียนเอ๋อนั้นก็ช่างงดงามหมดจดยิ่งนัก ไม่เพียงนวลเนียนและใสสว่าง แต่ยังมีสีขาวครีมคล้ายหยกสีขาว และเปล่งปลั่งราวกับผิวที่อุ้มน้ำไว้ตลอดเวลา หากใครได้เห็นหญิงสาวที่งดงามเช่นนาง ก็คงยากที่จะอดใจไม่ให้หลงรักได้!
แต่ส่วนที่งดงามที่สุดในตัวของไป๋เซียนเอ๋อนั้นก็คือ ดวงตากลมโตสีดำทั้งคู่ที่เป็นประกายระยิบระยับคล้ายแสงทอประกายของดวงดาว ขนตางอนยาวอย่างเป็นธรรมชาติทั้งสองข้างช่วยให้ดวงตาที่หรี่เล็กของนางนั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที แววตาที่มีชีวิตชีวาของนางนั้น หากผู้ใดได้พบเห็นก็คงยากที่จะลืมเลือนได้!
ดวงตาคู่สวยที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้นั้น สายตาของนางนั้นมีทั้งความตื่นตระหนก เอียงอาย และเต็มไปด้วยเสน่ห์ และทั้งหมดนั้นก็คือลักษณะที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง
ไป๋เซียนเอ๋อยืนกัดริมฝีปากล่างไว้ขณะที่มองหลิงหยุนอย่างเอียงอาย..
หลังจากที่สุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกลายร่างแล้ว ใบหน้าของนางก็ดูคล้ายกับเด็กสาวงดงามที่มีทั้งความเย่อหยิ่งจองหอง ถือดี และสูงส่งราวกับนางพญา!
ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า หรือกิริยาท่าทาง.. ก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต้องตกตะลึงกับความสมบูรณ์แบบที่ดูลึกลับของสิ่งมีชีวิตนี้..
คำขยายความที่เกี่ยวกับความงดงามทั้งหลาย ก็ไม่สามารถที่จะนำมาอธิบายความงดงามของไป๋เซียนเอ๋อได้ เพราะไม่ว่าคำใหนก็ล้วนแล้วแต่ไม่เหมาะสมกับความงามของนาง..
หลังจากที่ยืนนิ่งไปนานด้วยความตกตะลึง หลิงหยุนก็กระแอมออกมาเบาๆ เป็นการเรียกสติของตนเอง ก่อนจะรีบเรียกเสื้อผ้าสตรีออกมาจากแหวนพื้นที่..
ก่อนที่หลิงหยุนจะพาเจ้าขาวปุยมากลายร่างบนเกาะแห่งนี้ เขาได้เตรียมทุกอย่างให้มันไว้พร้อมแล้ว หลิงหยุนเคยอ่านพบการกลายร่างในรูปแบบต่างๆเมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่มาแล้ว เขาจึงคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้ดี และได้เตรียมเสื้อผ้าสตรีมาสองสามชุดเพื่อรอเวลานี้..
เมื่อได้สติ.. หลิงหยุนจึงนึกขึ้นมาได้ว่าจำเป็นที่จะต้องให้ไป๋เซียนเอ๋อสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นเขาคงทนต่อไปไม่ไหวแน่!
ไป๋เซียนเอ๋องดงามหมดจดตั้งแต่หัวจรดเท้า.. ไม่มีใครได้เห็นภาพที่สวยงามเช่นนี้ มีแค่เพียงหลิงหยุนคนเดียวเท่านั้น!
“เซียนเอ๋อ.. เจ้าสวมเสื้อผ้าเสียสิ! เอ่อ.. เจ้าใส่เสื้อผ้าเป็นหรือไม่?”
ไป๋เซียนเอ๋อเอียงอาย ขนตางอนยาวกระพริบถี่ ทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
นางเคยอยู่กับเฉิงเม่ยเฟิง และเสี่ยวเม่ยเม่ยมาระยะหนึ่งแล้ว และหญิงสาวทั้งสองคนก็นับได้ว่าเป็นครูที่สอนเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงให้กับนาง
เฉิงเม่ยเฟิงและเสี่ยวเม่ยเม่ยซื้อเสื้อผ้ามามากมายเมื่อที่ทั้งคู่ยังอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ ทั้งสองคนต่างก็สวมใส่เสื้อผ้าสวยงามรอคอยหลิงหยุนกลับบ้าน พวกเธอไม่เคยปกปิดเจ้าขาวปุยในยามแต่งตัว ทำให้ไป๋เซียนเอ๋อได้เห็นทุกอย่างและจดจำมา..
สุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางนั้น นับได้ว่าเป็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลัง และอัศจรรย์ที่สุดในโลกและบนสวรรค์ มันมีสัญชาติญาณในการเรียนรู้ที่รวดเร็วกว่ามนุษย์ธรรมดาหลายเท่านัก การแต่งตัวจึงนับว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย..
ไป๋เซียนเอ๋อเริ่มใส่เสื้อผ้าทีละชิ้น กริยาท่าทางของนางนั้นอ่อนโยนเป็นธรรมชาติ และหลิงหยุนก็มองด้วยความชื่นชม หลิงหยุนไม่ทันสังเกตเห็นว่ากลุ่มเมฆมหึมาบนศรีษะของเขานั้นได้เคลื่อนตัวอีกครั้ง และเริ่มกลายเป็นสีดำและก่อตัวหนาขึ้น
แรงกดดันระหว่างสวรรค์กับโลกเริ่มบีบคั้นมากขึ้นอีกครั้ง และดูเหมือนกลุ่มเมฆสีดำเหล่านั้นดูคล้ายกำลังจะตกลงมาบนเกาะแห่งนี้ มันม้วนตัวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ที่น่าแปลกก็คือมันไม่มีฟ้าแลบแปลบปลาบดังเช่นทุกครั้ง
“นายท่าน.. เซียนเอ๋อแต่งตัวเสร็จแล้ว!”
ไป๋เซียนเอ๋อในยามนี้ช่างงดงามสดใสไม่ต่างจากฤดูใบไม้ผลิที่แสนสดชื่น ชุดที่หลิงหยุนนำมาให้ก็พอเหมาะพอดีกับรูปร่างของนาง เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ไป๋เซียนเอ๋อก็ยืนหมุนไปมาให้หลิงหยุนดู จากนั้นก็วิ่งไปหาหลิงหยุนด้วยท่าทางเขินอาย
กระโปรงปลิวสะบัด รอยยิ้มสวยงามสดใสราวกับดอกไม้บาน หลิงหยุนถึงกับฉีกยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าด้วยความชื่นชม
ขณะที่หลิงหยุนกำลังจะพูดอะไรออกมานั้น.. จู่ๆ ก็เกิดเสียงเปรี้ยงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆแม้แต่น้อย!
สายฟ้าเส้นหนาสีเงินพุ่งทะลุกลุ่มเมฆดำทะมึนลงมา และผ่าเข้ากลางศรีษะของหลิงหยุนทันที!
หลิงหยุนขนลุกไปทั่วทั้งตัว ท่ามกลางแสงไฟจากอสุนีบาตที่น่าหวาดผวา จู่ๆ หลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างโมโห..
“ท่านเสียสติไปแล้วหรือยังไง?!”