ตอนที่ 274 ความลับถูกเปิดเผย

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 274 ความลับถูกเปิดเผย
ตอนที่ 274 ความลับถูกเปิดเผย

เวลากลางคืนในเมืองหลวง มีหิมะตกลงมาปรอย ๆ สายลมหนาวพัดผ่าน ทำให้ร่างกายของซูหวานหว่านหนาวเย็นขึ้นมา

หญิงสาวสะบัดมือที่จับไหล่ออกทันที ทว่ามือนั้นกลับสัมผัสไปที่คอของนาง ในตอนที่ซูหวานหว่านกำลังคิดว่าจะตอบโต้อีกฝ่ายอย่างไร มือนั้นก็คว้าไหล่ของซูหวานหว่าน แล้วดึงตัวของซูหวานหว่านพลิกกลับเข้าไปในอ้อมแขนอันอบอุ่นทันที ชายคนนั้นลดแรงลง และกระซิบข้างหูของซูหวานหวานว่า “เจ้าไม่เชื่อฟังข้าจริง ๆ อีกทั้งยังกล้าที่จะออกมาคนเดียวอีก!”

ที่แท้ก็คือฉีเฉิงเฟิง!

เมื่อครู่ช่างน่าตกใจมากจริง ๆ! ซูหวานหว่านถึงกับสะดุ้ง แต่จู่ ๆ นางก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ สือฉินเอ๋อร์ผู้นี้มีพลังสร้างภาพลวงตา หรือว่าคนคนนี้จะ…

เมื่อคิดแบบนี้ ซูหวานหว่านก็ดึงมือของนางออก แล้วยื่นมือออกไปจับกลางลำตัวของฉีเฉิงเฟิง และสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ในทันใด มันได้เปลี่ยนจากเล็กเป็นใหญ่ จากอ่อนเป็นแข็ง และรู้สึก…อบอุ่น ไม่ใช่ผีแน่นอน!

ซูหวานหว่านส่งเสียงไอออกมา แล้วชักมือกลับ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย “ข้าจะดูว่าเจ้าใส่กางเกงขายาวมาหรือเปล่า”

กางเกงขายาว? ฉีเฉิงเฟิงนั้นไม่เชื่อ เขาก้มตัวเองลงไปปิดริมฝีปากของนางทันที

ฉีเฉิงเฟิงจูบซูหวานหว่านด้วยความร้อนแรง ทำให้ซูหวานหว่านมึนเมาไปด้วยรสจูบอย่างไม่เข้าใจ

ทั้งสองคนจูบกันอย่างดื่มด่ำ ผ่านไปเป็นเวลานาน ฉีเฉิงเฟิงก็ผละออก เมื่อเขาได้ยินการเคลื่อนไหวดังมากจากภายในห้อง เห็นดวงตาของซูหวานหว่านกะพริบไปมา ฉีเฉิงเฟิงก็บีบจมูกของซูหวานหว่านอย่างเอ็นดูเล็กน้อย และพูดออกมาด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ ว่า “เจ้าแมวโลภน้อยตัวนี้ รอให้พวกเรานั้นแต่งงานกันก่อนเถอะ ข้าจะกินเจ้าทุกส่วนจนไม่เหลือ”

หลังจากพูดออกมาแบบนั้น ฉีเฉิงเฟิงก็จูงมือซูหวานหว่านไปยังที่หนึ่ง ทั้งสองเดินย่องเบาราวกับว่าพวกเขากำลังเหยียบลงผ้าฝ้ายนุ่ม ๆ และไร้สุ้มเสียงใด ๆ

พอเดินมาถึงที่หมาย ฉีเฉิงเฟิงก็หยุดเดินแล้วทำท่าทาง ‘จุ๊ จุ๊’ ส่งให้ซูหวานหว่าน จากนั้นก็นั่งยอง ๆ พร้อมบอกให้ซูหวานหว่านนั่งลงตามเขา ชายหนุ่มเปิดแผ่นกระเบื้องบนหลังคาสองแผ่นออก พวกเขาก้มลงมองก็พบคนคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง และมีคนนั่งอยู่คนหนึ่ง เป็นชายหญิงคู่หนึ่ง

แต่ผู้หญิงคนนั้นสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ ซูหวานหว่านไม่รู้ว่านางเป็นใคร แต่ชายที่นอนอยู่บนเตียง นางสามารถบอกได้ทันทีว่านั้นคือคุณชายถัง!

สือฉินเอ๋อร์ล่ะ? ไปอยู่ที่ไหน? ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงสบตากัน และพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่รู้ว่านางหายตัวไปไหน

ซูหวานหว่านนำยุงออกมาจากมิติฟาร์ม แล้วส่งมันเข้าไปในบ้านเพื่อตามหาคน

“คุณชายถัง! เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หญิงในห้องถามขึ้น ทันทีที่ซูหวานหว่านได้ยินเสียงนี้ ซูหวานหว่านก็รู้เลยว่าเป็นเฉียวหน่วนอวี้!

ซูหวานหว่านตกใจ นางไม่คิดเลยว่าเฉียวหน่วนอวี้จะมีความสัมพันธ์กับคุณชายถัง เพราะนางจำได้ว่าวันนั้นคุณชายถังได้ใช้คำพูดที่โหดร้ายที่ปฏิเสธเฉียวหน่วนอวี้ไปแล้ว หญิงสาวครุ่นคิดอีกครั้ง หรือที่คุณชายถังเคยบอกว่ามีคนในใจ… หรือว่าจะเป็นเฉียวหน่วนอวี้? ซูหวานหว่านแอบฟังบทสนทนาต่อไป และทำให้นางรู้ว่าเฉียวหน่วนอวี้และคุณชายถังนั้นสนิทสนมกันมาก อีกทั้งยังมีข้อตกลงทางกิจการร่วมกันอีก!

“เจ้าสัญญากับข้าว่าจะฆ่าซูหวานหว่าน แต่ว่าตอนนี้นางยังมีชีวิตอยู่ และตอนนี้นางก็กลายเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวไปแล้ว! เวลานี้องค์ชายรองไม่สนใจข้าอีกต่อไป ข้าจะไปทำอะไรองค์ชายรองได้? แล้วข้านั้นจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?” เมื่อเฉียวหน่วนอวี้พูดออกมา ซูหวานหว่านก็รับรู้ได้ว่านางคงปวดใจไม่น้อย

“หน่วนอวี้ ข้าสัญญากับเจ้าเอาไว้แล้ว และเรื่องนั้นมันก็เป็นความจริง แต่ว่าซูหวานหว่าน… เฮ้อ อย่าพูดถึงนางเลย ตอนนี้กิจการของตระกูลถังของข้ากำลังจะพังแล้ว! ข้าไม่มีเงิน เจ้ารีบไปพูดกับองค์ชายรองเถอะ! ให้เขานั้นช่วย…”

ก่อนที่คุณชายถังจะพูดจบ เฉียวหน่วนอวี้ก็ตบหน้าเขาอย่างแรง “เจ้าต้องการให้ข้าไปอ้อนวอนขอร้ององค์ชายรอง? เช่นนั้นไม่เหมือนกับว่าข้าไปร้องขอความตายหรือยังไง? องค์ชายรองเกลียดข้ามาก แต่ว่าตอนนี้เจ้ากำลังให้ข้ารู้สึกเกลียดเจ้ามากขึ้นกว่าเดิมอีก!”

เมื่อซูหวานหว่านได้ยินแบบนี้ นางก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แน่นอนว่าสองคนนี้เลวด้วยกันทั้งคู่ ไม่แปลกที่สือฉินเอ๋อร์จะจ้องมองไปที่พวกเขา!

ต่อมา คนสองคนในห้องดูเหมือนกำลังจะทะเลาะกัน ซูหวานหว่านมองดูด้วยความเพลิดเพลิน ไม่นานยุงที่นางส่งไปก็บินออกมา และพูดอะไรบางอย่างข้างหูของซูหวานหว่าน เมื่อนางได้ยินที่ยุงพูดก็หันไปมองทางเตียงทันที แล้วจ้องมองดูความมืดที่อยู่ภายใต้เตียง …แน่นอนว่านั่นคือตำแหน่งที่ซ่อนของสือฉินเอ๋อร์!

ซูหวานหว่านก็ส่งสัญญาณมือชี้ให้ฉีเฉิงเฟิงมองลงไป แต่ใครจะไปคาดคิดว่าสือฉินเอ๋อร์ที่ซ่อนตัวอยู่จะปรากฏตัวขึ้น และโยนอะไรบางอย่างที่ปล่อยควันออกมา ทำให้คุณชายถังและเฉียวหน่วนอวี้สลบไป

ซูหวานหว่านมองดูการเคลื่อนไหวของสือฉินเอ๋อร์ นางขยับมือสองสามครั้ง ราวกับสร้างตราประทับแล้วยื่นกริชออกมา ทำให้ซูหวานหว่านก็รู้สึกแปลกใจมาก

ซูหวานหว่านได้ยินเสียงของสือฉินเอ๋อร์ที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำดังว่า “อยากสวยไหม? ลอกใบหน้าของตัวเองออกมา ข้าจะนำหน้าของเจ้าไปถวายพระโพธิสัตว์ แล้วพระโพธิสัตว์จะมอบใบหน้าที่สวยงามให้กับเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังกลัวก็ไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”

ทันทีที่เสียงนั้นพูดจบ นางเห็นเฉียวหน่วนอวี้ถือกริช อีกมือหนึ่งถอดผ้าคลุมหน้าออกมาแล้วหยิบมีดกริชขึ้นมาจ่อไปที่ใบหน้าของตน เผยให้เห็นรอยแผลเป็นสะดุดตาบนใบหน้าของเฉียวหน่วนอวี้ และรอยแผลเป็นนั้นคือสิ่งที่ซูหวานหว่านนั้นเป็นคนทำเอาไว้บนใบหน้าของนางในครั้งล่าสุด นางทำเพื่อปกป้องแม่จ้าว

สือฉินเอ๋อร์รู้สึกรังเกียจแผลเป็น และรีบคว้ากริชทันทีโดยกล่าวว่า “ใบหน้าที่มีแผลเป็นแบบนี้ มันคือใบหน้าที่น่าเกลียด พระสนมจะชอบมันได้อย่างไร?”

เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับพระสนม ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ

หลังจากที่ทั้งสองคนตกตะลึง ทั้งสองก็ยังคงสังเกตเหตุการณ์ต่อไป และเห็นว่าสือฉินเอ๋อร์ใช้กริชกรีดหน้าของเฉียวหน่วนอวี้อีกครั้ง ก่อนจะเตะนาง และพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก แล้วไปนอนที่ถนนด้านทิศตะวันออก! เจ้าห้ามตื่นขึ้นมาถ้ายังไม่ถึงรุ่งสาง!”

ทันทีที่สิ้นคำพูดนั้น ทั้งสองคนก็เห็นว่าเฉียวหน่วนอวี้ทำตามคำสั่งราวกับหุ่นเชิดยังไงอย่างงั้นเลย นางถอดเสื้อผ้าออกแล้วเดินอออกไปเปิดประตู ด้วยร่างเปลือยเปล่า!

ดูเหมือนว่าสือฉินเอ๋อร์จะใช้ภาพลวงตาเพื่อหลอกล่อบังคับควบคุมจิตใจคน และยังสั่งให้คนไปนอนตามสถานที่ต่าง ๆ ที่นางสั่งเองอีกด้วย! ตอนนี้มันเป็นเวลากลางคืนอากาศหนาวเย็นยิ่งนัก ถ้านางเดินไปที่ถนนด้วยสภาพที่เปลือยกายแบบนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นนางก็จะกลายเป็นศพอย่างแน่นอน ซูหวานหว่านครุ่นคิดไปถึงวิธีการจัดการเหยื่อของสือฉินเอ๋อร์ นางก็รู้สึกหนาววาบขึ้นมาทันที

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม นางก็ยังคงสอดส่องสังเกตการณ์ต่อไป และเห็นสือฉินเอ๋อร์ยื่นกริชให้คุณชายถัง พร้อมพูดออกมาว่า “จงมอบใบหน้าให้พระโพธิสัตว์ ไม่ว่าเจ้านั้นต้องการหรือปรารถนาสิ่งใด พระโพธิสัตว์จะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง รีบคิดให้ดีเสีย เจ้ามันก็แค่คนธรรมดา!”

“ข้ายินยอม” คุณชายถังพูดออกมา แล้วหยิบมีดกรีดหน้าตัวเองทันที

ซูหวานหว่านสงสัยมากว่าทำไมสือฉินเอ๋อร์ถึงเลือกที่จะฆ่าคนประเภทนี้ และทำไมนางจะต้องพาดพิงพระสนมด้วย

ด้วยซูหวานหว่านลืมจับยุงเข้าไปไว้ในมิติฟาร์มดั้งเดิม ยุงจึงได้บินวนไปบินวนมาอยู่ใต้ตาของซูหวานหว่าน ทำให้สายตาของนางเบลอไปชั่วขณะ ซ้ำร้ายยุงก็กำลังบินไปเกาะจมูกของซูหวานหว่านอีกครั้ง ทำให้นางทนไม่ได้อีกต่อไปจนส่งเสียงจามออกมา

ในขณะนั้นเองคุณชายถังก็หยุดการกระทำของตัวเองลง!

สือฉินเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นไปมองทันที!

ซวยแล้ว! พวกเขาโดนจับได้แล้ว! ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงต่างมองหน้ากัน และปิดแผ่นกระเบื้องบนหลังคาทันที พวกเขาคิดว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี ซูหวานหว่านกำลังจะออกไปจากที่นั่น แต่ใครจะไปคิดว่าแผ่นกระเบื้องที่นางเหยียบเอาไว้อยู่มันจะแตก ทำให้เท้าของนางพลาดตกลงไป!

ซูหวานหว่านกำลังจะยกเท้าขึ้น แต่ดูเหมือนว่ามีคนมาจับข้อเท้าของนางเอาไว้แน่น น้ำเสียงที่สั่นเครือของสือฉินเอ๋อร์ก็ดังขึ้นมาจากด้านล่าง “เป็นอะไรไป ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เจ้ายังคิดจะหนีอีกอย่างงั้นหรือ?”