บทที่ 651 ชีวิตหลังแต่งงาน / บทที่ 652 คำอวยพรที่น่าประทับใจ

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 651 ชีวิตหลังแต่งงาน

‘อนาคต’ ข้างหน้ายังอีกยาวไกล…?

มุมปากซือเยี่ยหานกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันสังเกตเห็น

เยี่ยหวันหวั่นลูบปลอบโยนเขาพลางพูดขึ้นมา “ซือเยี่ยหาน ฉันมีคำถามหนึ่งอยากถามคุณ…”

โซฟากว้างใหญ่มาก ซือเยี่ยหานนอนลงข้างๆ หญิงสาว สายตามองที่ตัวเธออย่างต่อเนื่อง นัยน์ตามีความปรารถนาที่ยังไม่จางหายไป “คำถามอะไร”

เยี่ยหวันหวั่นลังเลอยู่นาน จากนั้นถามว่า “แค่อยากจะถามดูค่ะ…ในอุดมคติของคุณ ชีวิตหลังแต่งงานของพวกเราจะเป็นยังไง”

ความคิดที่อยากจะหนีไปของเธอดูเหมือนยิ่งน้อยลงทุกวันโดยไม่รู้ตัว จนถึงขั้นเริ่มคิดถึงคำถามนี้แล้ว…

ชาติที่แล้วชีวิตหลังเธอกับซือเยี่ยหานแต่งงานกันเป็นฝันร้ายที่ไม่อยากกลับไปนึกถึงจริงๆ…

ชีวิตหลังแต่งงาน…

ซือเยี่ยหานเงียบไปนานมากอย่างหาได้ยาก ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยพูดขึ้นมา “ข้าว ถ่าน น้ำมัน เกลือ ซอส น้ำส้มสายชู ชา[1]”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็อดไม่ได้เลิกคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าคำตอบของซือเยี่ยหานจะ…เรียบง่ายขนาดนี้…

เรียบง่ายจนไม่มีอะไรพิเศษเลย…

เธอยังคิดว่าด้วยนิสัยของจอมมาร คำตอบจะต้องไม่เหมือนคนอื่นเสียอีกถึงจะถูก

เยี่ยหวันหวั่นกำลังจะพูด เวลานี้เอง เสียงมือถือดังขึ้นมา พี่ชายเธอโทรมาหา

“เฮ้อ ฉันรับสายนี้ก่อน”

สีหน้าซือเยี่ยหานเย็นชาเล็กน้อย “กฎข้อที่สาม”

เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุกทันที กฎข้อนี้แข็งเหมือนหิน ไม่สามารถสั่นคลอนได้เลย

“รู้แล้วค่ะๆ ข้อสาม ไม่อนุญาตให้ยั่วเพศตรงข้าม! แต่นี่พี่ชายแท้ๆ ของฉันนะ ดึกป่านนี้แล้ว ถ้ามีเรื่องด่วนอะไร…”

ซือเยี่ยหานนิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไร ถือว่าไม่คิดเล็กคิดน้อยแล้ว

เอาละ เทียบกับก่อนหน้านี้ที่เธอทำไม่ได้แม้แต่จะมองผู้ชายคนอื่น นี่ก็นับว่ามีพัฒนาการมากแล้ว เธอควรจะให้กำลังใจหน่อย

“ขอบคุณค่ะที่รัก” เยี่ยหวันหวั่นหอมแก้มชายหนุ่ม จากนั้นจึงรับสาย

“ฮัลโหล พี่ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมโทรมาหาฉันดึกป่านนี้”

อีกฟากของมือถือ เยี่ยมู่ฝานพูดเสียงจริงจัง “วันนี้ตอนที่เห็นตัวจริงของลั่วเฉิกับกงซวี่ ในหัวเกิดไอเดียขึ้นมา ตอนดึกนอนไม่หลับก็เลยออกแบบชุดสไตล์แตกต่างกันหลายชุดให้พวกเขา ฉันส่งอีเมลไปให้แล้ว แกลองดูเอา”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็อดถอนใจไม่ได้ “เฮ้อ พี่นี่ขยันเหมือนของก๊อปเกรดเอจริงๆ!”

เยี่ยมู่ฝานเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย “ของแท้ ขอบคุณ!”

เยี่ยมู่ฝานพูดจบ ก็พูดเสียงลับๆ ล่อๆ “ตอนนี้แกอยู่กับชายโฉดนั่นเหรอ ตอนนี้พวกแกสถานะไหนกันแล้ว อยู่ด้วยกันแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่ชายโฉด เป็นแฟนที่มีคุณธรรมค่ะขอบคุณ!” เยี่ยหวันหวั่นแก้คำก่อนแล้วค่อยตอบ “ช่วงนี้เขาไม่สบาย ฉันอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเขา”

ถึงแม้จะรู้ว่าเวลานี้น้องสาวไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เยี่ยมู่ฝานก็ยังไม่ค่อยวางใจ “จำคำพูดที่ฉันพูดกับแกตอนกลางวันไว้ ระวังตัวเองไว้หน่อย!”

“รู้แล้ว!”

หลังวางสายไป เยี่ยหวันหวั่นรีบเข้าไปปลอบจอมมารขี้หึงที่อยู่ข้างๆ “เบบี๋ คุณอย่าใส่ใจเลย พี่ชายฉันชอบเป็นห่วงกลัวฉันโดนคุณหลอกเอาเงินหลอกฟัน กลัวได้ไม่มีเหตุผลจริงๆ! ถึงแม้จะหลอกเอาเงินหลอกฟัน ควรจะเป็นฉันที่หลอกคุณมากกว่า!”

ซือเยี่ยหาน “…”

กลางดึก

หลังจากปลอบจนซือเยี่ยหานเข้านอนแล้ว เยี่ยหวันหวั่นส่งข้อความวีแชทเข้าไปในกลุ่มเพื่อน

[ยินดีที่จะอยู่กับคุณตลอดทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ ข้าว ถ่าน น้ำมัน เกลือ ซอส น้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชูน้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชู[2] ชา!]

เดิมทีคิดว่าดึกป่านนี้แล้วคงไม่มีใครตอบเธอ คิดไม่ถึงว่าไม่นานก็มีคนนอนดึกมาเขียนคอมเมนต์ด้านล่าง

[หลินเชวีย: วางยาพิษกลางดึกมีจิตสาธารณะอยู่หรือเปล่า คนโสดในกลุ่มเพื่อนโดนทรมานกันหมดตอนกลางดึก!]

[เซี่ยเจ๋อจือ: กระต่ายน้อยขาวเฉียบแหลมจังนะ]

[สวี่อี้: นับดูแล้ว มีน้ำส้มสายชูเก้าคำ อืม]

[เยี่ยมู่ฝาน: ปิดหน้าจอแล้ว ขอบคุณ]

[1] ข้าว ถ่าน น้ำมัน เกลือ ซอส น้ำส้มสายชู ชา หมายถึงสิ่งที่ในชีวิตประจำวันไม่สามารถขาดได้

[2]น้ำส้มสายชู คำแสลงจีนหมายถึงหึงหวง

………………………………………………………………

บทที่ 652 คำอวยพรที่น่าประทับใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น

เยี่ยหวันหวั่นตื่นมาก็เห็นข้อความในวีแชทมีคนตอบด้านล่างไม่น้อยเลย ตั้งแต่สาวรับใช้ยันบอดี้การ์ดก็มีหมด

เวลานี้ จู่ๆ เธอก็พบว่าเหล่าคนที่เธอรู้จักในกลุ่มก่อนหน้านี้แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย แล้วตอนนี้ในกลุ่มเธอทั้งหมดต่างเกี่ยวข้องกับซือเยี่ยหานอย่างใกล้ชิด

เยี่ยหวันหวั่นปัดไปเรื่อยๆ ปัดจนมาถึงซือเยี่ยหานที่ไม่เคยโพสต์อะไรในกลุ่มเพื่อน ก็โพสต์ประโยคหนึ่งเช่นกันว่า [ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ขอให้เธอทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยเงินทอง]

“พรวด…”

หน้าตาดีและร่ำรวยเงินทองไม่ใช่เขาเหรอ?

ความหมายนี้คือยินดีให้เธอเลี้ยงเขาทั้งชีวิต?

ช่าง…เป็นคำอวยพรที่น่าประทับใจจริงๆ…

หลังแปรงฟันล้างหน้าเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นกำลังจะลงไปข้างล่างเพื่อเรียกคน เพิ่งเดินออกจากประตูห้อง ตอนที่เดินผ่านห้องหนังสือ ก็เห็นคนคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน

“คุณหนูเยี่ย อรุณสวัสดิ์” ในมือฉินรั่วซีกอดเอกสารกองหนึ่งไว้ ตอนเห็นเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

“ได้ยินว่าคุณหนูเยี่ยเตรียมจะลงทุนถ่ายหนังเรื่องใหม่? ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกได้ตลอดเวลานะคะ” ฉินรั่วซีพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

“ขอบคุณค่ะ ไม่เป็นไร”

“เหรอคะ ก็ใช่ ฉันคิดว่าคุณเก้าต้องจัดการให้อยู่แล้ว ฉันกังวลมากไปเอง”

เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วเล็กน้อยทันที มองไปทางฉินรั่วซีเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

คำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่าแฝงความหมายว่าเธอพึ่งพาซือเยี่ยหานอยู่

ชาติที่แล้วก็เป็นอย่างนี้ ตอนนั้นเธอเคยคิดว่าอยากจะเป็นอิสระ ไม่อยากอยู่แต่ในบ้านทั้งวัน ตอนนั้นซือเยี่ยหานลงทุนธุรกิจให้เธอหลายอย่าง น่าเสียดายที่สุดท้ายทั้งหมดขาดทุนไม่ได้เงินคืนสักนิด

ต่อมาเรื่องนี้ก็โดนคนของฉินรั่วซีเอามาพูดตลอด บอกว่าความสามารถเธอไม่พอ ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งคุณผู้หญิงของบ้าน

“คุณหนูฉินคิดมากไปจริงๆ ค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นพูดกลับประโยคหนึ่งแล้วเดินออกไป

ฉินรั่วซีมองใบหน้าที่สวยงามของหญิงสาวแวบผ่านไป แววตามืดดำ

คุณเก้าไม่ใช่คนที่ดูแต่ความสวยของผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่…

………

กวงเย่ามีเดีย

เมื่อมาถึงบริษัท เยี่ยหวันหวั่นเปิดประชุมและแนะนำเยี่ยมู่ฝานให้เพื่อนร่วมงานรู้จัก

“คนนี้คือผู้อำนวยการฝ่ายสไตล์ลิสต์คนใหม่ของพวกเรา”

เยี่ยมู่ฝานลุกขึ้นยืน “สวัสดีครับทุกคน ผมแซ่เยี่ย พวกคุณเรียกผมว่าเฟลิกซ์ (Felix) ก็ได้ ต่อจากนี้เป็นร่วมงานกันแล้ว ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

ช่วงเวลานี้ ภายใต้การบริหารงานอย่างรวดเร็วฉับไว บรรยากาศในบริษัทเปลี่ยนไปอย่างมาก

พูดตามตรงคือผลกำไรตัดสินทุกอย่าง ลูกน้องเคารพเธอหรือไม่ ก็ดูที่ว่าเธอสามารถทำกำไรให้พวกเขาได้หรือเปล่า

แล้วดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ความเชื่อมั่นในตัวเยี่ยหวันหวั่นยังสูงอยู่มาก

ดังนั้นถึงแม้ว่าเธอจะแต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายสไตล์ลิสต์คนหนึ่งมา ทุกคนก็ไม่มีความเห็นอะไร ทั้งหมดต่างร่วมยินดี ยิ่งไปกว่านั้นคือสไตล์และบุคลิกของเยี่ยมู่ฝานข่มขวัญคนได้จริง

“ยินดีต้อนรับๆ!”

“ยินดีต้อนรับอาจารย์เฟลิกซ์!”

……….

หลังจากเยี่ยเส่าถิงลงจากตำแหน่ง เยี่ยมู่ฝานก็หายไปอย่างไร้รอยจากวงการสองปีเต็ม เวลานี้ในวงการแทบจะไม่มีใครรู้จักเขาและชื่อเสียงของเขาแล้ว

“เอาละ ต่อจากนี้เรื่องของแผนกสไตล์ลิสต์ก็ให้อาจารย์เฟลิกซ์จัดการ ทุกคนทำความคุ้นเคยกันไว้ มีปัญหาอะไรที่เกี่ยวข้องกับด้านดีไซน์ก็ไปหาเขาได้เลย!”

กำชับเรียบร้อยแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็เรียกเยี่ยมู่ฝานมาที่ห้องทำงานเป็นการส่วนตัว และอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทอย่างละเอียดให้เขาฟัง

“ไม่ต้องกังวลลั่วเฉินมากเท่าไร เขาจะให้ความร่วมมือกับพี่ ถึงแม้ว่ากงซวี่จะใช้สไตล์ลิสต์ของตัวเอง แต่การแต่งตัวพื้นฐาน ที่ผ่านมาเขาชอบให้ตัวเองแต่งมั่วๆ เรื่องนี้คิดว่าพี่น่าจะต้องสนใจเป็นพิเศษหน่อย” เยี่ยหวันหวั่นกำชับเรื่องที่ต้อง ‘เอาใจใส่’ เป็นพิเศษของอีกฝ่าย

“ไม่มีปัญหา”

“อีกอย่างแผนกคอสตูมใหญ่ฝั่งโกลบอลบริษัทแม่ ฉันแนะนำพี่ไปแล้ว แต่ฉันทำได้แค่เป็นคนสรรหาบุคคลให้

“พอแล้ว”

เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า จากนั้นแย้มยิ้ม ยื่นมือถือมาตรงหน้าเยี่ยมู่ฝาน “ดูนี่สิ”

“อะไร” เยี่ยมู่ฝานมองไปตามสายตาของเยี่ยหวันหวั่น ปรากฏว่าเห็นหน้าจอมือถือเป็นข่าวซุบซิบเกี่ยวกับเฉินเมิ่งฉี

…………………………………………………..