ตอนที่ 125 : นี่พี่เฉินของฉันสุดยอดขนาดนี้เลยหรอ?
ห้องประชุมของมหาวิทยาลัยตี้ตู๋
งานเลี้ยงศิษย์เก่าดีเด่นได้เริ่มขึ้นแล้ว
คนที่ประสบความสําเร็จในชีวิตส่วนใหญ่ต่างก็มากัน!
อธิการบดีจางห้าวจุนยืนต้อนรับศิษย์เก่าทุกคนอยู่หน้าประตูด้วยรอยยิ้มบนหน้าราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิบนหน้าของเขา
เนื่องจากหลินวีหลานไม่ได้เตะแรงเกินไป ฟ่านถงเลยยังอดทนเดินมาถึงห้องประชุมได้อยู่
ฉินเฟิงและฟ่างถงต่างก็มากันถึงแล้ว
ฉินเฟิงมองดูรอบๆแต่เขาก็หาเจียงเฉินไม่เจอ “ทําไมพี่เฉินยังไม่มาอีกนะ?”
ฟ้านถงเองก็พยายามมองหาเจียงเฉินและหลินซีหลานอยู่เหมือนกัน ถ้าโชคดีเขาจะเอาคืนให้สาสม!
ให้หลินซีหลานได้รับรู้ว่าการปฏิเสธเขามันเป็นการตัดสินใจที่ผิด!
แต่น่าเสียดาย…เขาหาเธอไม่เจอ
ฟ่านถงยิ้มอย่างดูถูก “หึหึ ขยะแบบนั้นคงไม่กล้าเข้ามาในงานหรอก อดตบหน้าพวกมันเลย หงุดหงิดจริงๆ!”
ก่อนหน้านี้เขาได้บริจาคเงินของเขาอย่างเต็มกําลังซึ่งมันสูงถึง 1.5 ล้านและดูเหมือนว่าตําแหน่งศิษย์ดีเด่นปีนี้จะเป็นของเขา!
การประชุมเริ่มขึ้น!
อธิการบดีจางห้าวจุน “ศิษย์เก่าดีเด่นทุกคน พวกเราคงมาถึงกันหมดแล้วใช่ไหม”
เทียนยู่เฉิงพูดออกมา “อธิการบดีคะ เจียงเฉินเขายังไม่มานะคะ”
ใบหน้าของอธิการบดีดูเย็นชาทันที “คนๆนี้ไม่ต้องไปสนหรอก เขาไม่ได้บริจาคเงินด้วยซ้ํา ไม่มาก็ไม่มาสิ”
“มาเริ่มงานกันเถอะ”
จางห้าวจุน “ถึงศิษย์เก่าดีเด่นทุกคน พวกเรามาอยู่ตรงนี้แล้วสถานที่ในอดีตของพวกเรา ความจริงแล้วที่นี่พวกเรายังต้องการความช่วยเหลืออยู่ การก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ของพวกเรามีปัญหา…”
อธิการบีดจางห้าวจุนพูดเรื่องความต้องการและความยากลําบากของมหาลัยในการสร้างอาคารเรียนออกมาก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ
“ทุกๆคนในนี้มีทั้งพรสวรรค์และความสามารถที่โดดเด่น ถ้าในนี้มีใครซักคนที่สามารถเกลี้ยกล่อมคุณลู่ตงหัวให้ขายที่ดินให้มหาวิทยาลัยของเราในราคา 35 ล้านได้ฉันจะสลักชื่อคนนั้นอยู่บนบรรทัดแรกของรายชื่อศิษย์เก่าดีเด่น!”
ทุกคนต่างตกตะลึง นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการอวดตัวเองแล้ว!
การแกะสลักชื่อของตัวเองไว้บนบรรทัดแรกนับเป็นความรุ่งโรจน์อันสูงสุดแล้ว!
แต่คําขอนี้มันไม่เกินตัวไปหน่อยหรอ?
ฉินเฟิงและฟานถงก็ยังต้องส่ายหัว ลู่ตงหัวคนนี้เขาใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะเจรจาด้วยได้!
งานนี้ใครอาสาไปต้องโดนหักหน้ากลับมาแน่นอน!
ในเวลานี้เองศิษย์เก่าทุกคนพากันมองไปที่เดียวกัน!
“เฉินเจี้ยน?”
ดวงตาของจางห้าวจุนเป็นประกาย!
ทุกคนตกตะลึง หรือว่าปีนี้จะมีม้ามืด?!
เฉินเจี้ยนยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ “ครับ! ผมเฉินเจี้ยน ผมเป็นนักพูดระดับประเทศ ผมเก่งเรื่องการพูดที่แสดงออกถึงอารมณ์และเหตุผล ผมเชื่อว่าผมจะกดดันลู่ตงหัวให้เขาขายที่ดินได้!”
“เยี่ยม! สถาบันของพวกเราจําเป็นคนที่มีพรสรรค์อย่างนาย!”
จางห้าวจุนทําการโทรหาลู่ตงหัวทันที
แล้วก็เชื่อมต่อลําโพงกับโทรศัพท์เพื่อให้ทุกคนได้ยินกันอย่างพร้อมเพรียง
ไม่นานเสียงเย่อหยิ่งก็ดังออกมาจากปลายสาย “จางห้าวจุน นายนี่มันน่ารําคาญจริงๆ ฉันบอกแล้วไงถ้าไม่ได้ 90 ล้านฉันไม่ขาย นายเข้าใจใช่ไหม?”
เหล่าศิษย์เก่าต่างตกใจกันและไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ทุกคน ไม่ต้องไปใส่ใจรายละเอียดตรงนี้หรอก”
อธิการบดีพูดและยิ้มออกมา “คุณลู่ตงหัว ผมขอเวลาคุณซัก 3 นาทีได้ไหม? ผมมีศิษย์เก่าคนหนึ่งเขาอยากจะคุยกับคุณ!”
“ได้! แค่ 3 นาทีเท่านั้น! ฉันจะรอฟังเรื่องไร้สาระของนาย แค่ 3 นาทีถ้าครบเวลาเมื่อไหร่ฉันจะวางสายทันที!”
ลู่ตงหัวจับหูของตัวเองเขานั้นต้องอดทนฟังอีกฝ่ายถึง 3นาที!
เฉินเจี้ยนเองก็รู้แล้วว่าถึงเวลาของตัวเองแล้วเขาจึง เริ่มพูดขึ้นมาทันที “คุณลู่ตงหัว ผมรู้ว่าที่ผืนนี้สําคัญกับคุณมาก แต่มหาลัยของเรานั้นเป็นที่ที่สอนและให้การอบรมกับบรรดาผู้คนมากมาย และส่งออกไปหล่อเลี้ยงประเทศนี้ทั้งประเทศ ทําให้คนรุ่นหลังได้มีอนาคตที่สดใส ผมคิดว่าบางที เงินทองมันก็อาจจะไม่สําคัญเท่าการร่วมลงมือพัฒนาประเทศชาติสร้างสังคมที่ดี”
หลังจากนั้นข้อความล้างสมองนี้ก็ดําเนินต่อไปถึง 1 นาที กับอีก 50 วินาที!
เฉินเจี้ยนเองยังรู้สึกซาบซึ้งและร้องไห้ออกมาและทุกคนที่ได้ฟังก็รู้สึกไม่ต่างกัน
แต่โชคไม่ดี
ลู่ตงหัวไม่รู้สึกอะไรซักนิด “พูดจบรียัง? นายพูดเรื่องไร้สาระออกมามากพอแล้ว คนต่อไป!”
เฉินเจี้ยนกระอักเลือดออกมา!
ตอนแรกที่คิดว่าจะสําเร็จแต่ผลกลับออกมาเป็นอย่างนี้ได้ยังไง?
ฉินเฟิงเองก็อยกาจะลองดูมั่ง “คุณลู่ตงหัว ผมคือฉินเฟิง คุณเองก็น่าจะรู้จักผม”
ลู่ตงหัวพูดขัดขึ้นมาทันที “มันคงจะดีกว่ามั้งถ้าเราไม่ได้รู้จักกัน?”
ฉินเฟิงถูกสวนกลับมาเขาทําได้เพียงถอยออกมาด้วยความอับอาย!
ฟ้านถงเองก็ค่อนข้างที่จะมั่นใจในประสบการณ์ของตัวเองเขาเลยลองอาสาดู “คุณลู่ตงหัว คุณจะช่วยลดราคาที่ดินลงหน่อยได้ไหม?”
“ได้ 89 ล้าน! เอาล่ะหมดเวลาแล้ว”
ลู่ตงหัววางสายทันที
ฟ่านถงดีใจจนร้องโอ้อวดออกมา “ดูสิ ฉันทําให้เขาลดได้ตั้ง 1 ล้าน!”
ทุกคนพูดไม่ออกและพากันมองเขาราวกับกําลังมองคนโง่
มันคงจะต่างกันมากละมั้ง 89 กับ 90 ล้านเนี่ย?
มหาลัยของเรามีทุนแค่ 35 ล้านเท่านั้นนะครับพี่
สามศิษย์ดีเด่นถูกตบหน้ากันไปที่ละคน!
ทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยความเงียบ
จางห้าวจุนถอนหายใจออกมา
ศิษย์เก่าเหล่านี้ช่วยอะไรไม่ได้เลย!
แต่ยังไงก็ตาม ก็ไปโทษพวกเขาไม่ได้ ยังไงซะนี่ก็เป็นปัญหาที่มหาลัยแก้ไม่ตกมาหลายปีแล้ว!
“โอ้ อย่าโทษตัวเองกันไปเลยอย่าเอามันมาเก็บให้หนักใจ มาฉลองอย่างมีความสุขกันดีกว่า”
แม้ใบหน้าของจางห้าวจุนจะไม่มีความสุขแต่ก็ต้องบังคับให้แสดงออกว่ามีความสุข
ทันใดนั้นประตูทางเข้าก็เปิดออก
เจียงเฉินเดินนําหลินซีหลานเข้ามา
ก่อนหน้านี้พวกเขาพากันไปเปลี่ยนรองเท้ามาก็เลยต้องเข้ามาในงานสายไป 10 นาที
เจียงเฉินพูดขอโทษออกมา “ท่านอธิการบดีขอโทษที่ครับที่ผมมาสาย ว่าแต่เมื่อกี้กําลังคุยกันเรื่องปัญหาอะไรหรอครับ?”
ดวงตาของฟานองเบิกกว้างทันที นี่เขาเป็นศิษย์เก่าดีเด่นคนที่ไม่ได้บริจาคเงินงั้นหรอ?
จางห้าวจุนตอบกลับไปอย่างสิ้นหวัง “ใช่”
ตาของฉินเฟิงเป็นประกายเขาเดินออกไปข้างหน้า “พี่เฉิน! พวกเรากําลังหาทางแก้ปัญหานี้อยู่พอดี นายช่วยกดดันลู่ตงหัวให้ขายที่ดินผืนนั้นให้เราหน่อยได้ไหมล่ะ?”
เจียงเฉินยิ้มแล้วพยักหน้า “อืม ไม่มีปัญหาหรอก”
พูดจบคนในงานก็หัวเราะออกมา!
ตอนนี้คงจะมีคนโง่ออกไปโชว์โง่โดนหักหน้าอีกแล้วสินะ?
ที่มากไปกว่านั้นอีกฝ่ายนั้นก็รําคาญพวกเรามากพอแล้วตอนนี้คาดว่าต่อให้โทรไปก็โทรไม่ติดหรอก!
จางห้าวจุนที่เห็นความมั่นใจอย่างล้นหลามของเจียงเฉินมันก็จุดประกายความหวังขึ้นมาในใจของเขาทันที่เขา เข้าไปจับมือเจียงเฉิน “เจียงเฉิน! ถ้านายทําให้ลู่ตงหัวยอมขายที่ดินได้ ตําแหน่งศิษย์เก่าดีเด่นปีนี้จะเป็นของนายทันที!”
ทุกคนอยากจะเป็นลมและคิดว่าคนแบบนี้เนี่ยนะจะทําได้?
เจียงเฉินพยักหน้าอย่างจริงใจ “ผมไม่สนเรื่องตําแหน่งเป็นศิษย์เก่าดีเด่นอะไรแบบนั้นหรอกครับ ผมแค่อยากทําอะไรเล็กๆน้อยๆให้มหาลัยบ้าง”
“เยี่ยมเยืมจริงๆ!”
อธิการบดีจางห้าวจนมองเจียงเฉินที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ และเริ่มที่จะคิดว่าเจียงเฉินกับลู่ตงหัวอาจจะคุ้นเคยกันพอสมควรแน่ๆ “งั้นเจียงเฉิน นายโทรหาลู่ตงหัวเถอะ”
เจียงเฉินกล่kวอย่างตรงไปตรงมา “จริงๆแล้วผมไม่มีเบอร์เขาครับ”
แม่งเอ้ย!!!
คนดูแทบช็อค!
นายไม่มีแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของเขาแล้วนายไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?
นายคิดจะล้อเล่นกับเรารียังไง?
ใบหน้าของอธิการบดีจางห้าวจุนแข็งค้างไปในทันที…ดูเหมือนเขาจะหวังมากเกินไป
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของเจียงเฉินก็ดังขึ้นและสายนั้นก็มาจากลู่ฉู่ซวน
ลู่ฉู่ซวน “พี่เจียงเฉิน- พ่อของหนูเพิ่งจะให้หนูมาเชิญพี่ไปทานอาหารเย็นด้วยกัน พี่มีเวลามาทานอาหารเย็นกับพวกเราคืนนี้ไหม?”
เจียงเฉิน “เธอโทรมาพอดีเลย พ่อของเธออยู่ไหน บอกเขาหน่อยว่าฉันอยากคุยกับเขา”
ลู่ฉู่ซวน “พ่อคะ — พี่เจียงเฉินอยากคุยกับพ่อ!”
“ส่งมา!”
เจียงเฉินได้ยินเสียงของลู่ตงหัวดังมาไกลๆ “สวัสดีคุณเจียง คุณอยากจะคุยกับผมหรอ?”
ทุกคนตกตะลึง!
นี่ใช่ลู่ตงหัวคนที่หยิ่งผยองคนเมื่อกี้หรอ?
เจียงเฉิน “ใช่ ผมจะถามว่าคุณช่วยขายที่ดินให้มหาลัยได้รึเปล่า?”
ลู่ตงหัวมีความสุขมาก “บังเอิญจริงๆเลย คุณเจียงผมจะเล่าเรื่องอะไรตลกๆให้ฟัง เมื่อกี้เพิ่งจะมีคนโง่สองสามคนโทรมาหาผมและขอซื้อที่ตรงนั้นด้วยราคา 30 ล้านหยวนพอดี”
ทุกคนเงียบ พวกเขาอยากจะเป็นลมไปทันที!
พระเจ้า! เขาเรียกพวกเราว่าคนโง่!
โดยเฉพาะอธิการบดีจาง ที่ยิ่งอับอายขึ้นเรื่อยๆ
เขาเรียกเจียงเฉินว่า คุณเจียงแต่เรียกพวกเราว่า….คนโง่!
และที่มากไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ลู่ตงหัวเอาแต่ทําตัวหยิ่ง หยิ่งจนไม่มีเหตุผล!
แต่นี่เขากลับเคารพเจียงเฉินที่เป็นแค่คนส่งพัสดุเนี่ยนะ?!
แม้ว่าเขาจะไม่มีเบอร์ของลู่ตงหัว แต่ลูกสาวของลู่ตงหัว กลับเรียกชื่อของเจียงเฉินอย่างหวานแหวว!
หรือว่าเจียงเฉินจะเป็นลูกเขยของอีกฝ่าย? เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง!
เขาจะไปเรียกลูกเขยว่าคุณเจียงได้ยังไง!
ตัวตนของเจียงเฉินจะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ!
ตอนนี้ทุกคนต่างสับสนกันหมด…
ใบหน้าของฉินเฟิงเต็มไปด้วยความรู้สึกของชัยชนะ “พี่เฉิน พี่เอาทั้งพ่อทั้งลูกอยู่หมัด นี่พี่จะเก่งไปถึงไหนเนี่ย?”