บทที่ 1358+1359

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1358+1359 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1358 มันบ่งบอกว่าเจ้าจะกลับมาหาข้า…

เธอชะงักงัน ยังคงฉงนสงสัย “ท่านบอกว่าเจ้าหอยยักษ์ทำลายรากสองราก ทำให้การรั่วไหลของพลังวิญญาณและไอพิฆาตรุนแรงเช่นนี้ ท่านไม่ได้ไปฝึกฝนที่บริเวณรากหรอกหรือ? ข้าได้ยินเจ้าหอยยักษ์บอกว่าเห็นท่านตัดทำลายรากไปหลายราก…”

“รากที่เจ้าหอยยักษ์ตัดเป็นรากชีพจรของต้นไม้เทพ ที่ข้าตัดเป็นเพียงรากแขนงไม่จำเป็น ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน”

ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้!

“เช่นนั้นรากชีพจรที่เจ้าหอยยักษ์ทำลายไปต้องฟื้นฟูหรือไม่? ข้ากลัวว่าต่อไปสัตว์ขั้นแปดจะปรากฏกายออกมาไม่จบสิ้น…”

แค่เหยี่ยวนิลกาฬสามตัวก็แทบทำให้คนที่นี่พ่ายแพ้ยับเยิน หากต่อไปยังออกมาอีกหลายตัว…เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีการชำระล้างในภายภาคหน้าแล้ว!

“วางใจเถิด ข้าฟื้นฟูตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว หลายวันก่อนที่ข้าลงไป หนึ่งก็เพื่อฝึกฝน สองก็เพื่อฟื้นฟูสองจุดนั้น ไม่เช่นนั้นสัตว์ร้ายที่มาทำร้ายพวกเจ้าในวันนั้นคงไม่ได้มีเพียงแค่เหยี่ยวนิลกาฬสามตัว”

ที่แท้ที่เขาหายตัวไปก็เพื่อไปจัดการความยุ่งเหยิงเหล่านี้ให้เธอ

เธอค่อนข้างเสียใจภายหลัง “หากรู้เช่นนี้แต่แรก ข้าไม่ควรหนีมาที่ป่าทมิฬเลย”

“ลิขิตสวรรค์” ตี้ฝูอีดึงนางเข้ามาโอบกอดไว้ “ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เรื่องอื่นที่ไม่สำคัญไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ”

เรื่องบางเรื่องเป็นเขาเองที่เลือกฝืนกฎสวรรค์ จะกล่าวโทษนางไม่ได้

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็นึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งได้ “จริงสิ พวกเราเห็นคำทำนายแถวหนึ่งบนต้นไม้ยักษ์…” แล้วจึงเล่าเรื่องที่เห็น ‘เก้าเก้าเป็นหนึ่ง’ ออกมา

ตี้ฝูอีใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง พลันโอบเอวนาง “พาข้าไปดูหน่อย!”

……

ตัวอักษรใหญ่บนต้นถันภังคีแถวนั้นยังคงอยู่ อักษรนั้นเปลี่ยนสีไปมา ดูแล้วสะดุดตาเป็นพิเศษ

ลิงบนต้นไม้เหล่านั้นเดินวนตามตัวอักษรใหญ่นี้ แต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้

ตี้ฝูอีวิเคราะห์อักษรสี่ตัวนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ภายในฝ่ามือปรากฏลำแสงเจ็ดสีอ่อนๆ ปกคลุมอักษรสี่ตัวนั้น จากนั้นเขาเคลื่อนย้ายฝ่ามือ อักษรสี่ตัวพลันหายไป

เขามองดูฝ่ามือตัวเอง ราวกับกำลังมองลายเส้นด้านบน กู้ซีจิ่วก็มองกับเขาด้วย พบว่าอักษรสี่ตัวปรากฏบนฝ่ามือเขา ที่แปลกยิ่งไปกว่านั้นคือ อักษรสี่ตัวนั้นประกอบขึ้นมาจากตัวหนังสือเล็กๆ นับไม่ถ้วน หมุนวนสลับซับซ้อนอย่างบ้าคลั่งบนฝ่ามือเขา กู้ซีจิ่วมองครู่หนึ่งก็รู้สึกมึนหัว ละลานตาไปหมด…

ตี้ฝูอียกมือขึ้นโอบกอดนาง นำชายเสื้อข้างหนึ่งปิดตานางไว้ “ยามนี้พลังวิญญาณของเจ้ายังไม่ถึงขั้น ยังไม่อาจดูสิ่งนี้ได้ มิเช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อเจ้า ต่อไปข้าค่อยให้เจ้าดู”

กู้ซีจิ่วเอ่ย “นี่คงเป็นสวรรค์บอกใบ้กระมัง? มิน่าพวกเราถึงวิเคราะห์ไม่ออก ที่แท้ต้องให้เทพอย่างท่านมาดู หากท่านไม่ได้เข้ามา ดูเหมือนอักษรสี่ตัวนี้ก็คงปรากฏอยู่ตรงนี้เสียเปล่า”

“ไม่ใช่ รอจนพลังวิญญาณเจ้าถึงขั้นเก้าก็จะดูมันได้” การปรากฏตัวของเขาอาจเป็นเหตุบังเอิญสำหรับวิถีสวรรค์ ย่อมไม่ได้ทำเพื่อให้เขามาถอดความ

“ขั้นเก้าก็ได้หรือ? เช่นนั้นพี่ชายข้าบรรลุขั้นเก้าแล้ว เขาวิเคราะห์มาหลายวันก็ไม่เห็นจะดูอะไรออก”

ตี้ฝูอีกล่าว “นั่นเป็นเพราะเขาโง่งม เจ้าฉลาด เจ้าไม่เหมือนผู้ใด”

ก็ได้ ในสายตาของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่มีผู้ใดในสายตา ในสายตาเขามีเพียงเธอคนเดียว

กู้ซีจิ่วยอมรับคำชมของเขา แล้วเอ่ยถาม “ตัวอักษรเล็กๆ เหล่านั้นเขียนไว้ว่าอะไรกันแน่? มีบอกว่าทำอย่างไรถึงจะออกจากที่นี่ได้หรือไม่?”

ตี้ฝูอีกึ่งล้อเล่นกึ่งจริงจัง “ตัวอักษรชุดนี้เข้าใจยากยิ่งนัก ข้าต้องค่อยๆ ลองวิเคราะห์ดู แต่ว่าข้ากลับรู้สึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง เก้าเก้าเป็นหนึ่ง มันบ่งบอกว่าเจ้าจะกลับมาหาข้า…นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้ากับข้าเป็นคู่ที่สวรรค์บรรจงสร้างจริงๆ”

————————————————————————————-

บทที่ 1359 นั่นเป็นเพราะข้าหนีงานแต่ง…

กู้ซีจิ่วกุมขมับ “มันไม่ใช่ต้นเฒ่าจันทราเสียหน่อย จะได้รับผิดชอบจัดการบุพเพสันนิวาสของมนุษย์ หากว่าข้าคืนดีกับท่านก็สามารถออกไปได้แล้ว เช่นนั้นเหตุใดยามนี้จึงไม่มีวี่แววสักนิดเลยล่ะ?”

ตี้ฝูอีจุมพิตแก้มนางคราหนึ่ง “บางทีอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นด้วย ไปเถอะ พวกเราลงไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

กู้ซีจิ่วยังอยากสำรวจต่ออีก “ใช่แล้ว ต้นไม่ยักษ์ใหญ่โตถึงเพียงนี้ บางทีจุดอื่นบนต้นไม้ยักษ์อาจยังมีสิ่งที่คล้ายลิขิตสวรรค์เช่นนี้อยู่อีกก็เป็นได้ มิสู้พวกเราไปลองหาดู?”

ตี้ฝูอีขำอย่างออกมาอย่างอดไม่อยู่ “เด็กโง่ เจ้าคิดว่าลิขิตสวรรค์เช่นนี้ล้วนมีอยู่ทั่วไปเหมือนผักกาดขาวหรือ? มีอักษรแถวนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว มาเถอะ พาข้าลงไป”

กู้ซีจิ่วมองเขาที่เอนกายซบร่างตนอยู่ครึ่งตัว “มิใช่ว่าควรเป็นท่านพาข้าลงไปหรอกหรือ?”

ตี้ฝูอีซบหัวบนไหล่เธอ หลับตาลงนิดๆ แพขนตายาวแทบจะปัดถูกแก้มเธอ ทำตัวน่าหยิกนัก “เด็กน้อย ข้าอ่อนแอ ต้องพึ่งเจ้าแล้ว”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย

หรือว่าการตีความลิขิตสวรรค์นี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนัก? จึงทำให้เขาอ่อนแอ?

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงพาตี้ฝูอีผู้อ่อนแอเคลื่อนย้ายลงมาโดยตรง และพบกับหลัวจั่วอวี่ที่อยู่หน้าประตูเรือนของตน

เมื่อครู่ตอนที่เธอออกไปลืมลงกลอนประตู หลัวจั่นอวี่กำลังมองภายในน้องด้วยสีหน้าราวกับถูกฟ้าผ่า

เห็นกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีปรากฏตัวขึ้นในสภาพจับมือถือแขนกัน หนำซ้ำตี้ฝูอีที่สูงใหญ่ยังซบร่างน้องสาวของบ้านตนอยู่ด้วย!

หลัวจั่นอวี่ข่มโทสะไว้ไม่อยู่แล้ว “เสี่ยวจิ่ว นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ถึงแม้เขาจะไม่เห็นดีกับความรักระหว่างตี้ฝูอีและกู้ซีจิ่ว  แต่ถ้าหากน้องสาวอยากออกเรือนด้วยจริงๆ เขาก็จะอวยพรให้ ถึงขั้นที่ในสมองร่างภาพพิธีสมรสอันงดงามไว้ให้น้องสาวแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าไม่เห็นกันแค่คืนเดียว น้องสาวร่วมหอกับผู้อื่นไปแล้วงั้นหรือ?! การตกแต่งในเรือนนี้มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นการตกแต่งห้องหอ!

กู้ซีจิ่วอับจนวาจา

หลัวจั่นอวี่มองไปทางตี้ฝูอี “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้สูงส่งใช้เล่ห์กลเพื่อครอบครองสตรี ออกจะไม่สมเหตุสมผลเกินไปกระมัง?!”

ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว ไอ้เด็กนี้ขวัญกล้าเหลือเกิน! ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าติเตียนเขา!

หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่มีทางเห็นคนระดับหลัวจั่นอวี่ผู้นี้อยู่ในสายตา คนระดับนี้ไม่มีผู้ใดที่กล้าชี้หน้าด่าทอเขาซึ่งๆ หน้าเลย คนที่กล้าขึ้นเสียงกับเขาส่วนใหญ่ล้วนถูกเขาส่งกลับบ้านเก่าไปหมดแล้ว

แต่ยามนี้คนผู้นี้เป็นพี่ชายของกู้ซีจิ่ว…

แถมเขายังไม่รู้จักมักจี่กับไอ้สารเลวน้อยผู้นี้เท่าไหร่ด้วย!

เพียงแต่ที่ควรแย้งก็ยังคงต้องแย้ง ด้วยเหตุนี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้สู่งส่งเหนือปวงชนเสมอมาจึงโต้แย้งเพื่อตัวเองด้วยความจริงจังอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก “ข้าชอบนาง และตามเกี่ยวพานางอย่างเปิดเผยซื่อตรง เล่นเล่ห์อันใดกัน?”

“ท่านกับนางยังไม่ได้เข้าพิธีแล้วร่วมหอกันได้อย่างไร?!” หลัวจั่นอวี่ตะเบ็งเสียงข่มคน “เท่าที่ข้าทราบ ตอนท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่ด้านนอกก็ล้มเลิกพิธีมงคลกับน้องสาวมิใช่หรือ?!”

กู้ซีจิ่วกระแอมคราหนึ่ง เอ่ยแทรก “นั่นเป็นเพราะข้าหนีงานแต่ง…”

หลัวจั่นอวี่ชะงัก มองน้องสาวด้วยสายตาชิงชังที่มิอาจเปลี่ยนเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ “เสี่ยวจิ่ว ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร พวกเจ้ายังไม่ได้เข้าพิธีกันจริงๆ ไม่ได้เข้าพิธีก็ครองคู่กันช่างเสื่อมเกียรติเสียชื่อ…”

อันที่จริงกู้ซีจิ่วยังคงไม่ใส่ใจพิธีรีตองเหล่านั้นจริงๆ เข้าพิธีแล้วอย่างไร? เป็นเพียงพิธีการที่คล้ายกับการเดินแบบเท่านั้น ทำให้คนเหน็ดเหนื่อยเสียมากกว่า อีกอย่างความจริงแล้วตี้ฝูอีก็อยากมอบพิธีวิวาห์ที่ยิ่งใหญ่ให้เธอเหมือนกัน แต่ถูกล้มเลิกไปเพราะการหลบหนีของเธอ ไม่อาจนับว่าเขาไม่เตรียมการกระมัง?

สิ่งที่เธอต้องการคือหัวใจของเขา อย่างอื่นอันที่จริงแล้วอย่างไรก็ได้ ขณะที่เธอกำลังจะชี้แจ้งอีกสามสี่ประโยค ตี้ฝูอีก็ห้ามเธอไว้ มองไปทางหลัวจั่นอวี่ “เรื่องนี้ข้าผิดเอง หลังจากออกไปได้ข้าจะจัดงานสมรสที่ยิ่งใหญ่ให้นาง ทำให้คนทั้งแผ่นดินทราบกันโดยทั่วว่าซีจิ่วคือภรรยาของข้า”

————————————————————————————-