ตอนที่ 153 ขัดแย้ง

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 153 ขัดแย้ง

 

“นายน้อยๆ” ขณะไป๋จูเหวินกําลังเดินอยู่ภายในวังมังกร อยู่ๆชายคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อน พอมองดูก็พบว่ามันคือคนจากหน่วย 8 นั่นเอง

 

“นายน้อย งานที่นายน้อยสั่งให้พวกเราทํา…” ชายหนุ่มว่า พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ

 

“อ่อ งานจับมังกรดินระดับต่ำงั้นเหรอ” ไป๋จูเหวินเลิกคิ้วด้วยท่าทีสนใจ มันสั่งให้หน่วย 8 ออกไปจับมังกรดินกับเต่าดิน เนื่องจากเต่าดินนั้นชอบอาศัยใกล้แหล่งน้ำ แต่มังกรดินชอบอาศัยอยู่บนบก ทําให้พืชที่ปลูกบนตัวพวกมันได้ค่อนข้างต่างกันทีเดียว

 

“ขอรับ พวกเราได้มังกรดิน 3 ตนกับไข่อีก 15 ฟ้องขอรับ” คนจากหน่วย 8 รายงานพลางยิ้มกว้าง ตั้งแต่วันที่ไป๋จูเหวินประชุมกับหน่วย 10 ก็ผ่านมา 1 เดือนแล้ว นับว่าหน่วย 8 ทํางานได้รวดเร็วไม่น้อย เพราะในเขตเลี้ยงอสูรของเมืองร้อยแปดอสูรยามนี้มีมังกรดินร่วม 20 ตน เต่าดิน อีก 8 ตน และไข่ของพวกมันอีกนับ 50 ฟอง

 

“ขอบใจมาก ข้าจะไปดูพวกมันเองเจ้าไปพักเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางตบบ่าของคนส่งสารเบาๆ เพราะมังกรพวกนี้พึ่งจับมาใหม่ทําให้ยังไม่ชินกับมนุษย์นัก แม้จะสามารถฝากให้ หน่วย 6 ซึ่งเป็นหน่วยที่ชํานาญการฝึกอสูรได้ แต่ก็ใช้เวลานานเกินไป ทําให้ไป๋จูเหวินมอบหน้าที่ฝึกเหล่าไข่ที่กําลังจะฟักออกมาของอสูรสองชนิดนี้ให้กับหน่วย 6 แทน และลงไปจัดการเหล่ามังกรและเต่าที่จับมาใหม่ให้เชื่องด้วยตนเอง

 

“นายน้อย เชิญทางนี้ขอรับ” คนของเขตเลี้ยงอสูรพูดพลางพาไป๋จูเหวินเดินทางไปยังสวนที่มีมังกรดินเดินกันอยู่ เป็นฝูง

 

ครืดดด… ทันทีที่เห็นไป๋จูเหวินเดินเข้ามาใกล้ เหล่ามังกรก็พากันเดินเข้ามาหาราวกับได้เจอเจ้านายไม่มีผิด แต่เพราะขนาดของมันใหญ่โตเกินไปทําให้พวกมันเข้ามาหาไป๋จูเหวินได้แค่ 3 ตัวเท่านั้น ส่วนตัวอื่นๆแม้จะพยายามเบียดเข้ามาแต่พื้นที่ก็ไม่เหลือเสียแล้ว

 

“เด็กดีๆ “ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบใบหน้าของมังกรดินอย่างเอ็นดู บนหลังของพวกมันมีพืชผลงอกออกมาให้เห็นแล้ว เวลา 1 เดือนนั้นมากพอจะสร้างผลผลิตให้เก็บเกี่ยวได้ เพียงรอให้ผลที่งอกออกมาสุกได้ที่เสียก่อน

 

“นายน้อยขอรับ มังกรตัวใหม่อยู่ทางนี้ขอรับ” คนของเขตเลี้ยงอสูรว่าพลางชี้ไปทางที่มีมังกร 3 ตนนอนอยู่ พวกมันยังนอนอยู่กับที่ไม่ได้สนใจไป๋จูเหวินที่พึ่งมาถึงเลย

 

“เข้าใจแล้ว” ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบใบหน้าของมังกรดินต่ออีกหน่อย ก่อนที่มันจะเดินผ่านมังกรดินที่เชื่องแล้วไปหามังกรดินที่พึ่งจับมาใหม่ แน่นอนว่าทันทีที่ไป๋จูเหวินเดินเข้าไปใกล้ เหล่ามังกรที่มีท่าทีไม่ไว้ใจมนุษย์นักก็มีท่าที่เชื่องลงในทันที ไม่นานมันก็เดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินด้วยตนเอง ทําเอาเหล่าคนเลี้ยงดูอสูรพากันมองไป๋จูเหวินด้วยท่าที่ชื่นชมในทันที

 

“นายน้อยยยย” ตั้งแต่เข้ามาช่วยงานของกลุ่มนักล่าอสูรท่าทางคนส่งสารคงจะเคยชินกับการวิ่งมาเรียกไป๋จูเหวินไปแล้ว เพราะทันทีที่จัดการธุระไปอย่างหนึ่งไม่นานคนส่งสารของหน่วยอื่นก็จะมาตามไป๋จูเหวินไปอยู่ดี

 

“เชิญขอรับนายน้อย ที่เหลือข้าจัดการเอง” คนของเขตเลี้ยงอสูรว่าพลางยิ้มอย่างเอ็นดูทําให้ไป๋จูเหวินได้แต่ยอมไปตามคนส่งสารแต่โดยดี เพียงแต่ว่าคนส่งสารคราว นี้เป็นคนของหน่วย 9 ที่ไม่ค่อยจะมีเรื่องอะไรให้ไป๋จูเหวินช่วยเสียเท่าไหร่

 

“มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ” ไป๋จูเหวินถามพลางมองคนส่งสารจากหน่วย 9 อย่างประหลาดใจ

 

“มีแขกมาขอพบนายน้อยขอรับ” คนส่งสารจากหน่วย 9 ว่าพลางชี้ไปทางประตูทางทิศเหนือ

 

“แขก…”ไปัจูเหวินชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง การที่หน่วยที่ 9 ซึ่งเป็นหน่วยตรวจตรามาแจ้งข่าวนั่นหมายความว่าผู้มาขอเข้าพบไม่ได้นัดล่วงหน้าเอาไว้

 

“ขอรับ พวกมันบอกว่าเป็นคนของสมาคมแพทย์ขอรับ” คนส่งสารตอบด้วยสีหน้ากังวล

 

“อ๋อ” ไป๋จูเหวินนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่นึกเลยว่าสมาคมแพทย์จะมาไวขนาดนี้ ทั้งๆที่พึ่งลดปริมาณการส่งออกไปนิดหน่อยเท่านั้น ทั้งนี้เพราะไป๋จูเหวินพึ่งเริ่มฝึกให้หน่วยที่ 10 ปรุงยาด้วยตนเองได้ไม่นาน จะขัดแย้งกับสมาคมแพทย์ในทันที่ก็คงไม่ดี การที่สมาคมแพทย์มาในครั้งนี้ไม่ทราบว่าเพราะเรื่องการส่งออกสมุนไพรหายากน้อยลงหรือเรื่องอื่นกันแน่

 

“แจ้งข่าวให้พาคนจากสมาคมแพทย์มาหาข้าที่ห้องประชุมวังมังกร และตามรองอาวุโสและผู้ช่วยอาวุโสของหน่วย 10 มาที่ห้องประชุมด้วย” ไป๋จูเหวินว่าพลางกลับไปที่วังมังกรอย่างรวดเร็ว ไม่นานรองอาวุโสและผู้ช่วยอาวุโสตามมา อย่างรวดเร็ว ก่อนที่คนของสมาคมแพทย์จะเข้ามาในอีกไม่ช้า

 

“อะไรกัน ท่านหัวหน้าหวงหลงอยู่ไหนกัน” ทันทีที่เข้ามาชายชราผู้เป็นเหมือนผู้นก็เอ่ยปากถามทันที

 

“ท่านหัวเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ขอรับ” ไป๋จูเหวินตอบพลางเดินเข้ามาต้อนรับคนจากสมาคมแพทย์ด้วยท่าที่ยิ้มแย้ม

 

“แล้วเจ้าเป็นใคร” ชายชราว่าพลางมองมาทางไป๋จูเหวินด้วยท่าทีสงสัย เพราะครั้งก่อนที่มันมายังไม่เคยพบไป๋จูเหวินมาก่อน

 

“ท่านเป็นศิษย์เอกของท่านหัวหน้าขอรับ และยังเป็นว่าที่หัวหน้าคนใหม่อีกด้วย” รองอาวุโสหน่วย 10 รีบตอบทันที มันจงใจพูดเรื่องไป๋จูเหวินจะกลายเป็นหัวหน้าคนต่อไปเพื่อให้คนจากสมาคมแพทย์ รู้สึกเกรงใจไป๋จูเหวินบ้าง

 

“มิน่าล่ะเดือนนี้การส่งสมุนไพรถึงได้ย่ำแย่นัก” ชายชราพูดด้วยท่าที่หยิ่งยโส สมาคมแพทย์นั้นเป็นสมาคมที่ยึดครองสูตรยาและวิชาแพทย์เอาไว้เป็นของตนเอง ทําให้แพทย์ที่สังกัดอยู่กับสมาคมมีวิชาความรู้มากกว่าแพทย์ทั่วไป และนั่นทําให้วังหลวงของราชวงศ์อู่เองก็ยังรับแพทย์ของสมาคมแพทย์ เข้ามาทําหน้าที่หมอหลวงหรือก็คืออํานาจของสมาคม แพทย์นั้นค่อนข้างยิ่งใหญ่ที่เดียว แต่กลุ่มนักล่าอสูรเองในสมัยก่อนก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้สมาคมแพทย์เลย ทําให้แต่เดิมความสัมพันธ์ของทั้งสองกลุ่มเป็นเหมือนการพึ่งพาอาศัยกันราวกับกลุ่มพี่น้องเสียมากกว่า แต่เมื่อกลุ่มนักล่าอสูรเสียอํานาจไป สมาคมแพทย์กลับทําตัวราวกับเป็นกลุ่มที่อยู่สูงกว่า และคอยกดราคาสมุนไพรจากกลุ่มนักล่าอสูรลงอยู่เรื่อยๆ

 

“ในเมื่อหัวหน้าหวงหลงไม่อยู่ ข้าก็คงต้องบอกเรื่องนี้กับตัวแทนของท่านสินะ” ชายชราว่าพลางกระแอมเสียงเบา

 

“ข้าคืออาวุโสจินจู่จากสมาคมแพทย์ มาที่นี่เพื่อจะส่งจดหมายเตือนให้กับกลุ่มนักล่าอสูร” อาวุโสจินจู่ว่าพลางยื่นจนหมายให้กับไป๋จูเหวิน

 

“ขอรับ” ไป๋จูเหวินรับจดหมายมาอย่างว่าง่ายพลางมองท่าที่ราวกับขุนนางมาประกาศคําสั่งขององค์จรรกพรรดิก็ไม่ปาน

 

“จงรู้สึกเป็นเกียรติว่าที่สมาคมแพทย์ยังรับสมุนไพรจากพวกเจ้า และจงส่งสมุนไพรตามจํานวนที่ระบุภายในสิ้นเดือนหน้าเสียด้วย” พูดจบ อาวุโสจินจู่ก็พาลูกน้องตัวเอง เดินทางกลับไปด้วยท่าที่หยางยโส พวกมันสามารถทําเช่นนี้ได้ตลอดเพราะกลุ่มนักล่าอสูรตกต่ำลงมากจริงๆ แม้จะให้เหล่าอาวุโสฝึกฝนวิชาที่พึ่งได้กลับมาจนหมดก็ยังไม่ทราบว่าจะสามารถสร้างความรุ่งเรื่องแบบสมัยก่อนได้เมื่อไหร่

 

“อดทนได้ดีมากขอรับนายน้อย” รองหัวหน้าหน่วยที่ 10 ว่าพลางผ่อนลมหายใจออกมา หากเป็นคนหนุ่มคนอื่นคงโจมตีใส่อาวุโสจินจู่ไปแล้วเป็นแน่หากทําเช่นนั้นเรื่องที่พวกมันกําลังวางแผนอยู่คงแดงเสียก่อน

 

“ช่วยไม่ได้นี่นา ตอนนี้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ” ไป๋จูเหวินว่าพลางเปิดจดหมายออกอ่าน โดยข้อความส่วนแรกเป็นคําต่อว่าที่กลุ่มนักล่าอสูรส่งสมุนไพรตามจํานวนที่มันบอกไม่ได้ และส่วนกลางก็เป็นการสรรเสริญสมาคมแพทย์อย่างกับเป็นผู้มีพระคุณในแผ่นดินก่อนจะตามมาด้วยท่อนท้ายที่เป็นการสั่งสมุนไพรจํานวนมากด้วยราคาที่ถูกจนน่าเจ็บใจ

 

หากเป็นแต่ก่อนกลุ่มนักล่าอสูรคงได้แต่ยอมทําตามเท่านั้น เพราะสมาคมแพทย์ถือครองสูตรยาที่มีความจําเป็นกับอาณาจักร ยาของพวกมันถูกส่งออกไปขายโดยทั่วไป แม้สมาคมจะไม่ใช่สมาคมที่ดี แต่ยาของพวกมันก็คือสิ่งช่วยชีวิตคนได้เป็นจํานวนมาก และด้วยการครอบครองสูตรยาเอาไว้แต่ผู้เดียวเช่นนี้ทําให้สมาคมแพทย์กดดันเหล่าเมืองต่างๆที่คิดจะซื้อสมุนไพรจากกลุ่มนักล่าอสูรได้อย่างง่ายดาย พวกมันกล่าวว่าหากมีใครเข้ามาแย่งซื้อสมุนไพรจากกลุ่มนักล่าอสูร มันจะไม่ส่งยาไปขายที่เมืองนั้นๆ ทําให้ตลาดสมุนไพรของกลุ่มนักล่าอสูรถูกผูกขาดมานับแต่นั้น และด้วยการถูกผูกขาดนั้น ทําให้สมาคมแพทย์สามารถกดราคาของกลุ่มนักล่าอสูรลงได้ แม้ตอนแรกจะกดราคาลงนิดหน่อยเท่านั้น แต่ช่วงหลังมานี้ราคามันเริ่มถูกจนรับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่เพราะหากไม่ส่งสมุนไพรให้สมาคาแพทย์ก็จะไม่ส่งยาให้กับเมืองต่างๆเช่นกัน แน่นอนว่านั่นจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทําให้หวงหลงได้แต่ยอมฝืนใจส่งสมุนไพรไปให้ในจํานวนที่มันพอจะรับได้ และพยายามเจรจาราคาให้สูงกว่านี้ จนกระทั่งไป๋จูเหวินเข้ามาสอดแทรกการประชุม ทําให้จํานวนสมุนไพรไม่ครบสมาคมแพทย์ที่เพิ่งเล็งกลุ่มนักล่าอสูรอยู่แล้วส่งคนมาต่อว่าแทบจะทันที

 

“จะทําอย่างไรดีขอรับนายน้อย” ผู้ช่วยอาวุโสหน่วยที่ 10 ถาม เพราะมันเป็นคนดูแลเรื่องการฝึกฝนของกลุ่มแพทย์ที่พึ่งตั้งขึ้นใหม่ มันทราบดีว่ายามนี้แพทฝึกหัดของพวกมันยังไม่ชํานาญพอจะสร้างยาคุรภาพดีพอจะแข่งกับพวกสมาคมแพทย์ได้

 

“ส่งสมุนไพรตามรายการไปก่อน” ไป๋จูเหวินตอบพลางมองรายการสมุนไพรในจดหมาย

 

“แบบนั้น..สมุนไพรที่เรามีก็จะถูกขายไปจนหมดนะขอรับ แล้วเราจะสร้างยาออกมาแข่งกับพวกมันได้อย่างไร” รองอาวุโส 10 ถามด้วยท่าที่กังวล มันคิดว่าจะส่งสมุนไพรไปให้สมาคมแพทย์จํานวนน้อยลง และเหลือสมุนไพรให้ตนเองเอาไว้สร้างยาจํานวนหนึ่งก่อน พอจํานวนยาพอที่จะส่งออกไปยังเมืองต่างๆค่อยแสดงท่าที่แข็งข้อกับสมาคมแพทย์

 

“ไม่ต้องห่วง” ไป๋จูเหวินว่าพลางเรียกกระดาษและพู่กันออกมาจากมิติของตนเอง มันเขียนสูตรยาที่มันจําได้ลงไปอย่างช้าๆ สมุนไพรที่สมาคมแพทย์ต้องการล้วนเป็นสมุนไพรระดับกลาง ทําให้ได้ยารักฟื้นฟูอาการบาดเจ็บระดับกลางออกมาในราคาเม็ดละ 5 เหรียญทอง หากมันรับสมุนไพรจากกลุ่มนักล่าอสูรในราคาที่มันส่งให้ไป๋จูเหวิน ต้นทุนต่อเม็ดสมควรจะอยู่ที่ 50 เหรียญเงินซึ่งถูกกว่านับ 10 เท่า เรียกได้ว่ามันฟันกําไรจากการผูกขาดสูตรยามานานโขทีเดียว

 

“เอาสูตรนี้ไปให้แพทย์ของเรา” ไป๋จูเหวินว่าพลางยื่นสูตรยาใหม่ให้กับผู้ช่วยอาวุโสหน่วยที่ 10

 

“นี่มัน…” ผู้ช่วยอาวุโสหน่วยที่ 10 เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ สูตรยาที่ให้มานั้นไม่ได้ใช้สมุนไพรระดับกลางเลย ส่วนผสมทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นต่ำทั้งสิ้น

 

“นายน้อย ยาตัวนี้จะสู้กับยาของสมาคมแพทย์ได้หรือผู้ช่วยอาวุโสหน่วย 10 ขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ

 

“มันสู้ไม่ได้หรอก” ไป๋จูเหวินยิ้มพลางหัวเราะออกมา เรื่องไร้สาระอย่างการเอาสมุนไพรระดับต่ำมาผสมกันให้เป็นยาที่ดีกว่ายาที่ใช้สมุนไพรระดับกลางนั้นเป็นเรื่องที่ทําได้ยากมาก แน่นอนว่าไป๋จูเหวินสามารถทําด้วยตนเองได้ด้วยการใช้เพลิงอสูรหลอมออกมา แต่นั่นก็ต้องให้ไป๋จูเหวิน ทําด้วยตนเองเท่านั้นไม่ใช่เหล่าแพทย์ฝึกหักของกลุ่มนักล่าอสูรที่แทบจะเป็นมือใหม่เสียด้วยซ้ำ

 

“อย่างมากยาตัวนี้ก็มีผล 3 ใน 4 ของยาที่สมาคมแพทย์ทําออกมาเท่านั้น” ไป๋จูเหวินยิ้มพลางมองไปทางรองอาวุโสหน่วยที่ 10

 

“แบบนี้นี่เอง” รองอาวุโสหน่วยที่ 10 ว่าพลางยิ้มออกมา

 

“อะไรหรือท่านรอง” ผู้ช่วยอาวุโสถามพลางขมวดคิ้วงุนงง

 

“อะไรกัน ท่านมัวแต่ยุ่งกับการปรุงยาจนลืมหน้าที่หลักของพวกเราไปแล้วหรืออย่างไร” รองอาวุโสหัวเราะออกมา

 

“หน้าที่หลัก…ก็การค้าไม่ใช่หรื…”ผู้ช่วยอาวุโสนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะร้องอ๋อออกมา ด้วยสมุนไพรระดับต่ำ ทําให้สูตรยาทําง่ายกว่าสูตรยาระดับกลางมาก และด้วยสูตรยาใช้แต่สมุนไพรระดับต่ำนี่เอง ทําให้ราคาต่อเม็ดนั้นตกอยู่ราวๆ 20 เหรียญเงินเท่านั้น ซึ่งถูกกว่าต้นทุนของสมาคมแพทย์มาก หากพวกตนขายตัดราคาของสมาคมแพทย์รับรองว่ามันต้องขายได้อย่างแน่นอน ลองนึกดูสิยาที่มีผลใกล้เคียงกันแต่ถูกกว่าครึ่งหนึ่ง คนธรรมดาทั่วไปที่มีเงินไม่มากสมควรซื้อเก็บไว้ไม่ใช่หรืออย่างไร และต่อให้สมาคมแพทย์ปรับราคาลงมาเพื่อสู้กับยาของกลุ่มนักล่าอสูร มันก็ไม่มีทางปรับลงได้มากกว่าอยู่แล้ว แน่นอนว่ามันยังมีความเสียงอื่นๆที่ต้องคํานวณ แต่…

 

“ไม่ต้องห่วง สิ่งนี้เป็นแค่ใบเบิกทางเท่านั้น” ไป๋จูเหวินยิ้มพลางมองไปทางที่อาวุโสจินจู่จากไป พวกมันยังเชื่อว่ากลุ่มนักล่าอสูรไม่มีอะไรสู้ทางธุรกิจกับพวกมัน ไม่นานมันจะได้ทราบว่ากลุ่มนักล่าอสูรไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว