บทที่ 231
เขากัดฟัน พร้อมพูดขึ้นว่า “จะให้พวกเราหลายตระกูลสูญเสียหายเปล่าๆไม่ได้ ไป พวกเราไปหาตระกูลจ้าว จะให้ตระกูลจ้าวอาศัยความขัดแย้งของคนอื่นเพื่อตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัวไม่ได้”
“ไป”
เพิ่งพูดเสร็จ ผู้นำตระกูลหลายตระกูลใหญ่ต่างเห็นด้วย แล้วไปตระกูลจ้าวพร้อมกัน
ทันใดนั้น ความคึกครื้นสะนั่นไปทั่วทุกทิศทาง
จินหลิง
หอคอยบุษบาฝน
มีอาคารสมัยราชวงศ์ชิงหมิงอาคารหนึ่ง
อาคารหลังนี้พื้นที่กว้างใหญ่มาก อาคารหลังใหญ่มีทางเข้าออกสี่ทาง
ที่นี่
ที่นี่คือตระกูลจ้าวหนึ่งในหกตระกูลใหญ่ของจินหลิงที่ไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจที่สุด ลึกลับที่สุด
เวลานี้
ภายในลานกว้างตระกูลจ้าว
ชายชราอายุเจ็ดสิบกว่าคนหนึ่ง สวมชุดสมัยราชวงศ์ถัง นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้จินสื่อหนาน
คนคนนี้ก็คือเจ้าบ้านจ้าว จ้าวเทียนหลง
ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านจ้าว จ้าวเทียนหลงที่ไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจอย่างที่สุด
เขาไม่ได้ออกจากตระกูลจ้าวมาหลายปีแล้ว
แต่ตอนนี้ ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความโศกเศร้า
คนที่นั่งอยู่ด้านข้าง เป็นผู้ชายอายุห้าสิบกว่า มีชื่อเรียกว่าจ้าวหาน
เขาเป็นลูกชายคนเดียวของจ้าวเทียนหลง
และเป็นผู้ดูแลตระกูลจ้าวในตอนนี้
จ้าวหานกำลังรายงานเรื่องงานประลองบู๊ ตลอดจนความเคลื่อนไหวของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ให้จ้าวเทียนหลงฟัง
“เฮ้อ”
จู่ๆจ้าวเทียนหลงก็ถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ตระกูลจ้าวตกอยู่ในอันตราย”
จ้าวหานถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “พ่อ ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เฉินป้าเซียนไม่ได้เป็นเจ้าพันธมิตรบู๊ไม่ใช่เรื่องดีหรือ?”
จ้าวเทียนหลงมองเมินจ้าวหาน พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเฉียนหม่านถังสนับสนุนให้หยางเฟิงเป็นเจ้าพันธมิตรบู๊ทำลายแผนของเฉินป้าเซียน เจ้าคิดว่าเขาจะปล่อยคนของเฉียนหม่านถังไปหรือ?”
“ตระกูลจ้าวถือเป็นหนึ่งในหกตระกูลใหญ่ เป็นพวกเดียวกัน เฉินป้าเซียนลงมือกับคนเฉียนหม่านถัง แน่นอนว่าจะต้องลงมือกับตระกูลจ้าวด้วยแน่ พวกเราตระกูลใหญ่หลายตระกูล มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่จะขาดจากกันไม่ได้”
พูดเสร็จ
จ้าวเทียนหลงแสดงสีหน้าจนใจ
ทำไมตนเองจะต้องมีลูกชายที่โง่เขลาเช่นนี้
เห็นทีหลังจากตนเองตายไปแล้ว ตระกูลจ้าวยังจะสามารถรักษาไว้ได้ไหม ยังถือว่าเป็นปัญหา
“ไปเตรียมตัวเถอะ คิดว่าคนของเฉียนหม่านถังใกล้จะมาถึงแล้ว”
จ้าวหานอึ้ง พร้อมถามขึ้นว่า “พ่อ พ่อรู้ได้อย่างไรว่าคนของเฉียนหม่านถังจะมา?”
“พ่อ….”
ทันใดนั้น
จ้าวเทียนหลงค่อนข้างไม่อยากพูดอะไร
หากตนเองไม่มีลูกชายเพียงคนเดียวแบบนี้ เขาอยากที่จะถีบเขาให้ตายมากจริงๆ
จ้าวเทียนหลงพูดอธิบายอย่างใจเย็นว่า “คนเฉียนหม่านถังไปหาหยางเฟิง จะต้องอยากให้หยางเฟิงช่วยพวกเขา แต่อยู่ดีๆ ทำไมหยางเฟิงจะต้องช่วยพวกเขา? ดังนั้นคนของเฉียนหม่านถังจะต้องจ่ายมูลค่ามหาศาล”
“ต้องจ่ายมูลค่ามหาศาลขนาดนั้น ในใจคนของเฉียนหม่านถังจะยอมหรือ? พวกเขาไม่ยอม งั้นก็ต้องมาตระกูลจ้าวของเรา”
ได้ฟังคำอธิบายของจ้าวเทียนหลง
จ้าวหานค่อยนึกขึ้นได้
เขากัดฟันพูดขึ้นว่า “หยางเฟิงคนนี้ อันตรายจริงๆ”
จ้าวเทียนหลงพูดขั้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “พ่อว่า หยางเฟิงคนนี้มีแผนที่ดี คนคนนี้ ไม่ใช่คนที่มีความทะเยอทะยานสูงส่ง แต่มีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง แค่ไม่แสดงออก แต่ถ้าคนได้เห็นได้รู้รับรองตะลึงงัน ”
และในเวลานี้
พ่อบ้านเดินมาหาอย่างรีบร้อน พร้อมพูดขึ้นว่า “นายท่าน คนเจ้าบ้านเฉียนมาขอพบท่าน”
พูดถึงก็มาถึงเลย
หน้าลานตระกูลจ้าว
ภายในห้องรับแขก
“เจ้าบ้านจ้าว มาถึง”
เสียงดังตะโกนขึ้น
จ้าวเทียนหลงพาจ้าวหานเดินเข้ามา
จ้าวเทียนหลงมองดูคนเฉียนหม่านถังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันลมอะไร ถึงได้พัดพวกท่านมาถึงที่นี่?”
เฉียนหม่านถังพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าบ้านจ้าว คนฉลาดไม่พูดจาไขสือ คุณไม่ต้องทำเป็นเลอะเลือน”
“พวกเรายกบริษัทมหาชนจำกัดให้ตระกูลเจ้าพันธมิตรหยางมูลค่านับหมื่นล้าน ความเสียหายนี้ ตระกูลจ้าวของคุณก็เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ทั้งหก ยังไงก็ต้องมีส่วนร่วมส่วนหนึ่ง”
“ใช่”
“นี่เป็นเรื่องของตระกูลใหญ่ทั้งหก จะให้พวกเรารับผิดชอบเองไม่ได้”
ผู้นำตระกูลอื่น ต่างก็เห็นด้วย