บทที่ 382 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 382 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
  เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเทียน จ้าวเทียนเล่อก็โกรธจัด

  เขาคิดไม่ถึงว่า บัดนี้ตระกูลจ้าวที่กำลังรุ่งเรืองมาก คนจำนวนมากมายขนาดนั้นต่างก็พากันมาประจบประแจงพวกเขา นึกไม่ถึงว่าฉินเทียนยังจะกล้าพูดจาแบบนี้

  ตามความคิดของเขา ถ้าหากฉินเทียนรู้จักวางตัว ก็ควรจะฉวยโอกาสนี้ ยกเลิกเรื่องการชำระหนี้ของห้าเมือง

  ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ทันทีที่เขาจ้าวเทียนเล่อมีความสุข ไม่แน่ว่าอาจจะปล่อยวางฉินเทียนสักครั้ง

  เป็นเวลาครู่หนึ่ง เขากัดฟัน พูดอะไรไม่ออกอย่างคาดไม่ถึง

  จ้าวเทียนจีกล่าวอย่างดูแคลน: “โอ้อวดเหลือเกิน! อย่าว่าแต่คุณเลย จะปกป้องทั่วทั้งเจียงหนานได้หรือไม่ได้ ก็ยังไม่รู้เลยนะ”

  “คนแซ่ฉิน ผมได้ข่าวมาว่า ทั่วทั้งเป่ยเจียงเห็นคุณเป็นศัตรูคู่อาฆาต แทบจะทนไม่ไหวที่ต้องการจะฆ่าคุณ!”

  “ผมยังสามารถบอกคุณได้ด้วยว่า ยอดฝีมือของเป่ยเจียงได้มาถึงเรียบร้อยแล้ว”

  “ทรัพย์สินกิจการของพวกเราตระกูลจ้าวเยอะแยะมากมาย เพียงแต่ว่า คุณคิดว่า คุณจะยังมีชีวิตให้เอาไปไหม?”

  ใบหน้าของฉินเทียนก็เคร่งขรึมเช่นเดียวกัน กล่าวอย่างเย็นชา: “พวกคุณจะยืมมือเป่ยเจียงมาฆ่าผม ไม่มีปัญหา”

  “แต่ว่า ผมได้รับมอบหมายจากผู้อื่น ถ้าหากว่าด้วยเหตุนี้พวกคุณกล้าทำร้ายไปถึงหลิวชิงเหยา อย่าโทษว่าผมเหี้ยมโหดไร้ความปรานี!”

  “เมื่อถึงเวลานั้น พวกคุณตระกูลจ้าว ก็ตัดชื่อออกจากหยุนชวนเถอะ!”

  “คุณพูดอะไร?” จ้าวเทียนจีตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

  จ้าวเทียนเล่ออึ้งไปทันที กล่าว: “คุณต้องปกป้องหลิวชิงเหยา?”

  “คนแซ่ฉิน คุณมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับหลิวชิงเหยา? ไม่ใช่ความแค้นที่ฆ่าบิดางั้นหรือ?”

  “ทำไมคุณถึงต้องการปกป้องเธอ?”

  ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมของเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีปัญหา

  การไปรับเจ้าสาวครั้งนี้ราบรื่นขนาดนี้ เพียงเพราะว่า หลิวชิงเหยาต้องการฆ่าฉินเทียน เพื่อแก้แค้นแทนบิดาของเธอจริงๆงั้นหรือ?

ในนี้ จะมีความจริงอย่างอื่นที่ปกปิดเอาไว้หรือไม่?

  ถ้าเป็นข่าวอื้อฉาวประเภทนี้ ตระกูลใหญ่แบบพวกเขาเช่นนี้ ไม่สามารถยอมได้อย่างเด็ดขาด

  ฉินเทียนยิ้มเยาะไม่พูดจา แทะเมล็ดแตงต่อไป

  ควรพูดว่า เขาต่างก็พูดแล้วว่า สำหรับจะเลือกอย่างไรนั้น นั่นเป็นเรื่องของตระกูลจ้าว

  เขาติดค้างน้ำใจของคนทั้งครอบครัวของหลิวเช่อ เดิมทีก็มีความโมโหอยู่บ้าง

  ครั้งนี้ ถ้าหากว่าตระกูลจ้าวกล้าทำร้ายไปถึงหลิวชิงเหยา ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่ถือสาที่จะใช้วิธีการที่โหดร้ายจริงๆ

  จ้าวเทียนเล่อกัดฟันแน่น ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น เสียงร้องตื่นตกใจดังลอยมาจากประตู

  “คุณชายเฟิง เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” มีคนของตระกูลจ้าวร้องอย่างตื่นตกใจ

  เมื่อเห็น ดวงตาของจ้าวเฟิงแดงก่ำ พุ่งเข้ามาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด

  มีเรื่องอะไรหรือ?

  เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

  งานเลี้ยงที่ดำเนินไปด้วยความสุข ก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาทันที แขกต่างพากันหลบหลีก

  จ้าวเฟิงกระโจนตัวไปที่ด้านหน้าของจ้าวเทียนเล่อ กล่าวด้วยความตื่นตระหนกหวาดกลัว: “พ่อ เกิดเรื่องแล้ว!”

  “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

  จ้าวเทียนเล่อตกใจทันที สมองของเขามีความว่างเปล่าทันที

  “เฟิงเอ๋อร์ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

  “พวกเธอไม่ใช่ว่าไปรับเจ้าสาวหรอกหรือ? หรือว่าคุณชิงเหยาไม่มางั้นหรือ?”

  จ้าวเฟิงกล่าวเสียงเบา: “พี่สะใภ้และคนของเป่ยเจียง เข้าพักที่โรงแรมอย่างปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว”

  จ้าวเทียนเล่อถอนหายใจ กล่าว: “เช่นนั้นยังจะเกิดเรื่องอะไรได้อีก”

  “พวกเธอคนหนุ่มสาว อารมณ์ร้อนจริงๆ ตื่นเต้นใหญ่โตกับสิ่งเล็กน้อย”

  เขายิ้มและกล่าวกับแขกที่อยู่บริเวณรอบๆ: “คนหนุ่มสาวทะเลาะวิวาทต่อยตี ตีกันจนหัวแตก ทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะแล้ว”

  “ผมขอตัวไปจัดการก่อน ทุกท่าน เชิญดื่มด่ำกับอาหารและเครื่องดื่มต่อ อย่าได้ถือสา”

  พูดไป เขายังหันไปจ้องฉินเทียนด้วยความดุร้ายแวบหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลน: “ดีมาก พวกเราจะได้เห็นดีกัน”

  จากนั้น ถึงสาวเท้ายาวออกไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม

  งานเลี้ยงวันนี้ ล้วนเป็นคนที่มีฐานะ เขาไม่อยากมีข่าวอื้อฉาวใดๆ ทำให้ทุกคนเห็นเป็นเรื่องน่าตลก

  ดังนั้น จะต้องพาไปจัดการที่อื่น

  แขกทุกคน หวาดกลัวจิตใจไม่สงบ

  มีคนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ ไม่รู้ว่าเป็นใครไม่นึกไม่ฝันว่าจะกล้าทะเลาะวิวาทต่อยตีตอนที่ตระกูลจ้าวตอนที่กำลีงมีงานมงคล ดูเหมือนว่า คนนั้นจะต้องโชคร้ายแล้ว

  คนจำนวนมากมองไปทางฉินเทียน ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกและเยาะหยัน

  ชายหนุ่มคนนี้ เหมือนกับว่าไม่ไว้หน้าตระกูลจ้าวเอามากๆ นั่นไม่ใช่ว่าเป็นการรนหาที่ตายงั้นหรือ?

  ฉินเทียนขมวดคิ้ว เดาไม่ออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตระกูลจ้าว แต่ว่า ได้ยินว่าหลิวชิงเหยาเข้าพักที่โรงแรมได้อย่างปลอดภัย เขาก็นับว่าโล่งใจแล้ว

  ลุกขึ้นเตรียมตัวที่จะออกไป ทันใดนั้น หนังตาของเขาก็กระตุกทันที

  จากที่ไกลๆ ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวคนหนึ่งกำลังถือไวน์แดงแก้วหนึ่งเดินเข้ามา

  ชายหนุ่มยิ้มแย้ม มองดูไปเหมือนคุณชายที่ร่ำรวยสูงศักดิ์ แต่ว่า จากจังหวะการก้าวเท้าของเขา สอดคล้องกับร่างกาย รวมทั้งการหายใจ

  ฉินเทียนรู้ทันทีว่า นี่ก็คือยอดฝีมือ

  ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นยอดฝีมือที่จัดการได้ยากกว่าจุยเฟิง

  เขาไม่ได้พบเจอกับยอดฝีมือแบบนี้มานานมากแล้ว อีกทั้งยังเห็นได้ชัดเจนมากว่า อีกฝ่ายกำลังมุ่งเข้ามาหาเขา

  เขาอดไม่ได้ที่จะหรี่ดวงตาลง

  “คุณชายจี้ คุณก็มาด้วยเช่นกันหรือ!”

  “อ้าว นี่มันคุณชายน้อยนี่นา!”

  “คุณชายน้อย ผมขอดื่มให้คุณ!”

  “แม้แต่คุณชายจี้ยังมาเลย เกียรติยศของตระกูลจ้าวยิ่งใหญ่จริงๆ”

  ทุกๆที่ที่ชายหนุ่มเดินผ่าน แขกเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นมีหลายคนที่เป็นหัวหน้าของตระกูลผู้ดีตระกูลหนึ่ง ทั้งหมดทักทายด้วยสีหน้าหวาดกลัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความประจบประแจง

  ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าอย่างลวกๆเท่านั้น ดวงตาของเขา จ้องมองฉินเทียนอยู่ตลอดเวลา

  ในที่สุด เขาก็มาถึงตรงหน้าของฉินเทียน

  รู้สึกว่าผู้ที่มาไม่ได้มาดี เถียหนิงซวงและหม่าหงเทา สีหน้าท่าทางจริงจัง ยืนขวางไว้อยู่ด้านหน้าของฉินเทียนโดยไม่รู้ตัว

  ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มกล่าว: “สาวสวยท่านนี้ ยังมีพี่ชายท่านนี้ด้วย ไม่ต้องตื่นเต้น”

  “ผมก็แค่จะมาดื่มเหล้าให้ซักแก้ว”

  “ผมขอแนะนำตัวสักหน่อย ผมจี้ซิง ตระกูลจี้ เมืองซื่อไห่”

  “คุณก็คือฉินเทียนใช่ไหม?”

  เมืองซื่อไห่ ตระกูลจี้……

  บนใบหน้าของฉินเทียนปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่ขบคิด เคยดื่มชาคุยเล่น ไม่ว่าจะรวมถึงสถานภาพของทิศใต้

  เขาเคยได้ยินอันกั๋วพูดเน้นย้ำ บรรดาจังหวัดทางทิศใต้ สองเมืองที่แข็งแกร่งที่สุด หนึ่งคือซื่อไห่ หนึ่งคืออู่หู

  และเมืองซื่อไห่ ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด ก็คือตระกูลจี้

  ไม่เหมือนกับตระกูลผู้ดีอื่นๆ จ่ายราคาสูงเพื่อเชื้อเชิญผู้มีศิลปะการต่อสู้มาเพื่อมาคุ้มกันทรัพย์สินและกิจการ ตระกูลจี้ เดิมทีก็เป็นตระกูลขุนนางศิลปะการต่อสู้

  ได้ข่าวว่าพวกเขายังควบคุมดูแลวิชาบู๊ที่ไร้ผู้สืบทอดจำนวนมากมาย

  สามารถพูดได้ว่า ลูกศิษย์ของตระกูลจี้ แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือ

  คิดไม่ถึงว่าคุณชายน้อยจี้ซิงคนนี้ จะเป็นฝ่ายเข้ามาหาตนเองโดยคาดไม่ถึง ดูเหมือนว่า เรื่องราวจะมีความสนุกขึ้นหน่อยแล้ว

  เขายิ้ม ให้เถียหนิงซวงและหม่าหงเทาถอยออกไป

  “ผมคือฉินเทียน”

  “คิดไม่ถึง ว่าตระกูลจ้าวจะมีเกียรติยศที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ สามารถเชิญคุณชายจี้มาร่วมพิธีแต่งงานได้”

  “ไม่” จี้ซิงเลิกหางคิ้วขึ้น: “ผมมาที่นี่ ไม่ใช่เพื่อตระกูลจ้าว แต่เพื่อคุณ”

  “หืม?” ฉินเทียนขมวดคิ้ว

  จี้ซิงไม่อ้อมค้อม: “ได้ข่าวมาว่าคุณแข็งแกร่งมาก ผมอยากจะประลองกับคุณสักครั้ง”

  “ผมไม่ได้ประลองกับคุณฟรีๆ ผมทราบดีว่า ปัญหาของคุณไม่เล็ก หยุนชวนและคนของเป่ยเจียง ล้วนแต่ต้องการฆ่าคุณ”

  “ประลองกับผมสักครั้ง ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เรื่องราวเหล่านี้ผมช่วยคุณจัดการสงบศึกได้ เป็นอย่างไร?”

  เขากล่าวอย่างสบายๆเป็นอย่างมาก แต่ว่า คนที่เข้าใจความเป็นจริง ต่างก็รู้ดีว่า นี่เป็นคำพูดที่อวดดีแค่ไหน

  หยุนชวนและเป่ยเจียง มีความแค้นที่ลึกซึ้งกับฉินเทียน พวกเขาแทบจะทนไม่ไหวที่ต้องการจะฆ่าเขา

  จี้ซิงคนนี้พูดประโยคเดียวก็สามารถจัดการสงบศึกได้แล้ว?

  นี่มันหน้าใหญ่แค่ไหน!

  ฉินเทียนมองออกว่า จี้ซิงไม่ได้พูดจาโอ้อวด แววตาของเขาตรงไปตรงมาเป็นอย่างยิ่ง

  สำหรับเขา เขาเพียงแต่กำลังพูดเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องปกติมากๆ ในความคิดของเขา

  ก็เหมือนกับเป็นลูกๆหลานๆที่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ คำพูดแบบสบายๆ แต่สำหรับคนยากจน ต่างก็เหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง

  เพียงแค่ความตรงไปตรงมาเท่านั้น ฉินเทียนก็มีความรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย ต่อคุณชายน้อยที่เกิดในตระกูลผู้ดีคนนี้อย่างคาดไม่ถึง

  เขาส่ายหน้าไปมา ยิ้มกล่าว: “ข้อแรก ผมไม่มีความสนใจที่จะประลองกับคุณ”

  “ข้อสอง เรื่องของผมฉินเทียน ยังไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาช่วยจัดการสงบศึก”

  “ลาก่อน”

  พูดจบ ก็เดินจากไปทันที