ตอนที่1361 ผู้ดีมารยาทเสีย

 

“ไฉนเจ้าถึงสนใจทำเนียบดาวเด่นอะไรนั่น? หากต้องการทรัพยากรไร้จำกัด มาเข้าร่วมกับหอมหาสมบัติก็ยังไม่สาย? หุหุ,ข้าหยอกเล่นน้องเย่อย่าได้ใส่ใจ อย่างไรก็ตาม หากการทดสอบเป็นการแข่งหลอมกลั่นโอสถกัน อย่าว่าแต่ทำเนียบดาวเด่นเลย แม้แต่ตำแหน่งศิษย์เอกพวกนั้นคงรีบประเคนให้! แต่การทดสอบนี้เป็นศาสตร์แห่งการต่อสู้นี่สิ…”

หยางรุยมิได้เอ่ยกล่าวอันใดต่อ แต่ความหมายในคำกล่าวเหล่านั้นชัดเจนมากแล้ว

ด้วยความแข็งแกร่งของเย่หยวน หากต้องการครอบครองตำแหน่งทำเนียบดาวเด่น เกรงกว่าดูจะไร้สาระเกินไป

 

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ข้าแค่ถามเท่านั้น พี่หยางอย่าได้คิดมากเลย!”

เขามิได้มีความคิดที่จะแช่งชิงตำแหน่งนี้กับใคร เพราะตระหนักดีว่าอาณาจักรพลังของตนยังค่อนข้างต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่เรื่องผ่านการทดสอบทั้งสามรอบ เย่หยวนเองก็พกความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม

นับตั้งแต่ที่มาถึงมหาพิภพถงเทียน ความสนใจทั้งหมดของเย่หยวนก็มุ่งอยู่กับเพียงการหลอมกลั่นโอสถและหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียน แต่มิใช่ว่าเขาจะทิ้งการฝึกปรือวรยุทธต่อสู้ไปเลย ถึงกระนั่นพัฒนาการกลับหยุดนิ่งและมิได้ก้าวหน้าขึ้นมานานแล้ว

 

ในเวลาเดียวกัน สาวน้อยในชุดสีเหลืองและหญิงชราเดินกระทืบเท้าสีดังตึงตังขึ้นมาที่ชั้นสองของโรงเตี๊ยมเฟิงหลาน

 

“ขอบพระคุณอย่างยิ่งที่พวกท่านเลือกใช้บริการกับทางเรา แต่เราบอกไปแล้วว่า ชั้นสองโต๊ะเต็มหมดแล้ว เราจะรีบหาโต๊ะใหม่ให้ในชั้นหนึ่ง!”

บริกรเร่งรุดวิ่งตามขึ้นมาและกล่าวบอกสาวน้อยเสื้อเหลืองด้วยรอยยิ้มสุดขมขื่น

 

ทว่าสาวน้อยในชุดเหลืองนางนี้กลับเมินบริกรคนนั้น เมื่อกวาดสายตามองสักสองสามรอบ ในที่สุดนางก็ปราดตรงเข้าไปที่โต๊ะของเย่หยวนอย่างรวดเร็ว

 

 

ปังงง!

 

สาวน้อยในชุดเหลืองตบแหวนเก็บของวงหนึ่งวางไว้บนกลางโต๊ะ และกล่าวขึ้นอย่างเอาแต่ใจว่า

“เจ้าหนู นี่โต๊ะของข้า! ภายในแหวนวงนี้มีผลึกปราณเทวะระดับต่ำห้าร้อยก้อน ส่วนบัญชีโต๊ะเรียกเก็บกับข้าได้เลย เจ้าเพียงรับแหวนวงนี้และไสหัวออกไปซะ!”

 

ความงดงามของสาวน้อยในชุดเหลืองนางนี้ช่างเป็นที่สะดุดตาทุกคนอย่างจัง

และดูเหมือนว่าทุกคนต่างก็รู้จักนางเป็นอย่างดี

 

“นั้นมัน…นางปีศาจน้อยแห่งตระกูลฉิน นางคนนี้เอาแต่ใจสิ้นดี หากเขาไม่ตามน้ำไปเกรงว่าประสบปัญหาเข้าให้แล้ว”

 

“เรื่องนี้กลับช่วยไม่ได้จริงๆ ใครจะไปรู้ว่านางจะเคลื่อนไหวในเวลานี้ หลายปีมานี้ เป็นจำนวนไม่รู้เท่าไหร่แล้วที่นางลงมือทำร้ายผู้อื่น”

 

“เจ้าหนุ่มนั้นซวยโดยแท้ ดูจากการแต่งการคงมาจากเขตเมืองชนบท เฮ้ออ…เพิ่งมาเมืองหลวงครั้งแรกกลับวิ่งชนเข้ากับฉินเป่ยอวี่เสียแล้ว น่าสงสารนัก”

 

 

………………..

 

 

ฝูงชนโดยส่วนใหญ่ตระหนักชัดดีถึงตัวตนของสาวน้อยในชุดเหลืองนางนี้ ทุกคนต่างเหลือบมองเย่หยวนด้วยความเห็นอกเห็นใจ

 

เย่หยวนเงยหน้าช้อนสายตาจับจ้องไปที่ฉินเป่ยอวี่ พลันเหลียวมองแหวนเก็บของบนโต๊ะ ทันใดนั้นก็เอ่ยปากกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า

“แม่นาง เมื่อเอาไปแล้ว ทั้งหมดจะเป็นของข้า?”

 

เมื่อเหล่าฝูงชนโดยรอบที่เฝ้าสังเกตการณ์เห็นแบบนั้น ทุกคนก็อดผิดหวังมิได้

ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นชายหนุ่มและหญิงสาว วัยประมาณนี้มีหรือจะยอมลดศีรษะให้กัน?

แน่นอนว่าทุกคนต่างคาดหวังจะได้รับชมละครสักฉากหนึ่ง แต่ใครจะไปคิด เย่หยวนกลับไม่สู้คนขนาดนี้

 

ฉินเป่ยอวี่ไม่แม้แต่จะปกปิดสีหน้าการแสดงออกของนาง เมื่อได้ฟังวาจาแสนขี้ขลาดดังนั้น ก็ยิ่งมองเย่หยวนด้วยสายตาสุดรังเกียจและดูถูกหยามเหยียด นางกล่าวเสียงเย็นตอบว่า

“แน่นอน! ทั้งหมดนี้มีผลึกปราณเทวะระดับต่ำห้าร้อยก้อน ทั้งหมดเป็นของเจ้า จะไปไหนก็ไป”

 

เย่หยวนพยักหน้าตอบพลางผลักแหวนเก็บของกลับไป เขากล่าวตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเดิมว่า

“แม่นาง ภายในแหวนวงนี้มีผลึกปราณเทวะระดับต่ำห้าร้อยก้อน รับมันไปแล้วรีบๆไสหัวไปซะ เสียเวลาข้ารับประทานอาหารยิ่งนัก”

 

เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ทุกคนรอบข้างต่างตะลึงงันในบัดดล

ถูกย้อนทันควันเช่นนี้ กระทั้งพวกเขายังไม่ทันตอบสนอง!

แต่ชั่วครู่ต่อมา ทุกคนต่างทราบทันที วันนี้มีละครฉากใหญ่ให้รับชมกันแล้ว

 

การตอบโต้ของเย่หยวนแม้เรียบง่าย แต่กลับตอกฉินเป่ยอวี่หน้าเงย

 

แน่นอน สีหน้าการแสดงออกของฉินเป้ยอวี่แปรเปลี่ยนในทันใด นางตะคอกขึ้นด้วยความโกรธว่า

“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้ากล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งคุณหนูผู้นี้? เจ้าทราบหรือไม่ว่าคุณหนูผู้นี้เป็นใคร? เพียงกระดิกนิ้ว ชีวิตอันไร้ค่าของเจ้าก็ดับมอดลงได้ในทันที!”

 

ไม่เพียงจะล้ำเส้นหาเรื่องคนอื่น ทั้งยังตัดสินชีวิตผู้คนเล่นดั่งผักปลาแบบนี้ กล่าวตามสัตย์จริง เย่หยวนรู้สึกรังเกลียดฉินเป่ยอวี่อย่างมาก

 

เย่หยวนสันนิฐานได้ทันที คงมีหลายชีวิตไม่น้อยที่ตายลงด้วยน้ำมือของนาง

 

“นายน้อยผู้นี้ไม่รู้จักและไม่อยากรู้จักเช่นกัน จะไปไหนก็ไป อย่ายืนขวางหูขวางตาเช่นนี้ ข้ากินอาหารไม่ลง”

เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมโบกมือไล่สองสามที

 

ฉินเป่ยอวี่นางนี้ถูกตามใจจนติดนิสัย มีหรือเคยถูกคนอื่นกล่าววาจาเช่นนี้ใส่? นางยกฝ่ามือขึ้นพร้อมตบเข้าใส่ศีรษะเย่หยวนทันที!

ฝ่ามือนี้เปี่ยมไปด้วยพลังปราณเทวะที่ควบแน่นจนล้นปรี่ นางหวังสังหารเย่หยวนทิ้งภายในหนึ่งฝ่ามือ

 

สีหน้าของเย่หยวนมืดทมิฬถึงขีดสุด ครั้งนี้เขาโกรธจริงๆแล้วเช่นกัน

ฉินเป่ยอวี่นางนี้ยังเป็นเพียงสาวน้อยก็จริง ทว่าอาณาจักรพลังของนางกลับมิได้ต่ำแล้ว ปัจจุบันเป็นถึงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลาย

 

แม้อาณาจักรพลังของเย่หยวนจะค่อนข้างมั่นคงและแกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่ง แต่หากเทียบกันแล้ว เขายังด้อยกว่าอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายอยู่เล็กน้อย

ในมุมมองของคนอื่นๆ เย่หยวนนับเป็นผู้เคราะห์ร้ายอีกรายหนึ่งที่ถูกฉินเป่ยอวี่สังหารทิ้ง

 

แต่ในเวลานั้นเอง ฝ่ามือเย่หยวนพลันเคลื่อนตอบโต้ออกไปทันทีเช่นกัน

 

ในที่สุดนี้ หญิงชราที่อยู่เบื้องหลังฉินเป่ยอวี่ก็มีท่าทีเปลี่ยนไป นางที่เห็นเย่หยวนโจมตีตอบโต้ดังนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า

“รนหาที่ตาย!”

ลั่นคำจบ หญิงชราปราดพุ่งจู่โจมใส่เย่หยวนช่วยอีกแรงโดยตรง

 

แต่ทันใดนั้นเอง พลันมีสายลมหยินสุดเย็นยะเยือกจากไหนไม่ทราบโหมปะทะเข้าใส่เต็มแรง ร่างของกุ้ยหยุนปรากฏขึ้นในพริบตาต่อมา

 

เพียงเคาะนิ้วออกไปเบาๆ หญิงชรานางนั้นกระเด็นออกไปทันที

 

เพียะ!

เสียงตบคมชัดดังสนั่นลั่นโรงเตี๊ยม ร่างของฉินเป่ยอวี่หมุนเคว้งหลายตลบก่อนร่วงกระแทกพื้นโดยตรง

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตาดุจสะเก็ดไฟสาดสะท้อนจากคมโลหะ ทุกคนยังไม่ทันตอบสนองมองตามได้ทัน ทว่าทุกอย่างกลับจบลงเสียแล้ว

เย่หยวนตบหน้านางแรงมาก จนถึงขั้นที่ว่าปรากฏรอยฝ่ามือแดงครบห้านิ้วบนใบหน้าของฉินเป่ยอวี่

 

ในเวลาต่อมา ทุกคนต่างตะลึงงันกันเป็นแทบ ประการแรก ตกใจกับความแกร่งกล้าของเย่หยวน และประการที่สอง กุ้ยหยุนที่จู่ๆก็ปรากฎกายขึ้นมา

วิญญาณชั่วระดับสองชั้นปลาย กลับคอยปกป้องชายหนุ่มผู้นี้อยู่ข้างกาย!

มิได้เห็นผิดแต่อย่างใด ระหว่างเดินทางไกลจากเมืองกุยฉางมายังเมืองหลวงหวูเมิ่ง กุ้ยหยุนเลื่อนระดับชั้นขึ้นสู่สองดาวชั้นปลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

 

เดิมทีกุ้ยหยุนยังติดอยู่ที่จุดสูงสุดของสาวดาวชั้นกลาง แต่หลายปีที่ผ่านมา ภายใต้คำชี้แนะของหวูเฉิน และวรยุทธบ่มเพาะพลังอันทรงอนุภาพอย่าง อักขระร้อยภูตเต๋า ปัญหาอย่างการเลื่อนระดับชั้นกลับเหลือเพียงเรื่องของเวลา

 

หญิงชรานางนั้นเป็นแค่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลาง แล้วนางจะเป็นคู่มือของกุ้ยหยุนได้อย่างไร? นางพ่ายลงทันทีภายในกระบวนโจมตีเดียว

 

แม้เย่หยวนยังไม่ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายก็จริง แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการบ่มเพาะฝึกปรืออย่างหนัก และกระเดือกโอสถบ่มเพาะปราณเป็นว่าเล่น เขาก็อยู่ไม่ห่างจากอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายแล้วเช่นกัน

เนื่องด้วยระดับความบริสุทธิ์และความหนาแน่นของพลังปราณเทวะของเย่หยวน ความแกร่งกล้าของเขาก็มิได้ด้อยไปกว่าอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายทั่วไปอยู่แล้ว

ฉินเป่ยอวี่เพิ่งขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายมาได้ไม่นาน ยิ่งไปกว่านั้น เพียงมองปราดเดียวก็ทราบทันทีว่า นางไม่เคยผ่านศึกสัประยุทธ์จริงๆจังๆมาเลยสักครั้ง ไร้ซึ่งประสบการณ์แบบนี้ แล้วนางจะเอาชนะเย่หยวนได้อย่างไร?

 

“แก…แกกล้าตบหน้าข้างั้นรึ?! ข้าจะฉีกแขนขาแกและนำศพไปให้สุนัขแทะ! ไอ้บ้านนอกอย่างแก บังอาจทำให้ใบหน้าอันงดงามของคุณหนูผู้นี้เสียโฉม ฟ้าต่ำแผ่นดินสูงหารู้จักไม่! นังโสเภนีข้างๆคงเป็นคนรักเจ้ากระมัง? ข้าจะส่งคนไปขืนใจมันและกรีดหน้าให้เสียโฉมชั่วชีวิต!”

ฉินเป่ยอวี่อาละวาดหนัก นางเอ่ยปากด่าพวกเย่หยวนด้วยถ่อยคำแสนหยาบคายยิ่ง

 

เมื่อหญิงชรานางนั้นเห็นสีหน้าของเย่หยวนที่มืดทมิฬหนักเข้า นางก็เร่งตะโกนขึ้นแทรกทันทีว่า

“เจ้าหนูหยุดก่อน! ฉินเป่ยอวี่เป็นบุตรสาวสืบสายเลือดของตระกูลฉิน! อย่าทำสิ่งใดโดยไม่คิด อาจตายโดยไม่ที่ฝัง!”

 

แต่อย่างไรก็ตาม มันกลับสายเกินไปเสียแล้ว…

 

 

เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!!

 

เสียงตบหน้าดังกระหึ่มทั่วโรงเตี๊ยมหลายชุดใหญ่จนแสบหูทุกคน ในยามนี้ทุกคนรอบข้างต่างจับจ้องไปที่เย่หยวนด้วยแววตาแสนสั่นกลัว

บางคนถึงกับยกมือขึ้นลูบหน้าตนเองเบาๆคล้ายแสบสัน ประดุจว่าเป็นพวกเขาที่โดนกระหน่ำตบหน้าแทน

บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมเฟยหลานเงียบสงัดดุจป่าช้า มีเพียงเสียงกระหน่ำตบหน้าที่ยังคงดังลั่นไม่หยุดหย่อน

 

เย่หยวนขึ้นไปค่อมร่างของฉินเป่ยอวี่ที่นอนเจ็บอยู่ พร้อมกระหน่ำตบหน้าเต็มแรงไม่ยั้งมือ จนตอนนี้ใบหน้าอันงดงามของนางกลับบวมช้ำเป็นหัวหมู จนจำหน้ามิได้แล้วว่าลูกหลานใคร

 

 

ทุกคนต่างพรูหายใจเย็นด้วยความหวาดกลัว ใจหายวูบแทบตกไปถึงตาตุ่ม หาญกล้ากระหน่ำตบหน้าคุณหนูตระกูลฉินได้ขนาดนี้ หรือชายหนุ่มคนนี้เสียสติไปแล้ว?

 

“ในวัยหนุ่มสาวย่อมมีช่วงคึกคะนองกันทั้งนั้น! เดิมทีข้าเพียงต้องการสั่งสอนเล็กน้อย แต่เจ้าถึงขั้นมีเจตนาชั่วช้าข่มขู่สหายข้า นี่กลับฝังลึกจนเป็นสันดานแล้ว! หากไม่ตบให้ปากฉีกเสียบ้าง คงไร้สมองคิดไม่ได้!”

 

เจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าไป เย่หยวนยังมีอารมณ์ทานอาหารอยู่ได้อย่างไร?

ความหิวก่อนหน้าพลันอันตรธานหายหมดสิ้น

 

เย่หยวนโยนแหวนเก็บของที่ฉินเป่ยอวี่ให้มาตอนแรกกลับไป และกล่าวน้ำเสียงสุดเย็นชาขึ้นว่า

“แม่นาง เป็นถึงคุณหนูลูกผู้ดี แต่หัดศึกษาเรื่องมารยาทเสียบ้าง เอาผลึกปราณเทวะที่ให้มาไปชดใช้ค่าเสียหายแก่โรงเตี๊ยมเฟิงหลานซะ ส่วนที่เหลือก็เอาไปซื้อยาทาแก้แผลบวมช้ำ”

 

เมื่อกล่าวจจบเย่หยวนก็พาทุกคนเดินจากโรงเตี๋ยมเฟิงหลานไปทันที โดยไม่เหลียวหลังกลับมองอีกเลย