ตอนที่ 274 ช่วงเวลาที่งดงามภายในสวนผืนน้อย
ตอนที่ 274 ช่วงเวลาที่งดงามภายในสวนผืนน้อย
พี่สี่จ้าวบุ้ยปาก “ตอนที่ไม่ได้ลงไปทำนาก็ไม่เห็นว่าคุณจะทำของอร่อยอะไรเลย แต่ละมื้อก็ทำแบบถู ๆ ไถ ๆ”
พี่สะใภ้สี่จ้าวฟังแล้วก็โมโห “ในบ้านเรามีอะไรบ้างล่ะ คุณดูสิ ยากจนขนาดแทบจะกินแกลบกันอยู่แล้ว จะให้ฉันหาอะไรมาทำให้คุณกิน? มีปัญญานักคุณก็ไปซื้อเนื้อซื้อผักซื้อข้าวซื้อแป้งมาสิ ฉันจะทำให้คุณกินทุกวันเลย!”
พี่สี่จ้าวทราบดีว่าทะเลาะไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา จึงหมุนตัวเดินออกไป
ตอนนี้คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวย้ายไปอยู่ที่ฟาร์มกระต่ายแล้ว จึงเหลือแค่ครอบครัวเขาเพียงครอบครัวเดียว เมื่อนึกถึงอดีตที่ทุกคนเคยอยู่ที่นี่ด้วยกันอย่างครึกครื้น ก็แอบรู้สึกไม่คุ้นชิน
พี่สี่จ้าวมองไปที่สวน ปีที่แล้วพ่อกับแม่ของเขาจะปลูกพืชผักที่สวนในช่วงเวลานี้ ตอนนี้เขายุ่งจนไม่ได้หยุดพัก ถ้ายังไม่ปลูกอีก ปีนี้คงไม่มีผักให้รับประทาน เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็ถอนหายใจออกมา เกิดความรู้สึกว่าตัวเองต้องทำงานหนักทุกวันแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันนะ
ฤดูใบไม้ผลิอากาศอบอุ่น ดอกไม้ก็เบ่งบาน ฤดูดี ๆ แบบนี้ นอกจากออกแบบแล้ว เย่ฉูฉู่ก็จัดการกับสวนผืนเล็ก ๆ ด้วย
ก่อนอื่นต้องถางวัชพืชก่อน แล้วก็โปรยเมล็ดพันธุ์ผักลงบนบริเวณที่จะปลูกผัก รอบ ๆ แปลงปลูกดอกไม้อีกนิดหน่อย ฟังดูแล้วงานไม่ได้เยอะแยะอะไร แต่ก็ทำต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว
อย่างแรกคือปลูกต้นหอม จากนั้นก็ปลูกผักกาดขาว ผักกาดหอม กุยช่าย มะเขือยาว พริก มะเขือเทศ ผักเหล่านี้ต้องเพาะปลูกไว้ก่อน ส่วนถั่วแขกต้องรอหลังจากนี้อีกหน่อย
ต้นแอปเปิลในปีนี้ยังไม่ผลิดอก แต่ออกใบแล้ว ตั้งแต่ใบอ่อนไปจนถึงใบเพสลาด ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วพริบตา ตอนนี้เย่ฉูฉู่ชอบหักกิ่งต้นหลิวมาสองสามกิ่ง จากนั้นก็บิดจนกลายเป็นนกหวีดเพื่อเป่าให้เสี่ยวไป๋หยางและลูกลิงฟัง
เสี่ยวไป๋หยางได้ยินก็โบกมือขยับเท้า ยื่นมือออกมาเพื่อจับ เย่ฉูฉู่จึงให้เขาหนึ่งกิ่ง เด็กน้อยก็เอาใส่ปากทันที ผลลัพธ์ที่ได้หลังได้ลิ้มรสชาติความขม คิ้วเล็ก ๆ ก็ขมวดเข้าหากัน เย่ฉูฉู่ถึงกับหัวเราะออกมา จากนั้นจึงยื่นให้ลูกลิงอีกหนึ่งกิ่ง ลูกลิงรับนกหวีดไปเล่นอย่างมีความสุข มันเป่าเลียนแบบเย่ฉูฉู่ แต่มันจะเป่าเป็นที่ไหนกัน มันจึงรีบส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ
เย่ฉูฉู่รีบยื่นมือออกไปปลอบมัน จากนั้นจึงหยิบนกหวีดของตัวเองขึ้นมาเป่า ลูกลิงจึงสงบลงในทันที เย่ฉูฉู่คิดว่าลูกลิงคงชอบเสียงนกหวีดมาก
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างช้า ๆ ต้นหอมขนาดเล็กสีเขียวก็เติบโตขึ้น ผักกาดขาวหัวเล็กก็ปรากฏใบเล็ก ๆ ออกมาให้เห็น ดอกไม้ที่อยู่โดยรอบก็มีดอกตูมโผล่ออกมา ใช้เวลาอีกไม่นาน สวนขนาดเล็กแห่งนี้ก็มีสีสันสดใสทั้งสวน
ตอนนี้ไม่มีลม แสงแดดก็กำลังพอดี เย่ฉูฉู่จึงหยิบเก้าอี้โยกออกมาวางไว้ที่ชั้นหินปูนซีเมนต์ตรงประตูบ้าน เธออุ้มเสี่ยวไป๋หยางพลางชี้ดอกไม้ใบหญ้าต้นหอมและผักกาดขาวเล็ก ๆ ให้ลูกดูและบอกเขาว่าคืออะไร เสี่ยวไป๋หยางก็ยื่นนิ้วเล็ก ๆ ออกไปชี้พร้อมส่งเสียงอ้อแอ้ เย่ฉูฉู่กล่าวชื่นชมสองสามประโยค ลูกลิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กข้าง ๆ ได้ยินจึงส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ เย่ฉูฉู่ก็ชมมันไปสองสามคำเช่นกัน จนบางครั้งเธอก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกับสอนลูกสองคน
หลังช่วงเที่ยงของวัน เมื่อเย่ฉูฉู่และลูกชายตื่นจากการนอนกลางวัน เธอจึงลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา และมานั่งบนเก้าอี้โยกเพื่อสอนลูกเหมือนกับทุก ๆ วัน ลูกลิงก็เข้ามาร่วมด้วยเหมือนทุกครั้ง
“เสี่ยวไป๋หยาง ลูกดูสิ นั่นคือดอกไม้ นั่นคือใบหญ้า ส่วนนั่นคือผักกาดขาวต้นน้อย”
ตอนที่เย่ฉูฉู่กำลังพูดท่ามกลางเสียงอ้อแอ้ ๆ ของเสี่ยวไป๋หยาง จู่ ๆ ก็มีคำหนึ่งหลุดออกมา “ผัก!”
เย่ฉูฉู่ตกตะลึง ลูกชายพูดเป็นแล้ว!
“เสี่ยวไป๋หยาง เก่งจริง ๆ เลย ถูกต้องจ้ะ นั่นคือผักนะ!” เย่ฉูฉู้ตั้งใจเน้นเสียงพูดว่า ‘ผัก’ ให้ชัด
เสี่ยวไป๋หยางยิ้ม และพูดซ้ำอีกครั้ง “ผัก!”
เย่ฉูฉู่ดีใจมาก สิ้นเดือนนี้ลูกชายเพิ่งจะมีอายุห้าเดือนเท่านั้น เธอได้ยินมาว่าเด็กจะพูดได้ตอนขวบกว่า ๆ จะเรียกพ่อแม่ได้ก็หลังจาก 7-8 เดือน ตอนนี้ลูกชายเพิ่งจะห้าเดือนก็พูด ‘ผัก’ ได้แล้ว สุดยอดเกินไปแล้ว!
แน่นอนว่านี่อาจจะเป็นการออกเสียงของเสี่ยวไป๋หยางที่ใกล้เคียงกับ ‘ผัก’ ก็ได้ แต่เย่ฉูฉู่ก็ยังเชื่อว่าลูกชายออกเสียงจริง ๆ สิ่งนี้คงเป็นความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่หวังว่าลูกจะประสบความสำเร็จ
“ลูกรักของแม่เก่งจริง ๆ!” เย่ฉูฉู่ยกลูกชายจนลอยตัวขึ้นสูง
เสี่ยวไป๋หยางยิ้มอย่างมีความสุข
เด็กคนนี้ชอบยิ้มเป็นพิเศษ ไม่หยอกก็ยิ้มแล้ว แต่ยิ่งหยอกก็ยิ่งยิ้ม
“อ้าว สองคนแม่ลูกเป็นอิสระขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!” เฮ่อซงจือเดินเข้ามาด้านในพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม “มาได้ไงเนี่ย ที่บ้านไม่ยุ่งเหรอ?”
“ไม่ยุ่งได้ไงล่ะ ตอนนี้เป็นช่วงถอนวัชพืชเลย นี่เพิ่งกลับมาจากทำนาและให้นมลูกเสร็จ ฝากลูกไว้ให้แม่สามีดูให้ก็ออกมาเลย เดี๋ยวก็ต้องกลับไปทำอาหารอีก” เฮ่อซงจือยกเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าเย่ฉูฉู่
“แม่สามีของเธอก็ดีนะ เธอออกมาก็ไม่ได้พูดอะไร” เย่ฉูฉู่กล่าว
“ก็แบบนั้นแหละ เฮ้อ ใช้ชีวิตแบบนี้ คิดเยอะเกินไปไม่ได้จริง ๆ พอคิดมากเกินไป ก็ใช้ชีวิตต่อไม่ได้!” เฮ่อซงจือกวาดซ้ายมองขวา พูดด้วยความอิจฉาว่า “ฉูฉู่ สวนบ้านเธอเก็บกวาดไว้ดีจริง ๆ เธอจัดการคนเดียวเลยเหรอ?”
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลูกไม่มีอะไรต้องห่วง ไม่ได้ทำให้การทำงานของฉันล่าช้าเลย แถมยังมีไฉไฉด้วย ช่วยงานฉันได้มากเลยล่ะ”
ในตอนนี้ลูกลิงเข้าไปซ่อนตัวในบ้านแล้ว
เฮ่อซงจือแอบรู้สึกไม่พอใจเท่าไรนัก “ลิงบ้านเธอนี่ทำไมทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงเลย เห็นคนก็ไปหลบซ่อน ฉันมาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่คุ้นหน้ากันอีก!”
“มันกลัวคน เธอจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับลิงทำไมเนี่ย” เย่ฉูฉู่ขบขัน
เฮ่อซงจือก็ยิ้ม “ฉันก็พูดไปงั้นแหละ สวนผืนน้อยของเธอ ฉันยิ่งเห็นก็ยิ่งชอบ”
“รอเธอสร้างบ้านเสร็จก็จัดแบบนี้ได้” เย่ฉูฉู่กล่าว
เฮ่อซงจือพยักหน้า “ฉันคิดไว้ดีแล้ว ฉันจะทำแบบเธอเลย ประตูบ้านก็จะราดด้วยปูนซีเมนต์ ด้านบนนี้ตากของสักหน่อยคงดีมากเลย สะอาดแถมยังสะดวกด้วย”
“แล้วเธอจะสร้างบ้านเมื่อไรล่ะ?” เย่ฉูฉู่จำได้ว่าจ้าวเหวินจื้อเคยพูดว่าจะซื้อบ้าน แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร
“หลังฤดูใบไม้ร่วงปีนี้แหละ” เฮ่อซงจือกล่าว “ที่ดินซื้อไว้แล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกเราซื้อช้าไปหน่อย ไม่งั้นคงได้เป็นเพื่อนบ้านกับเธอแล้ว”
ตอนนี้มีหลายครอบครัวมาสร้างบ้านที่ตงเหลียง เป็นเพราะตอนแรกจ้าวเหวินเทาซื้อที่ดินไว้ค่อนข้างใหญ่ ทางตะวันตกก็ทำเป็นลานตีข้าว คนอื่น ๆ ก็ศึกษาและทำตามด้วย พวกเขาจึงซื้อที่ดินขนาดใหญ่ และสร้างลานตีข้าวไว้ทางทิศตะวันตกเช่นกัน บ้านแต่ละหลังจึงอยู่ห่างจากกัน ติดกับลานตีข้าวของจ้าวเหวินเทาก็คือบ้านของชุยต้า บ้านของเขาสร้างในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ ติดกับบ้านของชุยต้าคือบ้านของคนในหมู่บ้านที่มีแซ่เมิ่ง จากนั้นก็เป็นบ้านของเฮ่อซงจือ ตามมาติด ๆ ด้วยเจ้ารองฉวี่ เมิ่งต้าอยู่ด้านหน้าของบ้านเจ้ารองฉวี่และอยู่ใกล้กับสวนผลไม้ ซึ่งตำแหน่งบ้านของเจ้ารองฉวี่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านที่สุดแล้ว
มีไม่กี่ครอบครัวอาศัยอยู่กันอย่างเบาบาง แต่กลับครองพื้นที่เกือบจะครึ่งหมู่บ้านแล้ว เรื่องนี้ทำให้คนในหมู่บ้านอิจฉามาก ซื้อที่ดินสร้างบ้านก็ต้องซื้อใหญ่ ๆ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีที่ไว้วางของ ถึงอย่างไรในชนบทก็มีของเยอะ จำเป็นต้องมีสถานที่ใหญ่ ๆ ไว้เก็บฟางฟืนที่เป็นเชื้อไฟ
“ไม่เป็นไร ยังไงพวกเราก็อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ไปมาหาสู่สะดวกกว่าในหมู่บ้านด้วย” เย่ฉูฉู่กล่าว
ระหว่างที่คุยกัน เสียงของภรรยาเหล่าหวังสามก็ดังมาจากประตูสวน “อ้าว เฮ่อซงจือ เธอมานั่งพักที่นี่เหรอ!”
แม้เย่ฉูฉู่จะไม่ค่อยชอบอีกฝ่ายเท่าไร แต่เมื่อเห็นก็ต้องเรียกทักทาย “สะใภ้หวังกลับมาจากทำนาแล้วเหรอ รีบเข้ามานั่งสิ!”
เธอหยิบเก้าอี้ของลูกลิงเข้ามาวางต้อนรับ
เฮ่อซงจือก็กล่าวทักทาย “ใช่ เข้ามาพักแป๊บหนึ่งน่ะ อีกเดี๋ยวก็กลับไปทำกับข้าวแล้ว”
ภรรยาเหล่าหวังสามเดินเข้ามาด้านในสวน หล่อนกวาดมองซ้ายทีขวาที ก่อนจะเดาะลิ้นชื่นชม “เก็บกวาดสวนผืนน้อยได้ดีจริง ๆ ฉูฉู่ เธอเลี้ยงลูกแต่ก็ทำงานได้เยอะแยะขนาดนี้เลยนะ!”
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แลดูเป็นชีวิตที่สงบสุขนะคะ อยู่กับบ้านปลูกผักปลูกดอกไม้เนี่ย
ไป๋หยางพูดได้แล้ว เก่งจริงๆ เลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)