ตอนที่ 63 เทพมังกรสาบาน

กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์

ตอนที่ 63 เทพมังกรสาบาน

 

 

มังกรน้อยและเฉียนเยวี่ยโต้เถียงกันอยู่หลายยกและไม่มีใครยอมใคร

 

ด้วยไอคิวและคารมอันคมคาย แน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมไม่อาจเปรียบเทียบกับเฉียนเยวี่ยจอมเจ้าเล่ห์ได้

 

นอกจากนี้มังกรน้อยยังมองออกว่า สายเลือดเผ่าพันธุ์ของเฉียนเยวี่ยนั้นไม่ธรรมดา และความแข็งแกร่งที่ระดับสูงสุดของมันนั้นย่อมสูงล้ำเกินคาดคิด

 

ท่าทีของมันเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆและไม่โต้เถียงกับเฉียนเยวี่ยอีกต่อไป สุดท้ายก็เงียบปากลงและไม่เอ่ยอันใดอีก

 

เฉียนเยวี่ยบ่นฉอดๆอีกครู่หนึ่งก่อนที่จะเลิกราเช่นกัน  เมื่อมันตระหนักว่าอีกฝ่ายถูกล่ามไว้ในทะเลสาบน้ำแข็งและไร้ซึ่งอิสรภาพ มันเริ่มเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและพูดคุยกับมัน

 

พวกมันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันจนในที่สุดก็พบว่าประสบการณ์ชีวิตของพวกมันนั้นคล้ายคลึงกันมาก  พวกมันต่างก็ถูกสะกดพลังความสามารถและต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่จำกัดร่วมร้อยปี

 

มังกรน้อยเริ่มเกิดความรู้สึกใกล้ชิดจึงไม่คิดจะโจมตีจี้เทียนซิงอีกต่อไป  เฉียนเยวี่ยพูดคุยปลอบใจอีกหลายคำ จากนั้นก็บินกลับไปหาจี้เทียนซิง

 

มันมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยสีหน้ามืดมนพลางกล่าวว่า “สหายจี้ ! ไม่ว่าจะเพราะอะไรที่ทำให้มังกรน้อยต้องอยู่ที่นี่,  ไม่ว่าบรรพบุรุษของเจ้าจะมีความลับอะไร  เจ้าต้องปลดปล่อยมังกรน้อยตัวนี้ !”

 

“มังกรทะเลตงไห่และตระกูลมังกรใดๆต้องไม่ปรากฏตัวในโลกมนุษย์ ! มิเช่นนั้นแล้วไม่เพียงแค่ตระกูลจี้ของเจ้าที่ต้องรับหายนะใหญ่หลวงในอนาคตเท่านั้น, ข้าเกรงว่ากระทั่งรัฐนภากระจ่างต้องถูกทำลายด้วยโทสะของเผ่าพันธุ์มังกรไปด้วย !”

 

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำอีกพลางกล่าวว่า “เฉียนเยวี่ย เจ้าจะให้ข้าช่วยมัน ? เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร ?”

“พลังของมังกรตัวนี้แข็งแกร่งมาก แถมมันยังถูกจองจำไว้ที่นี้ร่วมร้อยปี มันย่อมเกลียดชังตระกูลจี้เป็นอย่างมาก หากข้าปล่อยมันไป มันจะต้องทำลายล้างตระกูลจี้และสังหารทุกคนแน่นอน !”

 

เฉียนเยวี่ยก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน ทันใดนั้นดวงตาของมันก็เปล่งประกายด้วยไหวพริบ

 

“เฮ้อ เจ้ามันโง่ดีแท้  เจ้าคิดว่าอะไรคือสิ่งที่มังกรน้อยตัวนี้ต้องการที่สุด ? อิสรภาพใช่ไหมเล่า !”

“ตราบใดที่เจ้ายินดีที่จะปลดปล่อยและให้อิสรภาพกับมัน มันย่อมสัญญาว่าจะไม่แก้แค้นตระกูลจี้แน่นอน !”

 

จี้เทียนซิงยังคงขมวดคิ้วและกล่าวด้วยความสงสัยว่า “เฉียนเยวี่ย ข้าก็ยังไม่อาจไว้ใจมันได้อยู่ดี ต่อให้มันสัญญาว่าจะไม่แก้แค้นตระกูลจี้เมื่อได้รับอิสรภาพ แต่ผู้ใดจะรับประกันได้ว่ามันจะไม่กลับคำภายหลัง ?”

 

เฉียนเยวี่ยรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “สหายจี้ เจ้าไม่รู้สินะ สำหรับเผ่าพันธุ์มังกรแล้วคำสัญญาและคำสาบานนั้นสำคัญที่สุด หากเจ้าลองเจรจากับมังกรน้อยเกี่ยวกับเงื่อนไข จากนั้นก็ให้มันสาบานในนามของเทพมังกร  เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะผิดคำสาบาน”

 

จี้เทียนซิงพิจารณาอย่างเงียบงัน เขาพยายามชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียและผลตามมาที่อาจจะเกิดขึ้น

 

เขาไม่ทราบว่าทำไมบรรพบุรุษตระกูลจี้ถึงได้จองจำมังกรตัวนี้ไว้ในทะเลสาบหยานชิงทั้งๆที่มันก็ไม่ได้ให้การช่วยเหลือหรือปกปักษ์คุ้มครองตระกูลจี้แต่อย่างใด   อาจจะนำมาซึ่งหายนะครั้งใหญ่ด้วยซ้ำ

 

หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจได้  เขาพยักหน้าให้เฉียนเยวี่ยและกล่าวว่า “ก็ได้  ข้าจะลองเจรจากับมันดู”

 

เขาเดินออกจากป่าไผ่ไปที่ชายฝั่งของทะเลสาบหยานชิงพลางจ้องไปที่มังกรน้อย

 

เขากล่าวตรงประเด็นทันทีว่า “เจ้ามังกร ข้าคิดว่าเราสองน่าจะสามารถตกลงกันได้”

 

มังกรน้อยอึ้งไปครุ่หนึ่งพลางหันศีรษะไปมองเฉียนเยวี่ยและถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “แล้วเจ้าจะแลกเปลี่ยนอะไรกับข้า ?”

 

จี้เทียนซิงกล่าวอย่างสงบว่า “ขอบอกไว้ก่อน ข้าไม่เคยมีความคิดจะฆ่าเจ้าเพื่อช่วงชิงผลึกฟ้า  แต่ข้ามีความจำเป็นและปัญหาส่วนตัวที่ต้องทำให้สำเร็จ”

“ส่วนเจ้า ถูกกักขังอยู่ในนี้ร่วมร้อยปี ไม่เพียงแค่สูญเสียพลังความสามารถ แต่เจ้ายังเสียอิสรภาพทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อผู้ใด เรื่องนี้ข้าเห็นใจเจ้า ดังนั้น…. เรามาแลกเปลี่ยนกัน เจ้ามอบผลึกฟ้าให้ข้า ข้าจะปลดปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ !”

 

ทันใดนั้นเองดวงตาของมังกรน้อยก็เบิกกว้างและเปล่งประกายเต็มไปด้วยสีสันแปลกๆ มันกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นครือว่า

“เจ้า…. เจ้าหมายความว่า…  เจ้ากำลังจะปลดปล่อยข้าไปจากที่นี่งั้นหรือ !?”

 

จี้เทียนซิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง !”

“โซ่เหล็กเย็นที่ล่ามหางของเจ้าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพดีที่สุดที่โรงหลอมตระกูลจี้หลอมสร้างขึ้นมา  มันทนน้ำทนไฟและไม่เสื่อมสลายแม้จะผ่านไปเป็นพันๆปี  กลไกล็อคและอาคมที่สลักไว้บนโซ่นั้นคือตัวล็อคเก้าประตูของตระกูลจี้  ข้ารู้วิธีปลดล็อค”

 

มังกรน้อยออกอาการตื่นเต้น ดวงตาของมันเป็นประกายและกล่าวว่า

“เจ้าหนุ่ม นี่เจ้ากำลังหลอกมังกรอย่างข้าหรือเปล่า ? เจ้าจะปล่อยข้าไปจากที่นี่จริงๆ ?!”

 

จี้เทียนซิงยกคิ้วแล้วถามว่า “อะไร ? หรือว่าเจ้าไม่อยากไป ?”

 

“แน่นอนว่าข้าต้องการออกไป!” มังกรน้อยพยักหน้าหงึกๆอย่างรวดเร็ว เสียงของมันเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น “ข้าถูกขังในนี้มากว่าร้อยปี ข้าอยากออกไปจะตายอยู่แล้ว !”

 

“ตั้งแต่จำความได้ข้าก็ถูกจองจำอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้มาโดยตลอด….  ข้าเป็นถึงเผ่าพันธุ์มังกรอันสูงส่ง ข้าควรจะบินผ่านสวรรค์ชั้นเก้าไปยังโพ้นทะเลตงไห่ ! ข้าไม่ควรติดแหง่กอยู่ในสระน้ำเล็กแคบเช่นนี้ตลอดไป !”

 

หลังจากระบายอารมณ์อยู่ชั่วครู่มันก็มองลงไปที่จี้เทียนซิงและถามอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าหนุ่ม หากข้ามอบผลึกฟ้าให้เจ้า เจ้าจะปล่อยข้าไปใช่ไหม ?”

 

จี้เทียนซิงพยักหน้าอีกครั้ง “ถูกต้อง ! แต่ว่า ข้าขอให้เจ้าสาบานในนามของเทพมังกร หลังจากที่เจ้าเป็นอิสระแล้ว เจ้าจะต้องไม่แก้แค้นตระกูลจี้  ไม่ทำร้ายคนของตระกูลจี้รวมถึงข้าด้วย !”

 

“ไม่ !” มังกรน้อยส่ายหัวในทันทีและคำรามด้วยความโกรธแค้นอย่างลืมตัวว่า  “ตระกูลจี้ที่แสนต่ำทราม ! พวกมันกักขังข้าไว้ในนี้นับร้อยปี ข้าเกลียดชังพวกมันนัก ข้าจะทำให้ตระกูลจี้…….    เอ่อ”

 

ทันใดนั้นมันก็เห็นสีหน้าของจี้เทียนซิงที่เปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาพวยพุ่งด้วยความเย็นเยียบ มันรีบหุบปากทันที

 

 

มันลังเลและขบคิดอย่างเงียบงันเป็นเวลานานก่อนจะตัดสินใจ

“ได้ !  เพื่ออิสรภาพ… มังกรตนนี้ขอสัญญากับเจ้า !”

 

แววตาที่เย็นชาของจี้เทียนซิงเลือนหายไป เขากล่าวว่า “คำพูดลอยๆไม่เพียงพอ เจ้าต้องสาบานในนามของเทพมังกรด้วย”

 

มังกรน้อยถามย้ำต่อจี้เทียนซิงอีกหลายครั้งจนมันแน่ใจว่าชายหนุ่มไม่หลอกลวง  มันวางสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวเสียงดังว่า “ข้า หลงปิงขอสาบานในนามแห่งเทพมังกร หากจี้เทียนซิงปลดปล่อยข้าเป็นอิสระ ข้าจะไม่คิดแก้แค้นเอาผิดใดๆต่อตระกูลจี้ ข้าจะไม่ข่มเหงรังแกและไม่ทำร้ายจี้เทียนซิงหรือคนของตระกูลจี้เป็นอันขาด !”

 

เสียงของมังกรน้อยเคร่งขรึมจริงจังมากจนเผยให้เห็นบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง

 

เมื่อสิ้นเสียงของมัน พันธนาการไร้สภาพก็ตกลงมาจากฟ้า โถมเข้าสู่ร่างของมันและหล่อหลอมเข้าไปในจิตวิญญาณมังกร

 

นี่คือคำสาบานแห่งเทพมังกร !

 

หากจี้เทียนซิงปฏิบัติตามสัญญาแล้วแต่มันกลับเป็นฝ่ายที่ผิดคำสาบาน พันธะไร้สภาพนี้จะทำลายจิตวิญญาณมังกรของมันทันที !

 

หลังจากกล่าวถ้อยคำสาบานเสร็จสิ้นแล้ว มังกรน้อยก็ดึงเกล็ดมังกรดำบนหน้าผากของมันและส่งมอบให้จี้เทียนซิง

 

จี้เทียนซิงยื่นมือออกไปและรับเกล็ดมังกรดำของมันด้วยความงุนงง

“เจ้ามังกร เจ้าไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม สิ่งนี้หรือที่เรียกว่าผลึกฟ้า ? เกล็ดมังกรสีดำของเจ้าเนี่ยนะ ?”

 

เกล็ดมังกรนี้มีขนาดใหญ่เท่ากับฝ่ามือของชายหนุ่ม มันดำสนิทและแผ่ไอเย็นเยือกออกมา มันไม่ใช่โลหะแต่กลับเต็มไปด้วยความมันวาวและหนักอึ้งราวกับโลหะ

 

มังกรน้อยไม่พอใจต่อข้อสงสัยของจี้เทียนซิง มันถลึงตาพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นว่า “หลงปิงผู้นี้สาบานต่อเจ้าในนามเทพมังกรแล้ว  แน่นอนว่าย่อมไม่ได้โกหก!  เจ้าลองอัดพลังต้นกำเนิดเข้าไปแล้วจะเข้าใจเอง”

 

จี้เทียนซิงพยักหน้าและโคจรพลังต้นกำเนิดเพื่อถ่ายเทลงไปในเกล็ดมังกรดำ

 

ทันใดนั้นเกล็ดมังกรก็เริ่มเปล่งประกายระยิบระยับด้วยน้ำแข็งสีฟ้า มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าประหลาดใจ

 

หลังจากผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ เกล็ดมังกรอันดำสนิทก็แปรสภาพเป็นผลึกน้ำแข็งสีฟ้ารูปร่างเหมือนเพชรก้อนหนึ่ง