บทที่ 296 ล้อเล่นกับท่านอ๋องหก

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 296 ล้อเล่นกับท่านอ๋องหก
“ท่านอ๋องเย่ พระชายาเย่”

เมื่ออ๋องเซี่ยวจวิ้นเห็นก็รีบคำนับในทันที หนานกงเย่นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขาหันไปมองไป๋ซู่ซู่ และหันกลับไมาถามว่า:“เหตุใดท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นถึงมาที่นี่ได้?”

“ข้ามาเยี่ยมพระชายา ข้าไม่ชินกับการที่ไม่มีนางอยู่ด้วย” อ๋องเซี่ยวจวิ้นมองไปที่ไป๋ซู่ซู่ และไป๋ซู่ซู่ก็รู้ในทันทีว่าเขาต้องได้ยินข่าวอะไรมาแน่ ๆ

“เช่นนั้นก็เข้าไปก่อนเถอะ” หนานกงเย่เดินเข้าไปในจวนอ๋องเย่ และแน่นอนว่าอ๋องเซี่ยวจวิ้นไม่ได้ตามเข้าไป

“ท่านอ๋องเย่ ข้าไม่เข้าไปแล้ว วันนี้ข้ามารับพระชายากลับไป จะว่าไม่แล้วก็ไม่เคยแยกจากกันมาก่อน หลายวันที่ผ่านมาคิดถึงนางแทบแย่

จึงอยากพานางกลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าจะมาส่งนาง”

ตอนที่อ๋องเซี่ยวจวิ้นกล่าว หนานกงเย่ก็หันกลับไปมองอ๋องเซี่ยวจวิ้น แน่นอนว่าอ๋องเซี่ยวจวิ้นปากว่าตาขยิบ เดิมทีเขาไม่ได้จะเข้าไปยุ่งเรื่องของคนในตระกูลจงชิน ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถช่วยได้

ความคิดของเขายิ่งใหญ่แค่ในจวนเท่านั้น เมื่อออกมาข้างนอกกลับไม่มีอะไรเลย

ความมั่นใจยังไม่เพียงพอ

วันนี้มาแล้วก็ต้องถูกต่อว่า แต่ไม่มาก็ไม่ได้

เมื่อถูกหนานกงเย่มองเช่นนี้ เขาก็ก้มหน้าลงและไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

ไป๋ซู่ซู่ชินแล้ว อ๋องเซี่ยวจวิ้นมีอำนาจแค่ในจวน และไม่ถือสาที่จะเข้าไปพร้อมกับฉีเฟยอวิ๋น

อ๋องเซี่ยวจวิ้นรู้สึกเกลียดชัง แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก และทำได้เพียงเดินตามเข้าไป

หนานกงเย่ดูถูกคนเช่นนี้มากที่สุด หลังจากที่เข้าไปแล้ว เขาก็มองไปที่อ๋องเซี่ยวจวิ้น:“ท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้น ท่านเข้ามานั่งข้างในก่อนเถิด หากไม่รังเกียจก็อยู่ทานอาหารด้วยกันก่อน ส่วนพระชายาอ๋องเซี่ยวจวิ้น ท่านไปบอกนาง หากนางต้องการกลับไปกับท่าน ท่านก็พานางกลับไป แต่หากนางไม่ต้องการกลับไปกับท่าน เช่นนั้นข้าก็จะไม่ยอมให้นางกลับไปกับท่านเช่นกัน

วันนี้ตอนที่เข้าไปในวัง ฝ่าบาททรงขับไล่นางออกไปด้วยความโกรธ และรับสั่งให้พระชาเย่ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด หากนางกลับไปกับท่าน แล้วเกิดอะไรขึ้นกับนาง พระชายาเย่จะอธิบายอย่างไร ข้าผิดหวังในตัวท่านมาก ในเมื่อท่านเป็นสามี เหตุใดจึงกำจัดลูกของตนเอง ยกย่องนางสนมจนละเลยภรรยาเอก พระชายาเย่นั้นช่างเยือกเย็นจริง ๆ

พระชายาเย่เกลียดเรื่องนี้เป็นที่สุด ท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นจัดการตัวเองให้ดีเถิด”

หนานกงเย่กล่าวอย่างเย็นชา อ๋องเซี่ยวจวิ้นตกใจกลัวจนเหงื่อออกเต็มหน้า และแทบจะยืนไม่อยู่

หลังจากนั้นเขาก็กล่าวว่า:“ท่านอ๋องเย่ ท่านต้องช่วยข้าด้วยนะ”

“ท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้น ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วยท่าน แต่ท่านก็รู้ดีว่าข้าไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ท่านพึ่งพาตนเองเถอะ” หลังจากที่พูดจบ หนานกงเย่ก็จากไป อ๋องเซี่ยวจวิ้นยืนนิ่งสงบอยู่ในจวนอ๋องเย่ด้วยความงุนงง

ฉีเฟยอวิ๋นพาไป๋ซู่ซู่ไปที่สวนดอกกล้วยไม้ และเมื่อเข้าไปข้างในแล้ว นางก็ถามไป๋ซู่ซู่ว่าต้องการจะกลับไปหรือไม่

ไป๋ซู่ซู่ส่ายหัว:“ไม่กลับไปแล้ว ถึงอย่างไรที่นั่นก็ไม่มีอะไรที่ข้าจะต้องอาลัยอาวรณ์ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่สามารถกลับไปได้อีก”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปพักก่อนเถิด อีกเดี๋ยวข้าจะให้คนนำอาหารมาส่งให้เจ้า” ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะจากไป แต่ไป๋ซู่ซู่ก็จะตามออกไปด้านนอกด้วย

“เจ้ายังต้องการจะพบเขาอีกหรือ?” เมื่อเห็นไป๋ซู่ซู่ออกมา ฉีเฟยอวิ๋นจึงถาม

ไป๋ซู่ซู่กล่าวว่า:“ยังต้องพบ แต่ข้าไม่ได้พบอย่างเปล่าประโยชน์”

ฉีเฟยอวิ๋นยังคงไม่เข้าใจ และไป่ซู่ซู่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรกับนาง จนกระทั่งฉีเฟยอวิ๋นเห็นอ๋องเซี่ยวจวิ้นปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูและกำลังมองมา

อ๋องเซี่ยวจวิ้นต้องการให้ไป๋ซู่ซู่กลับไปกับเขา ไป๋ซู่ซู่ส่ายหัวและบอกว่าจะไม่กลับไป อ๋องเซี่ยวจวิ้นตบไป๋ซู่ซู่จนล้มลง

ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจอะไร และรีบออกไปตะโกนบอกอาอวี่ว่า:“โบยเดี๋ยวนี้!”

อาอวี่ไม่พูดพร่ำทําเพลง เขาเข้าไปเฆี่ยนตีอ๋องเซี่ยวจวิ้นอย่างโหดเหี้ยม อ๋องเซี่ยวจวิ้นตะโกนร้องขอความเมตตา ฉีเฟยอวิ๋นไม่หายโกรธและไม่ได้สั่งให้หยุด แต่กลับสั่งให้อาอวี่เฆี่ยนให้ตาย

ในที่สุดก็เฆี่ยนจนอ๋องเซี่ยวจวิ้นบาดเจ็บสาหัส ปากเบี้ยวตาเขจนพูดไม่ออก และขาข้างหนึ่งก็เป๋

ตอนที่อ๋องเซี่ยวจวิ้นจากไป เขาก็เดินขากะเผลกออกไป

ไป๋ซู่ซู่ไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ หลังจากที่ดูอยู่สักพัก นางก็หันกลังกลับไป

ฉีเฟยอวิ๋นโกรธมากจนนอนกระสับกระส่าย นางพลิกตัวไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหนานกงเย่กลัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง จึงรู้สึกเกลียดชังอ๋องเซี่ยวจวิ้น

เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่ฉีเฟยอวิ๋นจะตื่น หนานกงเย่ก็ส่งคนไปตรวจสอบที่จวนอ๋องเซี่ยวจวิ้น

จากนั้นก็แปะกระดาษที่หน้าประตู ทังเหอพาคนไปเฝ้าที่หน้าประตูจวนอ๋องเซี่ยวจวินไว้ อนุญาตให้เข้าไปได้แต่ไม่อนุญาตให้ออกมา และดักจับผู้คนอยู่ที่หน้าประตู ทำให้ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว จนท่านอ๋องหกต้องไปขอร้องที่จวนอ๋องเย่

ฉีเฟยอวิ๋นตื่นแต่เช้า นางได้ยินว่ามีแขกมาที่จวน และกำลังรออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า

“ใครกัน?” ฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิด หรือว่าจะเป็นคนจากหลังจวนมาฟ้องร้อง?

พ่อบ้านก้มหน้าลงและกล่าวว่า:“เป็นท่านอ๋องหกพ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านอ๋องหก?” ฉีเฟยอวิ๋นพยายามครุ่นคิด แต่นางก็ไม่มีความทรงจำใด ๆ เลย

แม้ว่าช่วงนี้จะมีเรื่องบาดหมางกับท่านอ๋องแปด และดูเหมือนว่าจะทะเลาะกันไม่ได้หยุด แต่ก็ไม่เคยเจอมาก่อน

“ให้เขารอเดี๋ยว หลังจากทานอาหารเช้าแล้วข้าจะไปพบ เรื่องนี้ไม่ต้องบอกซู่ซู่ ท่านอ๋องล่ะ?”

ฉีเฟยอวิ๋นถาม พ่อบ้านกล่าวว่า:“พาคุณชายทังออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนไปที่ไหนนั้น ได้ยินมาว่าไปตรวจสอบจวนอ๋องเซี่ยวจวิ้นพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปที่พ่อบ้าน ช่างน่าแปลกเสียจริง ช่วงนี้มีแต่เรื่องยุ่ง ๆ ?

“ไม่สนใจแล้ว ทานอาหารเช้าก่อน”

หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปพบท่านอ๋องหก

ท่านอ๋องหกเป็นชายชราที่มีผมหงอกไปครึ่งหัวแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นไม่เคยเจอท่านอ๋องหกมาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร

เมื่อเห็นท่านอ๋องหก ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่แม้แต่จะคำนับ และท่านอ๋องหกก็เป็นฝ่ายกล่าวกับนางก่อน:“พระชายาเย่”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองท่านอ๋องหกอย่างไม่ได้ใส่ใจและกล่าวว่า:“ท่านอ๋องหก เชิญนั่งก่อน ท่านอ๋องไม่อยู่ ต้องขออภัยด้วย”

“ไม่เป็นไร พระชายาเย่เป็นผู้สูงศักดิ์คงมักจะหลงลืม ข้าชินแล้ว”

คำพูดที่ดูเกรงใจของท่านอ๋องหก ฟังดูประชดประชัน และฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่าย ๆ นางไม่สามารถทนฟังได้แม้แต่ครึ่งคำ

“ท่านอ๋องหก ตำหนิที่ข้าต้อนรับไม่ดีหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นข่มท่านอ๋องหก อ๋องหกด่าในใจว่าฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้มีดีอะไร

“ที่ไหนกัน เป็นข้าที่อายุมากแล้ว จึงตื่นเช้าเช่นนี้ พระชายาเย่ยังอายุน้อย ดังนั้นจึงไม่เหมือนเช่นข้า”

“ท่านอ๋องหกกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูก ข้าก็ไม่ได้ตื่นสาย และนี่ก็ยังเช้าอยู่ ข้าต้องรักษาร่างกายให้ดี เพียงแค่ไปทานอาหาร พอออกมาก็สายเสียแล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นไปนั่งลง แต่ไม่ได้เชิญให้ท่านอ๋องหกนั่งลง

ท่านอ๋องหกทำหน้าไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าจะยืนหรือนั่งดี และลืมไปแล้วว่าจะพูดอะไร

ฉีเฟยอวิ๋นถามอย่างราบเรียบว่า:“วันนี้ที่ท่านอ๋องหกมาที่นี่ คงเป็นเพราะเรื่องที่ท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นถูกเฆี่ยนตีเมื่อวานนี้?”

“เรื่องนั้นเป็นอ๋องเซี่ยวจวิ้นที่ทำไม่ถูก ตอนที่เขากลับไปข้าก็เฆี่ยนตีเขาอีก เขาลงมือกับพระชายาของเขาได้อย่างไร?”

ท่านอ๋องหกรู้สึกขุ่นเคืองในใจ

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองท่านอ๋องหก:“อืม เฆี่ยนตีก็ถูกต้องแล้ว ในเมื่ออ๋องหกเฆี่ยนตีแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะเห็นแก่พระพักตร์ของอตีดจักรพรรดิ และจะไม่โทษท่านอ๋องหก ในเมื่อท่านอ๋องหกยอมรับผิดแล้ว ข้าก็จะไม่ถือสา ท่านอ๋องหกกลับไปเถิด แล้วข้าจะบอกท่านอ๋องให้ เรื่องของท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นไม่เกี่ยวกับจวนอ๋องหก และจะไม่พาดพิงถึงจวนอ๋องหก”

“อะไรนะ?”

ท่านอ๋องหกตกตะลึง ไม่คิดว่าพระชายาเย่จะกล้าล้อเล่นกับเขา!