บทที่ 18 คนขี้ขลาดเป็นยังไงงั้นหรือ ? (ปลาย)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 18 คนขี้ขลาดเป็นยังไงงั้นหรือ ? (ปลาย)

พวกผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยพากันรีบร้อนหมุนตัวและเดินจากไปทันที

ในเวลานี้เมื่อผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยมองเห็นเยี่ยฉวน สีหน้าก็พลันเย็นชาลงทันที “เจ้าตัวโง่งม ! รีบไสหัวหลบไปเสีย !”

เมื่อได้ยินดังนั้น คิ้วสีดำเรียวงามของอันหลานซิ่วพลันขมวดมุ่นในทันใด

เยี่ยฉวนมองไปที่ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและกล่าวว่า “ท่านมีสิทธิสั่งอะไรข้าหรือ ?!”

ตอนนี้เขาและผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเรียกได้ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเหมือนดั่งน้ำกับไฟ ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเวลานี้ชายชรารู้สึกอย่างไร

สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยมืดมนลงในทันใด ก่อนเป็นอันหลานซิ่วที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาที่ถามขึ้นด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ ?”

เมื่อมองไปยังอันหลานซิ่ว ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็พลันมีท่าทีสงบลง “มีเรื่องราวบางอย่างที่คุณหนูอันอาจจะยังไม่รู้ แต่เดิมแล้วเยี่ยฉวนผู้นี้เคยเป็นผู้สืบทอดคนเก่าของตระกูลเยี่ย แต่ด้วยความเอาแต่ใจ ดื้อดึง และหยิ่งยโสเพียงเพราะความรู้ความสามารถในการต่อสู้ยังสูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย เขาย่อมมิอาจแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับความยิ่งใหญ่นี้ได้ ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงถูกปลดจากตำแหน่ง แต่กระนั้นข้าก็ยังคาดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะยังเจ็บแค้นเคืองโกรธเรื่องราวในวันวาน ถึงขนาดที่ต้องการ…”

อันหลานซิ่วกล่าวแทรก “หากเจ้าว่าเขาเป็นคนหยิ่งผยองและยโสโอหัง ข้าจะไม่ว่ากล่าวอันใด แต่เจ้ากลับบอกว่าความรู้ความสามารถของเขาสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนปกติเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือ ?”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าปีนี้เยี่ยฉวนจะมีอายุ 18 ปี แต่ถึงอย่างนั้นขั้นพลังก็เพิ่งจะบรรลุถึงแค่ลำดับที่ห้า ขั้นแสวงหาเท่านั้น ความสามารถแค่นี้นั้นมินับว่าน่าสงสารหรอกหรือ ?”

อันหลานซิ่วมองด้วยความแปลกใจแล้วคิดในใจ ‘เขาเป็นผู้ฝึกกระบี่และสำเร็จกายาซ่อนเร้นเชียวนะ ! ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความสามารถที่ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลยงั้นหรือ ?’

อันหลานซิ่วมองไปที่เยี่ยฉวนและไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เห็นได้ชัดว่านางพบถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติระหว่างตระกูลเยี่ยกับเยี่ยฉวนแล้ว

ในเวลานี้ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็ได้กล่าวขึ้นอีกครั้ง “คุณหนูอันยังมิรู้ว่าเจ้าคนผู้นี้นั้น ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ จนถึงขนาดนัดท้าประลองชี้เป็นชี้ตายกับเยี่ยหลางในอีกสองวันข้างหน้า ถ้าคุณหนูอันไม่มีภารกิจอันใด ท่านสามารถพักอยู่ที่เมืองชิงเพื่อรอชมการประลองนี้ได้ !”

อันหลานซิ่วมองไปที่ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย จากนั้นก็มองสลับไปที่เยี่ยฉวน นางบอกได้แค่ว่านี่เป็นความสัมพันธ์ในตระกูลที่ประหลาดมาก !

ในเวลานี้เยี่ยหลางก็พลันปรากฏตัวออกมาและเดินตรงไปยังอันหลานซิ่ว เขาประสานหมัดเข้าหากันเพื่อแสดงความเคารพ “คุณหนูอัน !”

อันหลานซิ่วพินิจพิจารณาเยี่ยหลาง ไม่นานนักสองคิ้วบนใบหน้างามก็พลันยับย่น !

“เจ้าคือผู้ที่ถูกเลือกใช่หรือไม่ ?”

ผู้ที่ถูกเลือกนั้นคือผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้วอย่างน้อยในระดับหนึ่ง แต่ต้องกลับชาติมาเกิดเพื่อวางรากฐานแห่งจิตวิญญาณต่อไปเนื่องจากอายุขัยเดิมได้หมดลง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีความสามารถที่แท้จริงจะดูถูกคนประเภทนี้เป็นอย่างมาก

มีเพียงคนไร้ความสามารถถึงยอมกลับชาติมาเกิดใหม่เพื่อทำเช่นนั้น …พวกเขาเป็นแค่ผู้ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

นางมาที่เมืองชิงแห่งนี้เพราะมีใครบางคนดึงดูดนิมิตแห่งฟ้าดินมาที่นี่ ไม่ใช่เพราะว่าเยี่ยหลางคือผู้ถูกเลือกเสียหน่อย

ต้องเป็นคนที่สามารถดึงดูดนิมิตแห่งฟ้าดินมาได้เท่านั้น ถึงจะทำให้นางรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย ! เมื่อได้พบกับเยี่ยหลางที่เป็นผู้ถูกเลือก นางถึงได้ผิดหวังอย่างยิ่ง !

แม้ว่าเยี่ยหลางจะสามารถเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงได้ หากดูเพียงผิวเผินจะเห็นเป็นภาพลวงตาคล้ายกับฟองสบู่ และถึงแม้ว่ามันจะเยี่ยมยอดมาก แต่ทว่านางก็ไม่ได้สนใจ

ในทางตรงกันข้าม นางค่อนข้างสนใจเยี่ยฉวนมากกว่าเพราะว่าเขามีรากฐานที่มั่นคง ไม่ได้ห่างชั้นจากนางมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นคือชายหนุ่มคนนี้ก็ยังสำเร็จวิชากายาซ่อนเร้น และเป็นผู้ฝึกกระบี่อีกด้วย

ในตอนนี้อันหลานซิ่วมองไปที่เยี่ยฉวน “อีกสองวัน ข้าจะกลับมาหาเจ้า !”

เมื่อกล่าวจบ นางก็กระโดดขึ้นหลังม้าและตั้งท่าจะจากไป

เมื่อเห็นและได้ยินดังนั้นแล้ว ทุกคนในตระกูลเยี่ยต่างก็ตกตะลึง

“เกิดอะไรขึ้น ?”

แม้แต่เยี่ยหลางก็ยังตกใจ

“นางจะจากไปทั้งอย่างนี้เลย ?”

เมื่อมาถึงจุดนี้ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจึงรู้สึกตัว เขารีบร้อนเดินไปที่ข้างหลังอันหลานซิ่วและคำนับเล็กน้อย “คุณหนูอัน ไม่ใช่ว่าท่านมาถึงที่นี่เพื่อท้าดวลกับเยี่ยหลางหรอกหรือ ?”

บนหลังม้า อันหลานซิ่วกล่าวตอบโดยไม่หันหลังกลับมามอง “เขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ !”

หลังจากนั้นนางก็ควบม้าและหายไปจากสายตาของทุกคนในจวนตระกูลเยี่ย

คล้อยหลังอันหลานซิ่วไปแล้ว ทุกคนยังอยู่ในอาการตกตะลึง โดยเฉพาะเยี่ยหลางที่มีสีหน้าเหมือนกลืนยาขมไปอย่างไรอย่างนั้น !

ถูกเมิน !

นับตั้งแต่มีชื่อเสียงโด่งดัง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเมิน !

“ข้ายอมรับไม่ได้ !”

ท่ามกลางสายตาของทุกคน เยี่ยหลางรีบพุ่งตัวออกไปทันที โดยไม่สนใจสีหน้าซีดเผือดของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย แต่ก็สายเกินไปแล้วที่จะหยุดเยี่ยหลาง

ขณะนั้นเอง …อันหลานซิ่วพลันหยุดม้าในทันที จากนั้นนางก็พลันควงหอกยาวหันกลับมาและพุ่งตรงไปที่เยี่ยหลาง

แรงกดดันที่มองไม่เห็นบังคับให้เยี่ยหลางต้องหยุดเดิน !

ท่าทางของเยี่ยหลางเปลี่ยนไปอย่างมาก “นี่คือแก่นแท้แห่งหอกงั้นหรือ ?!”

“แก่นแท้แห่งหอก ?!”

เยี่ยหลางมองไปยังอันหลานซิ่วด้วยความหวาดกลัว สองตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “แปลว่านางเข้าถึงแก่นแท้แห่งหอกได้ตั้งแต่อายุยังน้อยหรือนี่ ?”

เมื่อเห็นเยี่ยหลางหยุด อันหลานซิ่วจึงวางหอกลง “ถ้าเจ้าไม่หยุดและเข้ามาโจมตีข้า ข้าจะพอเห็นค่าเจ้าบ้าง แต่น่าเสียดายที่ไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นข้าจึงไม่แปลกใจเลยที่เจ้าต้องกลับชาติมาเกิดเพื่อวางรากฐานแห่งจิตวิญญาณเสียใหม่ เจ้านี่ช่างน่าสงสารนัก”

หลังจากนั้นนางก็ได้ทอดสายตาไปยังจวนตระกูลเยี่ย …ทิศทางที่เยี่ยฉวนและน้องสาวถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว นางส่ายศีรษะเล็กน้อย “เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเยี่ย ช่างโง่เขลาเสียจริง !”

ทันทีที่พูดจบ นางก็พุ่งตัวออกไป

เยี่ยหลางกำหมัดแน่น สีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดจนดูไม่ได้

เยี่ยฉวนกลับไปที่ลานบ้านพร้อมกันกับเยี่ยหลิง สำหรับเยี่ยหลาง ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย หรือคนอื่น ๆ นั้นเขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ตอนนี้ชายหนุ่มเพียงต้องการให้การฝึกฝนและเรื่องของน้องสาวเป็นไปด้วยดี จากนั้นเขาจะรอคอยนัดล้างตาอย่างเงียบ ๆ เพื่อที่ในอีกสองวันถัดมาหลังจากนี้เขาจะได้พาน้องสาวไปยังเมืองหลวง !

“ท่านพี่ พี่สาวคนเมื่อสักครู่ หน้าตางดงามเหลือเกิน !”

เมื่อเข้ามาในห้อง เยี่ยหลิงก็พลันกล่าวขึ้นทันที

เยี่ยฉวนมองไปที่เยี่ยหลิงและอมยิ้ม “ในวันหน้าเมื่อโตขึ้น เจ้าก็จะงดงามไม่แพ้นางหรอก !”

มันเป็นเรื่องจริง หน้าตาและรูปลักษณ์ภายนอกของเยี่ยฉวนไม่ได้แย่ และน้องสาวของเขาก็ถือเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารัก ดังนั้นเมื่อเติบโตขึ้นนางจึงควรจะกลายเป็นสตรีที่งดงามมากคนหนึ่งแน่นอน

เยี่ยหลิงรู้สึกพอใจมากและส่งยิ้มหวาน

เมื่อเยี่ยหลิงผู้เป็นน้องสาวนอนหลับนอนหลับสนิท เยี่ยฉวนก็กลับไปที่หอคอยแห่งเรือนจำ

เยี่ยฉวนกล่าวเสียงทุ้ม “ผู้อาวุโส ก่อนหน้าที่สตรีผู้นั้นจะสามารถมองเห็นกายาซ่อนเร้นของข้าได้ ไม่ใช่ท่านเคยบอกว่าไม่มีใครฝึกฝนกายาซ่อนเร้นมาก่อนหรอกหรือ ?”

หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง สตรีลึกลับจึงกล่าวขึ้นว่า “กายาซ่อนเร้นของเจ้านั้นต่างจากคนอื่น”

เยี่ยฉวนนิ่งงันไปเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นอย่างรวดเร็ว “อะไรหรือที่แตกต่าง ?”

สตรีลึกลับพลันกล่าว “มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับผู้อื่นที่จะฝึกฝนกายาซ่อนเร้น แต่สำหรับเจ้าแล้วมันจะมีแต่ความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน !”

เยี่ยฉวนงงงวยเป็นอย่างมาก “เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ?”

สตรีลึกลับกล่าวตอบ “นั่นเพราะว่าสิ่งที่พวกเขาฝึกฝนก็คือพลังปราณ แต่กับเจ้ามันคือกล้ามเนื้อ กระดูกแขนขา และหยดเลือดทั้งร่างของเจ้า เข้าใจหรือไม่ ?”

เยี่ยฉวนถึงกับสิ้นคำพูด “…”