เหล่านาคีที่นำทางใช้สายตาราวกับจะกลืนกินเขาลงไปมองพิจารณาเขาพลางหัวเราะคิกคัก เดินผ่านดอกไม้และต้นหลิวไป เอวบางหยาดเยิ้มของงูสั่นไหวจนแทบจะหัก นางนำฝูชางเข้าไปในห้อง
วันนี้ท่านพญางูรับตำแหน่ง ยอมให้ปลดปล่อยอย่างบ้าคลั่งได้ห้าวัน หากว่าชอบพอแขกทั้งหลายที่มาร่วมงาน ก็สามารถลิ้มลองได้ เทพบูรพาหนุ่มผู้นี้ถูกเหล่านาคีมากมายนับไม่ถ้วนลอบจับจ้องน้ำลายสอ ได้ยินว่าตอนนั้นพญางูองค์ใหม่ก็เคยลองไปยั่วยวนเขาดู แต่ทว่าเกี้ยวเขาไม่ติด เหล่านาคีต่างเดาว่า คิดว่าเพราะเขาคงไม่ชอบสตรีรูปโฉมเช่นท่านพญางู แต่ชอบสตรีรูปโฉมงดงามอ่อนเยาว์สักหน่อย
ดังนั้นนาคีหนึ่งในนั้นที่อายุน้อยที่สุดจึงเดินเข้ามาแล้วกล่าวเสียงนุ่มนวลว่า “ท่านมหาเทพ ฮูหยินเมาแล้ว เกรงว่าคงไม่สามารถตอบสนองท่านได้ ค่ำคืนที่ทิวทัศน์งดงามอย่างนี้ หากพลาดไปคงน่าเสียดายแย่ หากว่าเป็นมหาเทพ ข้ายินดีละทิ้งวิถีสตรีสวรรค์ เพียงเพื่อให้ได้สุขสันต์กับมหาเทพหนึ่งคืน”
ฝูชางกล่าวเสียงเย็น “ไม่จำเป็น ถอยไปเถอะ”
กล่าวแล้วก็พลิกมือปิดประตู เหล่านาคีต่างชะงักไป รู้สึกเสียดายมาก
ภายในห้องพักของแขกประดับด้วยม่านสีม่วงอ่อน เตาเครื่องหอมหยกเขียวที่มุมห้องไม่รู้จุดกำยานอะไร เป็นกลิ่นที่ไม่เคยได้ดมมาก่อน มันไม่ได้ดูยั่วเย้า แต่ว่าเป็นกลิ่นหอมอ่อนจางและขวนให้สบายใจ ฝูชางนำองค์หญิงมังกรในอ้อมอกที่เมามายจนคอพับคออ่อนวางไปบนเตียง เห็นจมูกไวต่อสัมผัสของนางไม่ได้ไม่ชอบกลิ่นหอมนี้ จึงไม่ได้ไปสนใจ
หน้าต่างวงเดือนขนาดใหญ่แง้มออกครึ่งหนึ่ง เพลงระบำยังคงดังอย่างบ้าคลั่งมาจากที่ไกลๆ แสงจันทร์ราวน้ำค้าง ฝูชางยังไม่รู้สึกง่วง จึงพิงกับหน้าต่างและจิบสุราชมจันทร์ไปตามลำพัง
เพราะแต่งงาน นางจึงมีเวลาพักสามร้อยปี ตอนนี้ผู้ที่ไปขี่รถไล่พระจันทร์ไม่รู้เป็นใคร ไล่ได้แย่มาก รู้สึกราวกับแสงจันทร์ตกลงมาจากรถอย่างไรอย่างนั้น
เขาเผลอหลุดยิ้มออกมา หันกลับไปมององค์หญิงที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ไม่รู้ทำไม ริมฝีปากอวบอิ่มที่กึ่งอ้าออกของนางเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงจันทร์กลับพลันดูเย้ายวนดึงดูดอย่างประหลาด
ฝูชางไม่ใช่เทพที่ยังไม่โตผู้นั้นที่เมื่อมีความปรารถนาก็ควบคุมตนเองไม่ได้ เขารู้สึกไม่ถูกต้องขึ้นมาทันที สะบัดแขนเสื้อไป กำยานในเตาหยกเขียวก็พลันถูกน้ำดับลง ผ่านการหลับใหลหมื่นปีไปแล้ว ภาพมายาลวงวิญญาณก็ดี ลวงประสาทสัมผัสทั้งห้าก็ดี ทุกอย่างไร้ผล เป็นกลิ่นกยานรวมกับสุราทำให้เกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ
เขาวางแก้วสุราลงบนโต๊ะ รวบรวมสมาธิสดับฟังโดยละเอียด รอบด้านไม่มีเสียงใดๆ จึงผ่อนคลายลง เขาถูเซียงมีนิสัยปล่อยตัวอยู่แล้ว จะทำของเล่นเร้าอารมณ์ขึ้นมาก็เป็นเรื่องปกติ
ฝูชางเดินไปข้างเตียง แล้วกอดเสวียนอี่ไว้ในอก เขาตบแก้มของนางเบาๆ “ตื่นเร็ว”
นางร้อง “อืม” ออกมาครั้งหนึ่ง แล้วปัดมือเขาออกอย่างไม่เกรงใจ ใช้แขนเสื้อปิดใบหน้าเอาไว้ ใช่แล้ว ทุกอย่างไร้ผลกับตระกูลจู๋อิน นางกลับหลับอย่างสบาย น่าโมโหจริงๆ
เขาดึงแขนเสื้อออก ค้อมตัวลงแล้วกัดลงไปยังริมฝีปากที่เปี่ยมไปด้วยความเย้ายวนนั่น แทบอยากจะกัดนางให้ตื่นจริงๆ แต่ทว่านางกลับไม่ตื่น สายเข็มขัดค่อยๆ ถูกปลดออก มือของเขาแทรกเข้าไปตามรอยนั่น แล้วกุมไปยังผิวเนียนราวกับกลีบดอกไม้ของนาง เขาพลันรู้สึกเสียใจขึ้นมา ไม่ควรมอมสุรานางเลย
รีบตื่นเร็วเข้า ฝูชางรู้สึกลมหายใจหอบหนัก ความปรารถนาพุ่งขึ้น มือก็เริ่มจะยั้งแรงไว้ไม่อยู่ ชุดกระโปรงใบบัวสีเขียวมรกตของนางตัวนั้นกลับถูกเขาฉีกออกจนขาดเป็นริ้วหนึ่ง เขาหมดความอดทน แล้วดึงปกเสื้อออก ริมฝีปากร้อนจัดทาบลงไปที่ไหปลาร้าของนาง
แต่ก่อนตอนเริ่มแรกนางมักจะหลบเลี่ยงตลอด ทว่าระยะนี้กลับไม่หลบแล้ว แต่ว่าก็ไม่ขยับ เขากลับยอมให้นางขยับหนีวุ่นวายมากกว่า
ฝูชางถอนหายใจ ค้อมตัวลงอยู่เหนือร่างขององค์หญิงมังกรแล้วก้มหน้ามองนาง หลับลึกจริงๆ หลับต่อไปเถอะ ไม่ตื่นก็ดี
ชุดกระโปรงบัวที่หรูหรางดงามร่วงลงไปที่พื้นราวกับขนนก ม่านบางหลายชั้นตกลงมา แสงจันทร์สลัวแลดูเลือนรางและงดงาม ร่างเพรียวบางเย้ายวนบนผ้าห่มสีม่วงเข้ม ฝูชางพรมจูบไปตามคางมนและไล่ลงไป ริมฝีปากลงไปตรงเนินอกของนาง เขาลังเลระหว่างไม่เล่นกับนางหรือจะเล่นอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เลือกอย่างหลัง
ความนุ่มนวลในฝ่ามือราวกับหิมะที่อุ่นร้อนแก้วหนึ่ง ยอดของมันกลับเป็นความงดงามและสีสันราวกับดอกซิ่ง เขาละเลียดจูบอยู่นาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหวแล้วกัดลงไปคำหนึ่ง ราวกับอยากจะกินนางลงไปอย่างนั้น องค์หญิงมังกรยกมือขึ้นผลักเขาโดยไม่รู้ตัว เขาจึงจับมือของนางมาวางไว้ริมฝีปากแล้วขบเล็ม มืออีกข้างก็ไล้ไปตามเส้นโค้งเว้าอันงดงาม ราวกับสัมผัสเข้ากับสิ่งที่บอบบางที่สุดเข้า ที่นั่นก็เป็นจุดที่นุ่มนวลอ่อนแอที่สุดของนางจริงๆ
ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวที่อ่อนนุ่มเนียนละเอียดนั่น เสวียนอี่พลันขยับตัว ในที่สุดก็ลืมตาแล้ว นางอยากจะพลิกตัว แต่ราวกับไร้กำลังจะทำได้ ฝูชางค้อมตัวลงมากดนางเบาๆ และจูบลงไปยังริมฝีปากที่อ้าออกน้อยๆ ของนาง กล่าวเสียงต่ำมีเสน่ห์ “อย่าหลบ”
เสวียนอี่รู้สึกทั้งมึนและหนัก คนสารเลว ยังมีหน้ามาเตือนนางว่า ‘ไม่เหมาะสมไม่มอง’ อีก เรื่องที่เขาทำอยู่ตอนนี้มีตรงไหนที่เข้ากับความสุภาพมีมารยาทของตระกูลหวาซวีบ้าง นี่มันฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นกำลังลำบากๆ ชัดๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมาสุราหรือเพราะอย่างอื่น คืนนี้ร่างของนางกลับอ่อนไหวเป็นพิเศษ ยามปลายนิ้วของเขาสัมผัสเบาๆ ตรงจุดนั้น นางพลันห่อตัวทันที มือทั้งสองจับไหล่ของเขาแน่น หน้าผากยันกับไหล่ของเขา ส่งเสียงครางออกมาท่ามกลางลมหายใจถี่กระชั้น
บอกแล้วว่าอย่าหลบ
ฝูชางกดหน้าผากของนางเบาๆ แล้วกดศีรษะของนางลงไปบนหมอน จับจ้องมองนางขมวดคิ้ว ในดวงตาของนางมีแสงแวววาวอย่างเลือนรางชั้นหนึ่ง เขาจึงจุมพิตลงไปที่ดวงตาของนาง ความเปียกชื้นที่เหนียวลื่นบนฝ่ามือบอกเขาว่า นางมีอารมณ์นานแล้ว แต่คราวนี้สีหน้าท่าทีของนางกลับยั่วยวนมาก จึงอยากจะมองมากกว่านี้อีกหน่อย
ฝูชางก้มลงมาดูดกลืนเอาลมหายใจอุ่นร้อนที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสุราของนาง นิ้วมือแทรกเข้าไปในกายนางที่ยังคงคับแน่นอยู่อย่างลองเชิง นางพลันหลับตาลง ขาทั้งสองดิ้นไปมาในผ้าห่มอย่างไร้เรี่ยวแรง คิดว่านางจะอยากหลบขึ้นด้านบน แต่ร่างกลับถูกกดเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็หลบไม่พ้น ร่างของนางก็หดเกร็งอีกครั้งตามการเคลื่อนไหวของข้อมือเขา ระหว่างกำลังดิ้นรนระหว่างปลดปล่อยหรือไม่ปลดปล่อยดี ความสุขสมถึงกระดูกกำลังคืบคลานเข้ามากลืนกินนางทีละน้อย ริมฝีปากขยับ แล้วส่งเสียงครางสั่นเทาออกมา เสียงครางเหล่านั้นพลันถูกริมฝีปากของเขากั้นเอาไว้ เขากดย้ำไปยังเรียวลิ้นที่สั่นน้อยๆ ของนาง
ดิ้นรนมากขึ้นๆ ความอ่อนหวานที่น่าตายคุ้นเคยนั่นรุกคืบเข้ามา วันนี้มาอย่างเร็วและรุนแรง เสวียนอี่กอดรัดเขาไว้แน่นโดยสัญชาตญาณ อารมณ์ความปรารถนาในร่างที่ถูกเขาปลุกเร้าพุ่งทะยานอย่างไม่กลัวเกรง ความรู้สึกลึกล้ำราวกับดอกไม้ผลิบานอย่างมีพลังค่อยๆ ลามจากภายในกายไปยังแขนขา ทำให้ร่างทั้งร่างของนางสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง
ฝูชางลูบใบหน้าเปียกชื้นของนางอย่างปลอบประโลม ตอนนี้ไม่หลบแล้วสินะ
เขาเกี่ยวเข่าของนางที่สั่นระริกไว้ ค้อมตัวลงแล้วเข้าไปในร่างของนางทันที
ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ดีจริงๆ ไม่ใช่หรือ เตียงที่นุ่มเกินไป ทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งความปรารถนา องค์หญิงมังกรที่น่าสงสาร เมาสุราแล้วยังไม่สามารถนอนอย่างสงบได้ เขาแยกไม่ออกแล้วว่าเขาถูกสิ่งกระตุ้นอารมณ์เร้าความปรารถนาขึ้นมา หรือว่าความปรารถนาในร่างของตนกำลังเอ่อล้นกันแน่ หรือบางทีอาจเพราะนางอยู่ข้างกาย ดังนั้นความบุ่มบ่ามของเขาจึงสะกดกลั้นไว้ไม่ได้
หมอนเลื่อนลงไปอยู่ตรงมุมแล้ว เสวียนอี่เหมือนกับไม่สามารถรับการกระทำที่บ้าคลั่งรุนแรงของเขาได้ มือทั้งสองผลักหน้าอกเขาอีกครา ผมยาวร่วงลงไปข้างเตียง และสั่นไหวอย่างรุนแรง
ฝูชางจับข้อมือทั้งสองของนางไว้แล้วกดลงไปบนเตียง แสงจันทร์สลัวสาดส่องลงมาบนร่างที่ขยับขึ้นลงของเขา กลายเป็นเส้นแนวที่มีพลังและน่าดึงดูด หยาดเหงื่อหยดหนึ่งไหลจากหน้าอกลงไปที่ท้อง และลงไปยังจุดที่เชื่อมประสานกัน ลมหายใจติดๆ ขัดๆ ของนางกับเสียงครางราวเสียงสะอื้น เขาทำนางเจ็บแล้วหรือ?
เขาก้มตัวลงไปประคองใบหน้าของนางไว้ ไม่มีหยาดน้ำตา เขาช้อนร่างนางกลับไปที่เตียง และจูบนางอย่างรีบร้อน ราวกับปลอบประโลมราวกับยั่วเย้ากับนาง ผ่อนแรงลง รับรู้รายละเอียดทุกอย่างบนผิวกายนางทุกตารางนิ้ว
ความรู้สึกราวกับจวนเจียนจะแตกสลายนั่นมาอีกแล้ว เสวียนอี่พลันกระหวัดโอบคอฝูชางไว้ แล้วรัดเขาเอาไว้แน่นราวกับไร้กระดูก หยาดน้ำแวววาวในดวงตานั่นราวกับจะหยดลงมาได้ทุกเมื่อ เสียงอ่อนหวานนุ่มนวลเรียกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ฟ้าพลิกแผ่นดินกลับ นางขึ้นไปบนร่างของเขาแล้ว ผมยาวตกลงไปที่แผ่นหลังราวผ้าไหม ไหวสะบัดคล้ายกับงูยามนางบิดตัวไปมาตามสัญชาตญาณ
หยาดเหงื่อหยดลงไปบนใบหน้าของนางหยดแล้วหยดเล่า เสวียนอี่พลันหยุดลง ก้มหน้าแล้วกล่าวเสียงนุ่มนวลออกมาว่า “ศิษย์พี่ฝูชาง”
อะไร
“ข้าพักครู่หนึ่ง” นางเมาสุรา คราวนี้เหมือนจู่ๆ จะง่วงขึ้นมาแล้ว
…ไม่ให้พัก
ฝูชางจับเอวนางไว้แน่น แล้วพลิกร่างกลับไปกดไว้ต่อ มีแต่นางเท่านั้นที่สามารถปลอบประโลมความปรารถนาที่พลุ่งพล่านนี้ของเขาได้ เหนื่อยแล้วก็กอดเขาไว้เถอะ
ในที่สุดหมอนก็ตกลงไปที่พื้น ม่านบางถูกฉีกเป็นสองริ้วระหว่างที่เกี่ยวกระหวัดกัน แสงจันทร์ใสกระจ่างสาดมาด้านใน ผิวขาวซีดขององค์หญิงมังกรแดงก่ำราวกับดอกซิ่งแล้ว ปลายคางมนที่งดงามนั่นเชิดขึ้นสูง ขาทั้งสองที่เกี่ยวกระหวัดรอบกายเขาเริ่มดิ้นรนไปมาในผ้าห่มอีกครั้ง
ฝูชางก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากที่สั่นระริกของนาง เสียงที่เปล่งออกมาให้เขาได้ยินคนเดียวก็พอ
การเต้นรำและเสียงดนตรีไกลๆ อย่างบ้าคลั่งยังคงดำเนินต่อไป เขาถูเซียงที่ปลดปล่อยตามใจ เทพทั้งหลายที่หลงระเริง หนึ่งทิวาอันสุขสม ราตรีนี้ยังไม่สิ้นสุด