บทที่ 385 แกคู่ควรไหม

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 385 แกคู่ควรไหม
  “ขอแสดงความยินดีกับคุณชายเฟิง ในที่สุดตอนนี้ก็ไม่มีคู่แข่งแล้ว”

  “นายน้อยเฟิง ขั้นต่อไป คุณคิดที่จะจัดการอย่างไร?”

  จ้าวเฟิงจุดบุหรี่มวนหนึ่ง พ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน แสยะยิ้มกล่าว: “ถึงเวลา ที่จะต้องไปคุยกับจ้าวเทียนเล่อให้ดีๆแล้ว”

  “ไป”

  เขาพาเลี่ยวเจี๋ยและหลู่ซิ่น มายังตรงหน้าของจ้าวเทียนเล่ออีกครั้ง

  “พ่อ นักโทษจ้าวข่ายถูกประหารชีวิตเรียบร้อยแล้ว แค้นของพี่ซวู่ได้รับการล้างแค้นแล้ว เชื่อว่าเขาสามารถหลับได้อย่างสบายแล้ว!”

  “ยังมีนักโทษจ้าวเทียนจี เดิมทีผมคิดจะไว้ชีวิตเขาสักครั้ง ใครจะรู้ว่าเขาไม่ยอมจำนน”

  “องครักษ์ทั้งสองคนจำเป็นต้องลงมือ สังหารเขา ด้วยความจำใจ!”

  “พ่อ เรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้ว ท่านจะต้องระงับความเศร้าโศก ระวังสุขภาพด้วย!”

  จ้าวเทียนเล่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ราวกับเป็นอัมพาต ทั่วทั้งร่างกายไร้เรี่ยวแรง รู้สึกว่าลุกขึ้นยืนไม่ไหวแล้ว

  ก่อนหน้านี้ไม่นานนักที่โรงแรมยังเป็นเจ้าบ้านตระกูลจ้าวที่จิตใจที่กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา ภายในระยะเวลาแค่เพียงสั้นๆ เหมือนกับว่าแก่ชราลงหลายสิบปี

  ดวงตาของเขาแดงก่ำ กล่าวพึมพำ: “ซวู่เอ๋อร์ตายแล้ว ถึงแม้ว่าจะฆ่าคนให้ตายหมดโลกแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”

  “จ้าวเฟิง แกไปเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆคนเดียว”

  จ้าวเฟิงกลับไม่ได้ออกไป แต่นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กล่าว: “พ่อ เรื่องของวันพรุ่งนี้ ท่านคิดที่จะจัดการอย่างไร?”

  “ตอนนี้หลิวชิงเหยายังไม่รู้ว่าพี่ได้ตายไปแล้ว คนของเป่ยเจียง ยังรอที่จะเกี่ยวดองสมรสกับพวกเรา”

  “นี่เป็นเรื่องราวที่ดีที่มีประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย มาจนถึงขั้นนี้แล้ว ผมคิดว่า ไม่ควรจะละทิ้ง”

  จ้าวเทียนเล่อกล่าวอย่างเดือดดาล: “จ้าวเฟิง แกมันไอ้ลูกอกตัญญู!”

  “พี่ชายแกได้ตายไปแล้ว แกยังพูดถึงการเกี่ยวดองสมรสอะไรอยู่อีก?”

  “หรือว่า แกจะให้พวกเขาไปแต่งงานกันที่ยมโลกงั้นหรือ?”

  “ตอนนี้ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้น! ไปบอกคนของเป่ยเจียง มากันอย่างไร ก็ให้พวกเขากลับไปแบบนั้น!”

  เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นจ้าวเทียนเล่อก็โกรธจัด เขาถีบจ้าวเฟิงอย่างรุนแรงทีหนึ่ง

  จ้าวเฟิงที่เดิมทีคุกเข่าอยู่บนพื้นตรงหน้า ถูกถีบจนหงายหลังลงไปบนพื้น

  เขาอึ้งไปทันที กล่าวด้วยความคาดไม่ถึงเล็กน้อย: “ทำไมพ่อต้องตีผม?”

  จ้าวเทียนเล่อชี้จ้าวเฟิง กล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ: “ทั้งหมดเป็นเพราะแก!”

  “แกมันไอ้ชาติหมา!”

  “ถ้าหากไม่ใช่แกเสนอแผนเกี่ยวดองสมรสอะไรนั่น ซวู่เอ๋อร์จะตายไหม?”

  “เรื่องทั้งหมดเป็นแกที่ก่อขึ้น!”

  “ไอ้ระยำ แกเอาลูกชายฉันคืนมา!”

  พูดไป ก็คว้าเอาถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะ กระแทกเข้าไปบน ศีรษะของจ้าวเฟิงอย่างรุนแรง

  จ้าวเฟิงไม่ได้หลบหลีก ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าถ้วยชาจะแตกละเอียดอยู่บนศีรษะ น้ำชาและใบชา สาดเต็มไปทั่วใบหน้าก็ตาม

  เขามองดูจ้าวเทียนเล่อ กล่าวอย่างดูแคลน: “ในสายตาพ่อ มีเพียงจ้าวซวู่ที่เป็นลูกชายของพ่อ ผมไม่ได้อะไรทั้งนั้นเลยใช่ไหม?”

  จ้าวเทียนกล่าวอย่างเดือดดาล: “แกมันไอ้สารเลว!”

  “แกมีสิทธิอะไรไปเปรียบเทียบกับซวู่เอ๋อร์?”

  “ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันสงสารแก แกคงจะถูกเอาไปโยนเป็นอาหารหมาตั้งนานแล้ว!”

  “เหมือนกับแม่ที่ไร้ยางอายคนนั้นของแก!”

  “แม่เป็นอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น พวกแกล้วนเป็นคนต่ำต้อย!”

  “รีบไสหัวไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!”

  สีหน้าของจ้าวเฟิง ในที่สุดก็เปลี่ยนไปแล้ว

  การเสแสร้งทำเป็นฐานะต้อยต่ำ ประจบสอพลอ ระมัดระวังทั้งหมดเหล่านั้นก่อนหน้านี้ หายไปโดยสิ้นเชิง

  เหมือนกับว่าเมื่อกระแสน้ำที่หนาวเย็นได้มลายหายไป เผยให้เห็นก้อนหินที่ทั้งแหลมและคม ที่อยู่ด้านล่าง

  คนอื่นกล่าว่าเขาเป็นไอ้สารเลว เขายอมรับ คิดไม่ถึงว่า แม้แต่พ่อบังเกิดเกล้าคนนี้ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะพูดแบบนี้เช่นเดียวกัน

  อีกทั้ง ยังดูถูกมารดาของเขาด้วย

  เดิมทีเขาคิดจะไว้ชีวิตของจ้าวเทียนเล่อสักครั้ง แต่ว่าตอนนี้ มีเจตนาสังหารเกิดขึ้น ในแววตาของเขา

  “คุณชายเฟิง ตอนนี้เจ้าบ้านไม่ค่อยสบาย คุณออกไปก่อนเถอะ!”

  “อยู่ที่นี่ต่อ หรือว่าคุณยังคิดจะอกตัญญูต่อเจ้าบ้านงั้นหรือ?”

  หลี่จื้อเจียนและหม่าถง เอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นยะเยือก

  พวกเขาคือหนึ่งในบรรดาองครักษ์ทั้งแปดคนที่เหลืออยู่ในตอนนี้ ที่จ้าวเทียนเล่อไว้ใจมากที่สุด

  จ้าวเฟิงยิ้มเยาะไม่พูดจา

  เลี่ยวเจี๋ยเอ่ยปากทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก: “อารมณ์ของเจ้าบ้าน พวกเราสามารถเข้าใจได้”

  “แต่ว่า คุณชายจ้าวเฟิง ไม่ได้คิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมของตระกูลจ้าวที่ไหนกัน”

  “เจ้าบ้าน ขออภัยที่กระผมต้องกล่าวตามตรง พิธีแต่งงานวันพรุ่งนี้ จะยกเลิกไม่ได้”

  “ตระกูลจ้าว จะไม่มีผู้สืบทอดไม่ได้”

  จ้าวเทียนเล่อสีหน้าเคร่งขรึมไปทันที: “เลี่ยวเจี๋ย แกช่วยพูดแทนไอ้เวรคนนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

  “ซวู่เอ๋อร์ตายไปแล้ว แกจะให้ฉันไปหาใครมาแต่งงานกับหลิวชิงเหยา?”

  “ใครจะสามารถเป็นผู้สืบทอดได้?”

  หลู่ซิ่นกล่าวเสียงขรึม: “นายท่าน กระผมมีบางอย่างอยากจะพูด ถึงแม้จะไม่น่าฟัง แต่ว่า เป็นเพราะคิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมของตระกูลจ้าว”

  “บัดนี้ฉินเทียนได้มาถึงอวิ๋นโจวแล้ว พูดอยู่คำเดียวว่า จะเอาห้าเมืองไป”

  “วิธีที่พวกเราสามารถต่อต้านเขาได้ ก็คือการเกี่ยวดองสมรสกับเป่ยเจียง ให้เขาได้รับรู้ถึงความน่าเกรงกลัว”

  “ถ้าหากยกเลิกพิธีแต่งงานวันพรุ่งนี้ ปล่อยให้คนของเป่ยเจียงกลับไป ตระกูลจ้าวจะต้องไปรับผลกระทบอย่างรุนแรง ฉินเทียนเรียกขอห้าเมืองคืน พวกเราควรจะรับมืออย่างไร?”

  “ดังนั้น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในตอนนี้ มิสู้ให้คุณชายเฟิงแต่งงานกับหลิวชิงเหยา แทนคุณชายซวู่”

  “หลิวชิงเหยานั่นก็เพื่อแก้แค้นให้กับพ่อของเธอ ที่เธอต้องการแต่งงานด้วย ก็คือผู้สืบทอดของตระกูลจ้าวเท่านั้น”

  “กระผมคิดว่า ขอเพียงแค่เจ้าบ้านแต่งตั้งคุณชายเฟิงเป็นผู้สืบทอดอย่างมั่นคง หลิวชิงเหยาจะต้องยินยอมเปลี่ยนการแต่งงานอย่างแน่นอน”

  “นี่คือแผนการที่จะสามารถทำให้ผลประโยชน์ส่วนรวมไม่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในตอนนี้ เจ้าบ้านได้โปรดคิดทบทวน”

  เลี่ยวเจี๋ยกล่าวอย่างดูแคลน: “หลี่จื้อเจียน เจียงเห้อ หม่าถง พวกคุณคิดว่าอย่างไร?”

  “ถึงแม้ว่าพวกเราไม่ใช่สกุลจ้าว แต่ว่าเจ้าบ้านตระกูลจ้าวมีบุญคุณต่อพวกเรายิ่งใหญ่ดั่งภูเขา ในเวลาที่สำคัญเช่นนี้ พวกเราควรจะให้ความสำคัญกับตระกูลจ้าว”

  “พวกคุณคิดว่า นี่เป็นแผนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตอนนี้หรือไม่?”

  เมื่อได้ฟังคำพูดของ เลี่ยวเจี๋ย หลี่จื้อเจียนเจียงเห้อ หม่าถงทั้งสามคน เงียบขรึมไม่พูดจา

  หากกล่าวด้วยอารมณ์แล้ว พวกเขายากที่ยอมรับกลยุทธ์ข้อนี้

  แต่ว่า หากกล่าวด้วยสติปัญญาแล้ว พวกเขาจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ว่า นี่เป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ

  มีเพียงแบบนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถทำให้ความเสียหายลดลงให้ต่ำที่สุดได้

  เพียงแต่ว่า สำหรับเลี่ยวเจี๋ยและหลู่ซิ่น ที่เอนเอียงไปทางจ้าวเฟิงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ พวกเขายังคงมีความประหลาดใจอยู่บ้างเล็กน้อย

  แต่ว่า พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่นึกว่า จ้าวซวู่และจ้าวข่ายต่างก็ตายไปแล้ว เหลือเพียงแค่จ้าวเฟิงเพียงคนเดียวเท่านั้น

  เลี่ยวเจี๋ยและคนอื่นๆก็เพื่อผู้หนุนหลังในอนาคต ถึงได้ช่วยพูดแทนจ้าวเฟิงชั่วคราว

  ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือน เหมือนกับว่าไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้แล้ว

  เจียงเห้อไตร่ตรองครู่หนึ่ง กล่าวเสียงเบา: “เจ้าบ้าน ที่พี่รองเลี่ยวกับพี่สามหลู่พูดมา เป็นเรื่องจริง”

  “เจ้าบ้าน ในเวลาแบบนี้จะต้องรีบระงับความเศร้าโศก”

  “ผลประโยชน์ส่วนรวม จะยกเลิกไม่ได้”

  สีหน้าของจ้าวเทียนเล่อเคร่งขรึมน่ากลัว

  เขาเป็นเจ้าบ้านที่ทรงพลัง จะไม่รู้ได้อย่างไร ว่านี่คือวิธีการจัดการที่ดีที่สุด

  แต่ว่า ให้เขาแต่งตั้งจ้าวเฟิงเป็นผู้สืบทอด หากกล่าวด้วยอารมณ์แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็ปล่อยวางไม่ลง

  หลี่จื้อเจียนกล่าวเสียงเบา: “เจ้าบ้าน เรื่องผู้สืบทอดเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ผมคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องรอบคอบจะดีกว่า”

  หม่าถงครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวเช่นเดียวกัน: “วันแต่งงานวันพรุ่งนี้ สามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ พวกเราสามารถค่อยๆปรึกษากันเพื่อหาแผนที่เหมาะสมได้”

  จ้าวเทียนเล่อสพ่นลมหายใจ จ้องจ้าวเฟิงเขม็ง กล่าวอย่างดูแคลน: “แกคิดจะแต่งงานแทนพี่ชายของแก ยังคิดจะแทนที่ตำแหน่งของเขา”

  “แกคิดว่า แกคู่ควรหรือไม่?”

  จ้าวเฟิงกล่าวเสียงขรึม: “ผมไม่คู่ควร”

  “แต่ว่า อาเลี่ยวพวกเขา เป็นการคิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมของตระกูลจ้าว ลูกขอให้คุณพ่อ อย่าได้ตำหนิพวกเขา”

  “ในเมื่อคุณพ่อไม่เห็นด้วยกับแผนการนี้ เช่นนั้นลูกชายมีอีกวิธีหนึ่ง บางทีอาจจะสามารถหาทางออกให้สถานการณ์ที่ยากลำบากของตระกูลในตอนนี้ได้”

  จ้าวเทียนเล่อกล่าวอย่างไม่พอใจ: “แกมีวิธีการอีกแล้ว?”

  “ที่เรียกว่าวิธีการที่ดีที่ร่วมมือกับเป่ยเจียงของแก ทำลูกชายฉันตาย ตอนนี้ ยังมีหน้าอะไร มาวางแผนการต่อหน้าฉัน!”