ภายในเมืองร้อยลี้ ณ สนามฝึกฝนของบ้านผู้ปกครองเมือง

เซี่ยปิงกำลังฝึกฝนมวยอยู่ หมัดที่หนักหน่วงได้ประเคนออกไป แต่ละหมัดนั้นเหมือนกับว่าเป็นภูเขาที่พุ่งออกไปก็ว่าได้ มีออร่าความกดดันที่แผ่ออกมา ทั่วทั้งเมืองสั่นไหว เหมือนกับเป็นอสูรโบราณที่ถูกปลุกขึ้นมาก็ว่าได้

ผู้คนจำนวนมากต่างก็เข้ามาดูชมใกล้ๆ

“เซี่ยช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ”

“ทักษะหมัดเช่นนี้ช่างทรงอำนาจเกินไป เพียงแค่ดูอยู่ด้านข้าง ข้าก็รู้สึกเหมือนว่าตนเองจะต้องถูกบดขยี้ก็ว่าได้”

“แม้แต่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์เอง ก็ไม่สามารถที่จะหายอดปรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านทักษะหมัดเช่นนี้ได้มากนัก เพียงแค่มองดูก็เกือบที่จะหลงใหล”

“ข้าคิดว่ามีโอกาสสูงจริงๆที่เซี่ยจะก้าวเข้าไปในระดับจักรพรรดิ”

เจ้าหน้าที่จำนวนมากต่างก็เอ่ยชมออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นการซ้อมมวยของเซี่ยปิงนั้น พวกเขาก็รู้สึกหลงใหล ได้รับผลประโยชน์ไปอย่างมาก หมัดแต่ละหมัดนั้นเหมือนกับว่ามีพลังอำนาจของโลกและสวรรค์อยู่ ทำปฏิกิริยาตอบสนองกัน

“เจ้าปีศาจนี่ไม่ได้ใช้พลังอำนาจทั้งหมดจริงๆ”

ผู้ปกครองเมืองบาหลีหู่ก็มองเซี่ยปิงด้วยสายตาเป็นประกาย หลังจากที่ได้ต่อสู้กับเซี่ยปิงนั้น เขาก็รู้สึกว่าตนเองเหมือนกับจะเอื้อมไปถึงจุดก้าวผ่านของระดับจักรพรรดิ คาดการณ์ได้ว่าภายในระยะเวลาสิบปี เขาก็จะสามารถเลื่อนขั้นไปในระดับจักรพรรดิได้

ทว่าทำไมก็ไม่รู้ ตอนนี้เขาถึงรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง เหมือนกับต่อให้ตนเองจะเลื่อนขั้นไปในระดับจักรพรรดิได้นั้น ก็ยังคงไม่ใช่คู่มือของชายคนนี้อยู่ดี

“ทวีปแห่งนี้มีผลประโยชน์อย่างมากสำหรับการควบแน่นความสามารถศักดิ์สิทธิ์”

เซี่ยปิงมีสายตาเป็นประกาย เขารู้สึกว่าการควบแน่นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ในทวีปเทพเจ้ามังกรแห่งนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือว่าการทำความเข้าใจความสามารถศักดิ์สิทธิ์นั้น มันก็รวดเร็วยิ่งกว่าโลกภายนอกอย่างมาก

ภายในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน เขาก็สามารถที่จะทำให้แกนพลังฉีของระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงเสถียรและมั่นคง อีกทั้งยังมีพัฒนาการที่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์มากมายสื่อสารกับพลังอำนาจของโลก เหมือนกับว่าจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นค่ายกลของสวรรค์และโลกก็ว่าได้

บางทีการที่ทวีปแห่งนี้เคยมีมังกรที่แท้จริงอาศัยอยู่นั้น มันส่งผลให้ออร่าของมังกรที่แท้จริงแผ่กระจายไปทั่วทุกหนแห่งในทวีปและทำให้พลังฉีธรรมชาติของทวีปแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับผู้คนที่จะทำความเข้าใจความสามารถศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ของสถานที่แห่งนี้จึงมีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏอยู่มากมาย มียอดฝีมือที่มากมายดั่งก้อนเมฆบนฟากฟ้า

ดิ้ง ด๊อง ดิ้ง ด๊อง!!!

ในตอนนี้ ทั่วทั้งเมืองเกิดเสียงระฆังดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดังขึ้นมาทั้งหมด18ครั้ง ดั่งก้องไปทั่วทั้งเมืองร้อยลี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเมืองรับรู้ถึงเสียงนี้

ได้ยินเสียงระฆังนี้ ทันใดนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ ผู้บัญชาการและหัวหน้าอื่นๆที่อยู่ในสนามฝึกฝนแห่งนี้ต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

“บัดซบ เสียงระฆัง18ครั้ง หมายความว่าเผ่าพันธุ์ดราโกเนี่ยนรุกรานเข้ามา”

“เร็ว ไปที่กำแพงเมืองเพื่อป้องกัน”

ในช่วงเวลานี้ เหล่าผู้นำที่อยู่ในสนามฝึกฝนแห่งนี้ต่างก็ไม่กล้าที่จะล่าช้าใดๆ พวกเขาได้หยิบอาวุธ ชุดเกราะและอุปกรณ์อื่นๆ จากนั้นก็ได้จากออกไปอย่างรวดเร็ว บินไปสู่กำแพงเมืองร้อยลี้

เซี่ยปิงก็ขมวดคิ้วและได้ติดตามเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไปเช่นกัน

ในช่วงเวลานี้ ทหารทั้งหมดของเมืองร้อยลี้ก็ได้ยินเสียงระฆังนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครที่ไหน พวกเขาต่างก็ไปรวมตัวกันอยู่ที่กำแพงเมืองของเมืองร้อยลี้

ภายในทวีปเทพเจ้ามังกรนั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้มีความอ่อนแอ โดยพื้นฐานแล้วทุกๆคนจะเป็นทหาร

ซู่ ซู่ ซู่!!!

ณ พื้นที่เปิดโล่งเหนือประตูเมือง ผู้ปกครองเมืองบาหลีหู่ ผู้บัญชาการอีกเก้าคนรวมถึงบาหลีหั่นและยอดฝีมือในระดับราชันอีกจำนวนมากซึ่งรวมกันทั้งหมดประมาณ20-30คนนั้น

ในช่วงเวลานี้พวกเขาต่างก็ปรากฏตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้ มีสีหน้าที่เคร่งขรึมอย่างมาก

“เผ่าพันธุ์ดราโกเนี่ยนโจมตี นำพากองทัพมานับล้านคน ดราโกเนี่ยยนระดับราชันจำนวนร้อยคน จะไม่มีการช่วยเหลือจากภายนอกที่มาถึงภายในระยะเวลาสามวัน ตอนนี้มีทางเลือกเพียงทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือจะต้องต่อสู้จนตัวตาย!”

บาหลีหู่เริ่มที่จะพูดออกมา

อะไรนะ?!

ได้ยินเช่นนี้ เจ้าหน้าที่จำนวนมากของชนเผ่าบาหลีก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก มีข้อมูลมากเกินไปในคำพูดของบาหลีหู่จนพวกเขาประเมินผลไม่ทัน อีกทั้งยังฟังดูน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ฝ่ายตรงข้ามนั้นนำพากองทัพขนาดใหญ่มา ทว่าพวกเขาก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภายนอกเช่นกัน นี่มันไม่ใช่การเฝ้ารอความตายหรือ?!

หลังจากที่พวกเขาลองคิดดูดีๆ มันก็ดูเหมือนว่าการโจมตีของเผ่าพันธุ์ดราโกเนี่ยนในครั้งนี้จะเป็นการเตรียมพร้อมมานานแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ถูกตัดขาดการช่วยเหลือจากเมืองศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ทว่าก็ยังส่งกองทัพขนาดใหญ่มาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าต้องการที่จะฆ่าล้างพวกเขา

คาดการณ์ได้ว่านี่เป็นแผนการที่ได้จัดเตรียมไว้ในระยะยาว

“ดูเร็ว พวกเขามากันแล้ว” บาหลีหั่นชี้ไปที่ข้างหน้า ผู้คนก็มองไปตามทิศทางนั้น เซี่ยปิงก็หรี่ตามองเช่นกัน

หล่ง หล่ง หล่ง~

เห็นเพียงแค่ว่าปลายสุดของขอบฟ้า มีก้อนเมฆสีแดงและหมอกที่ปกคลุมท้องฟ้า เหมือนกัว่ามีมังกรที่แท้จริงหลายร้อยตัวที่ทะยานอยู่เหนือเมฆและหมอก ดราโกเนี่ยนจำนวนมหาศาลกำลังขี่อสูรดุร้ายเข้ามา บินเข้ามาสู่เมืองร้อยลี้อย่างรวดเร็ว

ทหารดราโกเนี่ยนเหล่านี้อยู่ติดกันอย่างแน่นหนา มีจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านคน เป็นเหมือนกับมดก็ว่าได้ ทุกๆที่มีจำนวนผู้คนที่แออัดกัน นำพาความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวมาสู่พวกเขา

อย่าพูดถึงว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นมีจำนวนที่มากกว่าล้านคน ยิ่งไปกว่านั้นแต่ละคนยังเป็นยอดฝีมือ มีพลังการต่อสู้ที่สามารถทำลายล้างเมืองร้อยลี้ได้มากกว่าสิบครั้ง นี่ทำให้ทหารของชนเผ่าบาหลีจำนวนมากรู้สึกสิ้นหวังทันที

ตึบ!

ทันใดนั้น กองทัพดราโกเนี่ยนก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ดูเหมือนว่าจะเป็นกองทัพที่มีระเบียบวินัยอย่างมาก เชื่อฟังคำสั่งและหยุดลง อยู่ห่างออกไปจากเมืองร้อยลี้ประมาณสิบกิโลเมตร เผชิญหน้ากับทหารบาหลีจำนวนมากจากระยะทางที่ห่างออกไป

“เจ้าพวกมนุษย์!”

เหว่ยซื่อเท่อดราโกเนี่ยนระดับราชันได้เดินเข้ามา เดินเหมือนเสือก้าวเหมือนมังกร ร่างกายมีออร่าแรงกดดันที่มหาศาลแผ่ออกมา เขานั้นเป็นผู้บัญชาการของกองทัพดราโกเนี่ยนนี้

“เหว่ยซื่อเท่อ!”

บาหลีหู่และคนอื่นๆก็จดจำศัตรูเก่าแก่นี้ได้ทันที เจ้าเหว่ยซื่อเท่อนี่เป็นราชันที่โด่งดังและมีประสบการณ์ยาวนาน มีพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าบาหลีหู่เสียอีก

การที่เจ้าเหว่ยซื่อเท่อนี่ได้นำกองทัพของดราโกเนี่ยนระดับราชันจำนวนมากมาด้วยตนเองเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาได้ทุ่มเทแค่ไหนกับสถานการณ์นี้

“เหว่ยซื่อเท่อ ครั้งนี้ที่เจ้านำกองทัพออกมารุกรานเมืองร้อยลี้ของข้า อันที่จริงนี่มันคืออะไรกัน เจ้าและเมืองร้อยลี้ของข้าควรที่จะต่างคนต่างอยู่ถึงจะถูก” บาหลีหู่ถามขึ้นมาเสียงดัง

ในฐานะที่เป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดนั้น น้ำเสียงของเขาเป็นเหมือนดั่งสายฟ้า เสียงปัดเป่าออกไป สามารถที่จะถ่ายทอดออกในพื้นที่ระยะร้อยกิโลเมตรได้ ผู้คนสามารถที่จะได้ยินเสียงอย่างชัดเจน

“ผายลม! ต่างคนต่างอยู่อย่างไรกัน พวกเจ้าเผ่าพันธุมนุษย์เป็นฝ่ายที่เริ่มก่อน!”

เหว่ยซื่อเท่อได้แสยะออกมา “เจ้าลืมไปแล้วหรือ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันที่ผ่านมา ราชันของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเจ้าได้สังหารดราโกเนี่ยนระดับราชันของข้าไปถึงสามคน แม้แต่กระดูกก็ไม่มีเหลือ นี่คือความเกลียดชังอันขมขื่น”

“ครั้งนี้ที่ข้านำกองทัพดราโกเนี่ยนเข้ามานั้น ก็เพื่อที่จะฆ่าล้างผู้คนในเมืองนี้ แม้แต่หมูหมากาไก่ก็จะไม่มีเหลือ!”

อะไรนะ?!

เจ้าหน้าที่จำนวนมากของชนเผ่าบาหลีก็รู้สึกแน่นอก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ ทว่าพวกเขาก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเหว่ยซื่อเท่อจะนำกองทัพมาโจมตีเมืองน้อยลี้เพราะว่าเรื่องนี้ อีกทั้งยังต้องการที่จะทำลายล้างพวกเขา

“แน่นอนว่าหากเจ้าต้องการที่จะหลีกเลี่ยงหายนะครั้งนี้ มันก็ไม่ได้ถือว่าเป็นไปไม่ได้”

เหว่ยซื่อเท่อให้ความหวังอย่างกะทันหัน

“หืมม อย่างไร? เจ้าต้องการอะไร?”

บาหลีหู่ถามขึ้นมา

“ส่งตัวเจ้าฆาตกรที่สังหารดราโกเนี่ยนระดับราชันทั้งสามคนมา”

เหว่ยซื่อเท่อตะโกนเสียงดังออกมา “ตัดศีรษะของฆาตกรเหล่านี้และแขวนไว้ที่กำแพงเมือง ทำให้ผู้คนปกติธรรมดาได้เห็น อีกทั้งจะต้องฆ่าล้างทั้งเก้าชั่วโคตรของฆาตกรเหล่านี้ หากเป็นผู้ชายจะต้องตาย หากเป็นผู้หญิงจะต้องกลายมาเป็นทาสของเผ่าพันธุ์ดราโกเนี่ยนของข้า”

“หากเจ้าทำตามเงื่อนไขนี้ได้ เผ่าพันธุ์ดราโกเนี่ยนของข้าก็จะถอยทัพกลับไปทันที”

เขาได้เสนอเงื่อนไขของตนเองออกไป ตราบใดที่ยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ เขาก็จะนำกองทัพกลับไป จะไม่รุกรานเมืองร้อยลี้อีก

“ว่าอย่างไร? ข้าคิดว่าเงื่อนไขนี้ก็สมเหตุสมผลทีเดียว ตราบใดที่พวกเจ้าส่งตัวฆาตกรมาและสังหารผู้คนในครอบครัวของฆาตกรเหล่านี้ทั้งหมด พวกเจ้าก็จะสามารถหลีกเลี่ยงหายนะได้ นี่เป็นการละเว้นจากความผิดที่มีโทษฐานฆ่าล้างทั้งเมือง” เหว่ยซื่อเท่อยโสโอหังอย่างมาก จ้องมองบาหลีหู่และคนอื่นๆด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม

ทว่าเขากลับแสยะอยู่ในใจ เพราะว่าเงื่อนไขเหล่านี้นั้นไม่ใช่ความจริง ต่อให้บาหลีหู่จะสังหารฆาตกรเหล่านั้นจริงๆ พวกเขาก็จะไม่ถอยทัพกลับไปอย่างแน่นอน

เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วการที่เรียกรวมพลดราโกเนี่ยนมาที่นี่ มีผู้คนจำนวนมากที่เข้ามาข้องเกี่ยว รวบรวมราชันดราโกเนี่ยนมาถึงร้อยคน มันไม่ใช่สำหรับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ นี่คือการที่จะต้องทำลายเมืองของมนุษย์และฆ่าล้างมนุษย์ทั้งหมด ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เผชิญกับความสูญเสียที่ร้ายแรง

ทว่าก่อนหน้านั้น เขาก็ไม่รังเกียจที่จะใช้กลยุทธ์ทำให้มนุษย์แตกหักกันเอง ทำให้มนุษย์เหล่านี้สับสนกับสถานการณ์ เกิดความขัดแย้งกันภายใน