ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 262 เยี่ยนจ้าวเกอผู้มั่นคงดุจเขาไท่ซาน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เส้นสายตาของทุกคนต่างหยุดอยู่บนร่างฟางจุ่น ที่บัดนี้มีสีหน้าสงบนิ่งไม่ไหววูบ ราวกับเรื่องราวที่เพิ่งบังเกิดเมื่อครู่ไม่เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย

แลเห็นฟางจุ่นมีท่าทีเช่นนี้ คนอื่นก็ไม่อาจจ้องมองเขาตลอดเวลาเช่นกัน ทยอยละสายตากลับ

เวลานี้คล้ายกับไม่ว่าพูดอะไร ล้วนไม่ได้เหมาะสมขนาดนั้น

เยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมองปลายจมูก จมูกยลหัวใจ คอยท่าอยู่ตรงนั้นเงียบๆ

เรื่องที่วางแผนไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม ในที่สุดก็บรรลุเป้าหมายแล้วในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกคลายใจอย่างยิ่งเช่นกัน

หากแต่สภาพแวดล้อมภายนอกแปรเปลี่ยนเป็นสถานการณ์เฉกเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ในตอนแรกไม่เคยคาดคิดอย่างแท้จริง

“นพยมโลก…ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต…สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์…” แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอหยั่งลึกอยู่บ้าง พลางครุ่นคิดไม่เอื้อนเอ่ย

วันนี้ หยวนเจิ้งเฟิง เจ้าสำนักรุ่นปัจจุบันของสำนักเขากว่างเฉิง ประกาศว่าเนื่องด้วยอายุอานามของตนเองสูงแล้ว กำลังวังชาไม่ดีนัก ดังนั้นจึงให้ศิษย์ใต้สำนัก เยี่ยนตี๋ ผู้อาวุโสแห่งตำหนักสืบวิชาแห่งเขากว่างเฉิงช่วยเหลือจัดการกิจธุระของสำนัก

เมื่อเยี่ยนตี๋ลงจากตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักสืบวิชา ก็มีคนอื่นอีกคนเข้ารับตำแหน่งแทน

ทั่วทั้งสำนักเขากว่างเฉิงหลังจากได้รับข่าวนี้แล้ว ต่างก็มีความรู้สึกแตกต่างกัน

เหล่าบรรดาผู้อาวุโสที่อายุค่อนข้างมากรู้สึกเป็นกังวลอยู่ในใจรางๆ หลายปีมานี้ รูปแบบการกระทำของฟางจุ่นก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นมาเหมือนกัน

ทว่าเปรียบเทียบเทียบกันแล้ว รูปแบบของเยี่ยนตี๋ แข็งกร้าวรุนแรงยิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ซึ่งยอดฝีมือรุ่นกลางที่เกิดในเขากว่างเฉิง ทัศนคติกลับตรงกันข้ามพอดี ด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกถึงความฮึกเหิม

จอมยุทธ์กว่างเฉิงที่แต่ไรใกล้ชิดฝ่ายเยี่ยนตี๋ ยิ่งมีอารมณ์ความรู้สึกฮึกเหิม ต่างเดินไปเดินมา ชั่วขณะหนึ่งล้วนรู้สึกเหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

ทว่าจอมยุทธ์กว่างเฉิงที่ใกล้ชิดฝ่ายฟางจุ่น ไม่พูดว่าลำบากกันถ้วนหน้า กระนั้นก็อำนาจก็ตกต่ำลงเช่นกัน

ท่าทีเยี่ยนตี๋เด็ดขาดรุนแรง ทว่าพลังหาได้คับแคบไม่ ทุกคนต่างก็เป็นคนในสำนักเขากว่างเฉิง กำลังคนฝ่ายฟางจุ่นย่อมไม่กังวลว่าเยี่ยนตี๋จะคิดบัญชีภายหลัง

ขอเพียงแต่ไม่ใช่เรื่องที่เฉกเช่นผู้อาวุโสคุมการณ์ถังตะวันออกเหยียนซวี่เคยล้ำเส้น

หากแต่ในภายภาคหน้า พวกเขาคิดอยากคืบสูงในสำนัก จะมีความยากเย็นขึ้นกว่าเดิมอยู่บ้าง

ต้องการคะแนนที่เอาจริงเอาจังกว่านี้ ความสามารถที่โดดเด่นกว่านี้

เยี่ยนตี๋มีความอดทนมากพอ เรื่องที่แล้วก็แล้วกันไป ขณะเดียวกันก็จะเปลี่ยนมุมมองของตนเอง แง่มุมที่เริ่มยืนอยู่ที่ตำแหน่งเจ้าสำนัก แง่มุมที่ไปตรึกตรองปัญหาเพื่อทั้งสำนัก ขอเพียงเป็นผู้ที่มีความสามารถก็จะเลื่อนขั้นสูงขึ้น แน่วแน่ในเรื่องความสามัคคีและความมั่นคงของทั้งสำนัก

ทว่าหากความสามารถในการทำงานและความสามารถของทั้งสองฝ่ายไล่เลี่ยกัน จะเลือกบุคคลในฝ่ายตนเองหรือฝ่ายฟางจุ่น ไม่ต้องพูดก็กระจ่างแจ้งชัด

นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน เปลี่ยนเป็นฟางจุ่น เปลี่ยนเป็นคนไหนๆ มารับตำแหน่งของเขา ล้วนเป็นสถานการณ์เช่นเดียวกัน

ในฐานะเจ้าสำนัก ก็ถือเป็นเจ้าสำนักของทุกคนในสำนักเขากว่างเฉิงด้วย หากแต่ภายใต้การสละตำแหน่งเจ้าสำนัก จะต้องมีทิฐิต่อการสืบทอดสายตรงเป็นแน่

แต่ไหนแต่ไรกำลังคนที่ใกล้ชิดฝ่ายฟางจุ่นคิดอยากเลื่อนตำแหน่ง จำเป็นต้องแข่งขันกับคู่ต่อสู้ที่แกร่งกว่าตนอย่างแท้จริงถึงจะได้

ทุกๆ คนต่างรวมกำลังแน่นแฟ้นอยู่ข้างกายเขา ตามอำนาจกำกับควบคุมสำนักของเยี่ยนตี๋ที่นับวันยิ่งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เป็นอันหนึ่งอันเดียวอย่างแท้จริง กระนั้นสถานการณ์จำพวกนี้จะค่อยๆ เลือนหายไป ถึงเวลานั้นก็จะไม่มีการแบ่งแยกสายตรงและไม่ใช่สายตรงเช่นกัน

เพียงแต่นี่ต้องการเวลาเปลี่ยนผ่านสักหน่อย

ในระดับหนึ่งแล้ว ความยาวนานของเวลาเปลี่ยนผ่าน ก็สะท้อนด้านหนึ่งในความสามารถและกลวิธีของเยี่ยนตี๋เช่นกัน

ทว่าก็ไม่ได้ส่งกระทบกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม แม้เยี่ยนตี๋จะรับช่วงตำแหน่งเจ้าสำนักแค่ชั่วคราวเท่านั้น ทว่าสามารถรับประกันอำนาจกำกับดูแลทั่วทั้งสำนักเขากว่างเฉิงได้ค่อนข้างสมบูรณ์แต่ตั้งแรก

หยวนเจิ้งเฟิงในฐานะเจ้าสำนักนานหลายปี กิตติคุณโดดเด่น ชื่อเสียงบารมีและการปกครองในสำนักเขากว่างเฉิงของเขา นั้นไม่ต้องกังขาสงสัยเลย

ภายในของสำนัก แท้จริงแล้วโดยส่วนมากเป็นฝ่ายเป็นกลาง หยวนเจิ้งเฟิงตัดสินว่าผู้ใดเป็นเจ้าสำนัก พวกเขาก็สนับสนุนผู้นั้น ข้อแตกต่างอยู่เพียงที่สนับสนุนมากน้อยขนาดไหน

ด้วยความสามารถและชื่อเสียงเกียรติยศของเยี่ยนตี๋ สามารถรับรองได้ว่ายอดฝีมือระดับสูงฝ่ายเป็นกลางในเขากว่างเฉิงเหล่านี้ หลังจากเขารับตำแหน่งแล้ว จะมีแรงสนับสนุนเขาอย่างมาก

ดังนั้น กล่าวโดยรวมแล้ว แม้จะมีส่วนบางส่วนรู้สึกหมดหวังและเป็นกังวล ทว่าการหมุนเวียนสับเปลี่ยนภายในของตำแหน่งเจ้าสำนักเขากว่างเฉิง นับว่าสถานการณ์ยังสงบเงียบเหมือนไม่มีเปลี่ยนแปลง

ระหว่างทางที่เยี่ยนจ้าวเกอเดินกลับที่พำนัก เขาพบพานคนร่วมสำนักไม่น้อย ทุกคนต่างแสดงความยินดีกับเขา

หากแต่นี่กลับไม่ใช่เพราะตำแหน่งเยี่ยนตี๋เลื่อนขึ้น ถึงทำให้เยี่ยนจ้าวเกอก็น้ำขึ้นเรือย่อมสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอในขณะนี้ ทำเตาผลึกหินชั้นในให้ปรากฏอีกครั้ง สร้างความดีความชอบสำคัญในสงครามถังตะวันออก เสาะหาหญิงสาวแห่งจันทราให้สำนัก คิดหาวิธีอย่างชาญฉลาดดึงสำนักเขาไร้พรมแดนแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูผาพิภพให้เข้าสู่ฝ่ายตนเองครั้งอยู่ที่เขาเมฆนิมิต การประชุมฝ่านภาที่ทะเลสาบปิดนภาก็เปล่งประกายจนกลุ่มวีรบุรุษอับแสง อีกทั้งยังมีพลังความสามารถทำลายมหาค่ายกลแดนมารใต้ทะเลสาบปิดนภา…

ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาก็ต้านทานคลื่นคลั่งในเขตยุทธ์เมฆาบนเกาะทรายแห่งวายุพิภพ พลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง

คุณงามความดีเหล่านี้ยืนยันตำแหน่งของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้นานแล้ว

กล่าวอย่างไม่ยกยอสักนิด ต่อให้เยี่ยนตี๋บิดาของเขาตอนนี้เกิดเหตุไม่คาดคิดอะไร ก็ไม่ส่งผลต่อสภาพความเป็นอยู่ของเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสิ้นเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นใครรับตำแหน่งเจ้าสำนักต่อ ตำแหน่งและฐานะอำนาจของเยี่ยนจ้าวเกอในสำนักเขากว่างเฉิงล้วนมั่นคงดุจเขาไท่ซานอยู่แล้ว

ชื่อเสียงเกียรติยศและตำแหน่งของเขาในตอนนี้มาจากตัวเขาเองทั้งสิ้น หาใช่คนอื่นไม่ ในสายตาของทุกคน แนวคิดรากฐานที่มั่นคงในปัจจุบันคือคุณชายกว่างเฉิง ไม่ใช่บุตรชายของเยี่ยนตี๋เจ้าสำนักชั่วคราวที่เพิ่งดำรงตำแหน่งสดๆ ร้อนๆ ของสำนัก

ถึงขั้นที่สมญานามคุณชายกว่างเฉิงนี้ ทำให้ในใจของผู้คนจำนวนมากเริ่มรู้สึกว่าไม่เหมาะสมกับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว

ผู้คนใต้หล้า มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังปฏิบัติต่อเขาอย่างคนเยาว์วัยทั่วไป คุณูปการแต่ละเรื่อง ทำให้คนเริ่มมองข้ามอายุของเยี่ยนจ้าวเกอไปแล้ว

ฉะนั้นการที่ทุกคนแสดงความยินดีกับเยี่ยนจ้าวเกอ ล้วนเป็นการแสดงออกจากใจจริง ถึงอย่างไรความยินดีที่บิดาของชายหนุ่มก้าวหน้าไปอีกขั้น ก็นับเป็นน้ำใจที่คนทั่วไปพึงมี

เยี่ยนจ้าวเกอสามารถสัมผัสได้ถึงจุดนี้อยู่บ้าง เขาจึงอมยิ้มตอบรับตามมารยาท และมีท่าทางสุขุมสงบนิ่งเหมือนอย่างเช่นเคย

เยี่ยนจ้าวเกอเดินอยู่บนทางเดินระหว่างภูเขา หยุดชะงักฝีเท้าฉับพลัน สายตามองทะลุผ่านป่าเขาเป็นชั้น ออกไปยังทิศทางนอกภูเขา

‘ข่าวคราวที่ท่านพ่อรับตำแหน่งเจ้าสำนักชั่วคราวแพร่ออกไป คนอื่นก็สามารถเดาได้ว่าท่านอาจารย์ปู่เข้าณานบุกฝ่าขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว…’ เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางตนเอง พูดไตร่ตรองในใจ

ข่าวสารแพร่ออกไปนอกเขากว่างเฉิง ก็สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกแปดพิภพจริงๆ เช่นกัน

การแข่งขันสายสำนักเขากว่างเฉิงระหว่างเยี่ยนตี๋กับฟางจุ่นไม่ใช่ความลับ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งห้า จนไปถึงขุมกำลังชั้นหนึ่งและชั้นสอง ต่างจับตามองมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน

บัดนี้คล้ายกับว่ามีบทสรุปอยู่รางๆ มวลชนล้วนก็ทอดถอนใจเช่นกัน ในเวลาเดียวกันนั้นก็ปรับทิศทางของตนตามผลลัพธ์ที่ออกมา

ขณะเดียวกัน ผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นล้วนวินิจฉัยออกมาเช่นกัน นี่หมายความว่าในที่สุดหยวนเจิ้งเฟิง เจ้าสำนักเขากว่างเฉิงเดิมจะลองสืบเท้าเหยียบย่างก้าวสุดท้าย ตีฝ่าขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว

ข่าวที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้หยกม่วงพิสุทธิ์ และเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ‘ตะวันเยือน’ หวงกวงเลี่ยเลื่อนขั้นขึ้นอีก จึงแพร่สะพัดไปทั่วหล้าเป็นวงกว้างเช่นเดียวกัน

เมืองทะเลมรกตและสำนักเขาไร้พรมแดนได้รับข่าว ต่างก็รักษาความนิ่งเงียบ

ถ้าหากหยวนเจิ้งเฟิงพัฒนาขึ้นอีกก้าวสำเร็จ ตำแหน่งผู้นำพันธมิตรทั้งสามสำนักของเขากว่างเฉิงก็จะถูกสถาปนาโดยสิ้นเชิง สำนักเขากว่างเฉิงก็จะกลายเป็นผู้เกรียงไกรที่ไม่ด้อยไปกว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้เลยเช่นกัน

ต่อไปเมืองทะเลมรกตและสำนักเขาไร้พรมแดนควรจะวางตนเช่นไร ค่อนข้างซับซ้อนพอควร

กระนั้นแรงกดดันที่หวงกวงเลี่ยอาจจะรุดหน้าขึ้นอีกก้าว กลับเป็นเรื่องที่ไม่เกินจริงไปนักเช่นกัน

หอคลื่นโหมยังคงไม่มีท่าทีใดๆ ฝ่ายสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ยังมีท่าทีเช่นปกติ ทว่าภายในใจกลับปั่นป่วนดั่งคลื่นใหญ่ใต้น้ำ

ณ ยอดเขาเรืองรองของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ หวงซวี่ เจ้าสำนักคนปัจจุบันทอดสายตามองไปยังทิศเหนือที่นภาพิภพตั้งอยู่ เอ่ยถามเงียบๆ ว่า “เตรียมการเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

——————–