มนุษย์แสงได้ฟังก่อนจมสู่ห้วงความคิด

ความระมัดระวังตามนิสัยของเผ่าพันธุ์เทพทำให้ไม่สามารถร่วมมือกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้

ใช่แล้ว เผ่าพันธุ์เทพจะไม่มีวันร่วมมือกับเผ่าพันธุ์มนุษย์

แต่ตอนนี้ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว คำแนะนำของราชาเทพดูเหมือนจะเป็นหนทางใหม่ หนทางที่เผ่าพันธุ์เทพไม่เคยลองมาก่อน

มนุษย์แสงครุ่นคิดอยู่ราวสิบห้านาทีก่อนถามอีกครั้งว่า “ทำไมต้องเป็นกู่ฉิงซาน”

กู่ฉิงซานตอบว่า “เพราะเขาเข้าใจบัญญัติ เขาสามารถดำเนินการตามบัญญัติได้อย่างรวดเร็ว”

“เพราะเขาไม่ใช่คนของยุคนี้ อีกทั้งยังมาจากอนาคต หากมองในมุมอย่างเทพจินเยี่ยน เขาจะต้องเฉยชาต่อโชคชะตาของเผ่าพันธุ์ในยุคนี้และจะไม่ตัดใจจากความสนใจของตัวเองเพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ของยุคนี้อย่างแน่นอน”

“เขาจะต้องร่วมมือกับพวกเราเพื่อให้ได้ดาบศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน”

“ประกอบกับพละกำลังของเขาที่ต่ำ ตามที่จินเยี่ยนว่า ระดับการไหลเวียนของเขายังไม่ถึงขั้น ต่อให้ใช้บัญญัติได้ พละกำลังสุดท้ายของเขาก็มีจำกัดมาก ฆ่าง่ายกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในยุคนี้แน่นอน”

“ต่อให้มีการเปลี่ยนแปลง พวกเราก็สามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย”

“หากทุกอย่างไปได้สวย ให้เขาเอาดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพไปเพื่อพบกับเทพนิรันดร์ที่แท้จริง นั่นคือช่วงที่เขาและบัญญัติจะถูกทำลายไปพร้อมกัน”

มนุษย์แสงแย้งว่า “หลังจากคนที่ใช้บัญญัติตาย บัญญัติจะไม่ตายตาม แต่มันจะเข้าสู่สภาพหลับลึก”

“บัญญัติเข้าสู่สภาพหลับลึกหรือ ผลแค่นั้นไม่ส่งผลกับแผนพวกเราหรอก แถมยังเป็นประโยชน์กับพวกเราด้วยไม่ใช่หรือไง” กู่ฉิงซานกล่าว

มนุษย์แสงครุ่นคิดไปมาอยู่เนิ่นนาน

เขาลังเล หงุดหงิดและถอนหายใจ “นี่มันเป็นความคิดที่บ้าที่สุด พวกเราไม่เคยคิดถึงมนุษย์ พวกเราไม่เคยผ่อนคลายในการรับมือกับบัญญัติ แต่ตอนนี้พวกเราต้องใช้พลังจากพวกเขา”

“ใช้พลังที่มีทั้งหมด พวกเราเผ่าพันธุ์เทพสามารถดึงพลังที่แท้จริงออกมาได้!” กู่ฉิงซานกำหมัดขณะกล่าวเช่นนั้น

“แต่ว่า…ข้าตามหากับจินเยี่ยนมานานมากก็ยังไม่พบตัวกู่ฉิงซาน ท่านแน่ใจหรือว่าจะสามารถตามหาตัวเขาเจอ” มนุษย์แสงถาม

กู่ฉิงซานยิ้ม

เขารู้ว่าอีกฝ่ายติดกับเข้าแล้ว

“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ให้ราชาจัดการเองเถอะ ความจริงที่เจ้าโง่อย่างจินเยี่ยนไม่สามารถทำได้นั้นไม่ได้หมายความว่าราชาผู้นี้จะไม่สามารถทำได้”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช้าๆ

มนุษย์แสงคล้ายกับตัดสินใจได้ น้ำเสียงของเขาจึงเร็วขึ้น “ดีล่ะ ท่านคลี่คลายเรื่องปัญหาของกู่ฉิงซาน ส่วนต้นไม้หนามโบราณกับทูตสวรรค์แห่งบาป ข้าจะเตรียมการให้ล่วงหน้าก่อน ไว้พบกันใหม่”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “อย่าห่วงไปเลย เมื่อเจ้ากลับมา ข้าสัญญาว่าจะตามหากู่ฉิงซานจนทำข้อตกลงกับเขาได้อย่างแน่นอน”

มนุษย์แสงจ้องอีกฝ่ายก่อนจะเงียบอยู่นานแสนนาน

“เป็นอะไร” กู่ฉิงซานยิ้มขณะเตรียมตัวที่จะสู้อยู่เงียบๆ

“ท่านเป็นราชาเทพที่ยืดหยุ่นและเจ้าวางแผนที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา นี่คือโชคดีของพวกเราเผ่าพันธุ์เทพ” มนุษย์แสงกล่าว

“ทั้งหมดก็เพื่อเผ่าพันธุ์เทพ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างหนักแน่น

“ใช่ ทั้งหมดก็เพื่อเผ่าพันธุ์เทพ”

มนุษย์แสงกล่าวเช่นนั้น

เขาเหาะออกจากตำหนักราชาเทพ จมเข้าสู่ความว่างเปล่าบนท้องนภาก่อนหายไป

ผ่านไปสักพัก

กู่ฉิงซานค่อยๆ ผ่อนคลายลง

เขาเอนพิงกับบัลลังก์ราชาเทพ สายตาเหม่อลอยเล็กน้อย

ในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ แม้แต่เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้ากับการวิเคราะห์สถานการณ์ คิดถึงกลยุทธ์ ทำการตัดสินใจและโน้มน้าวอีกฝ่าย

ขณะหลับตา กู่ฉิงซานสะบัดมือ

ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่แช่แข็งลั่วปิงหลีเอาไว้ละลายทันที

ลั่วปิงหลีกลับมามีสติขณะจ้องมองกู่ฉิงซานด้วยดวงตาเบิกกว้าง

นางลังเลสักพักก่อนถามว่า “มนุษย์แสงบอกอะไรกับเจ้า”

กู่ฉิงซานเล่าให้ฟังอีกครั้ง

ลั่วปิงหลีตั้งใจฟัง จนกระทั่งกู่ฉิงซานเล่าจบถึงได้ถอนหายใจ “เจ้ากำลังเล่นอยู่กับไฟนะ”

“ไม่เป็นไร ข้าเล่นได้อยู่แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

“พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อ” ลั่วปิงหลีถาม

“เผ่าพันธุ์เทพไม่ขวางข้าในการเอาดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพอีกแล้ว ดังนั้นพวกเราสามารถไปเอาดาบได้เมื่อถึงเวลาอันควร” กู่ฉิงซานกล่าว

“วิญญาณกรีดร้องจะปรากฏตัวหรือเปล่า” ลั่วปิงหลีเตือน

กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าจะพาเจ้าไปเอาดาบ พวกเราจะใช้พลังในการเดินทางผ่านมิติและเวลาเพื่อมุ่งสู่อนาคต”

ลั่วปิงหลีกล่าวว่า “เช่นนั้นมนุษย์แสงจะต้องมาห้ามอย่างแน่นอน”

“ข้าจะหาทางคลี่คลายเรื่องนี้เอง” กู่ฉิงซานกล่าว

ลั่วปิงหลีเงียบ

นางคล้ายกับกังวลเล็กน้อย

ตอนนี้ กู่ฉิงซานไม่สนใจที่จะคุยหรือแม้แต่จะเหลียวแลนาง

‘ติ๊ง!’

เสียงเด่นชัดดังขึ้นในหูของเขา

หน้าต่างระบบเทพสงครามเริ่มส่งคำขอติดต่อสื่อสารทันที

“พวกเรามาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจแล้ว กู่ฉิงซาน” ระบบเทพสงครามกล่าว

“ตัดสินใจหรือ ตัดสินใจอะไร” กู่ฉิงซานถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก

จากน้ำเสียงของอีกฝ่าย เขารู้สึกถึงความเคร่งขรึม

ระบบเทพสงครามกล่าวว่า “ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ ท่านคือผู้ใช้บัญญัติราชามาร ในช่วงชีวิตนี้ ท่านก็เป็นผู้ใช้บัญญัติราชามารเช่นกัน ย้อนกลับไปหนึ่งหมื่นปีก่อน ท่านก็เป็นผู้ใช้บัญญัติราชามาร”

“สายสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบัญญัติราชามารทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคตช่างเหนียวแน่น ดังนั้นตัวปลอมของท่านที่ข้าสร้างในช่วงชีวิตที่แล้วจึงเริ่มสั่นคลอน”

“ทันทีที่ท่านใช้บัญญัติราชามารอีกครั้ง ความโกลาหลของมิติและเวลาจะระเบิดมาที่ท่าน”

“ท่านจะกลายเป็นสัญญาณเตือนที่เด่นชัดในมิติและเวลา ทำให้ดึงดูดสิ่งน่าสะพรึงที่ไม่รู้จักและยากจะรับมือเข้ามา พวกมันจะมาสอดแนม”

กู่ฉิงซานรู้สึกจุกอก

หากเป็นเช่นนี้ เขาก็เหมือนกับเผ่าพันธุ์มนุษย์คนอื่นในยุคโบราณที่จะดึงดูดความสนใจของพวกที่สามารถทำลายทุกสิ่งได้

กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “การใช้บัญญัติราชามารอีกครั้งคือกลยุทธที่ดีที่สุดที่ข้าจะนึกออกแล้ว ตอนนี้มันได้รับการยอมรับจากมนุษย์แสง เขาได้เริ่มเตรียมการเบื้องต้นแล้วด้วย หากข้าถอยกลับตอนนี้ เขาต้องสงสัยแน่ ”

“อีกอย่าง ถ้าข้ายอมแพ้ก็ไม่มีทางที่จะรักษาดาบไว้ได้”

ระบบเทพสงครามกล่าวว่า “ตอนนี้ท่านต้องเลือก จะทิ้งการใช้บัญญัติที่กำลังจะมาถึงหรือจะกลับไปช่วงชีวิตที่แล้วที่ข้าสร้างตัวปลอมขึ้นมา”

“ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่าไม่สามารถพาข้ามมิติและเวลาได้แล้วนี่” กู่ฉิงซานกล่าว

“ใช่แล้ว หากเป็นมิติและเวลาอื่นย่อมทำไม่ได้ แต่ข้าทิ้งสัญลักษณ์มิติและเวลาในช่วงชีวิตที่แล้วของท่านเอาไว้ นี่คือการตามรอยชีวิตของท่าน ท่านสามารถกลับไปได้อีกครั้ง พลังวิญญาณที่ข้าต้องการก่อนหน้านี้ล้วนเพื่อการนี้โดยเฉพาะ”

“ถ้าข้ากลับไป แล้วต้องทำอะไรบ้างล่ะ” กู่ฉิงซานถาม

“มอบข้าให้กับท่านในช่วงชีวิตที่แล้ว” ระบบเทพสงครามกล่าว

กริชลอยอยู่ตรงรูม่านตาของกู่ฉิงซาน

นี่คือกริชทอง ตัวกริชไม่มีร่องรอยของลวดลายที่ซับซ้อนเป็นพิเศษ มันมีความคมและความเรียบ

แสงสีทองอ่อนปกคลุมกริชราวกับคลื่น

กู่ฉิงซานมองกริชทองเล่มนี้แล้วพลันนึกถึงตอนที่เกิดใหม่ เขาถือกริชเล่มนี้เอาไว้ในมือ

นี่คือร่างที่แท้จริงของหน้าต่างระบบเทพสงคราม!

เสียงของระบบเทพสงครามดังขึ้น “นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ ท่านมาจากอนาคตและอยู่ในอดีตและเป็นตัวแทนของปัจจุบัน ท่านกลับไปช่วงชีวิตที่แล้วเพื่อมอบข้าให้กับตัวท่านที่เคยใช้ ลูปปิดตายที่สมบูรณ์แบบจะก่อเกิดขึ้น นับจากนี้ จะไม่มีใครสามารถสอดรู้สอดเห็นต้นกำเนิดที่แท้จริงของข้าได้อีก”

กู่ฉิงซานเงียบสักพักก่อนถามเสียงอ่อนว่า “ตอนนี้ข้าต้องเสียเจ้าไปหรือ”

หน้าต่างระบบเทพสงครามกล่าวว่า “ท่านจะเสียข้าไปชั่วคราว ในอนาคตท่านจะได้ข้าคืน”

“แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะ” กู่ฉิงซานถาม

ระบบเทพสงครามตอบว่า “เมื่อท่านกลับมายังช่วงหนึ่งหมื่นปีก่อนพร้อมดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ ทุกสิ่งจะก่อเกิดตามหลักของเหตุและผล ถึงตอนนั้น ตามหลักของกฎแห่งเส้นเวลา ข้าจะปรากฏขึ้นต่อหน้าท่านอีกครั้ง”

กู่ฉิงซานอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้

ถ้าเลือกเส้นทางนี้ เขาจะเสียหน้าต่างระบบเทพสงครามจนต้องต่อสู้อยู่ในยุคโบราณเพียงลำพัง

แต่เพื่อรักษาดาบ เพื่อรักษาทุกสิ่งที่เขาห่วงใย นี่คือสิ่งที่จำเป็นอีกครั้ง

หากเสียระบบเทพสงครามไปก็สามารถใช้งานบัญญัติราชามารได้อย่างปลอดภัย ส่งผลให้ทำทุกสิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กู่ฉิงซานเงียบ

เขาคุ้นชินกับการต่อสู้พร้อมระบบ แต่ตอนนี้เขาจะต้องโดดเดี่ยวอีกครั้ง

ต่อสู้เพียงลำพัง เผชิญหน้ากับอันตรายถึงชีวิตนับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีคำใบ้ ไม่มีตัวตนอีกต่อไป…

หน้าต่างระบบเทพสงครามรออยู่สักพัก จากนั้นถามว่า “ข้าขอถามครั้งสุดท้าย จะตัดใจจากการใช้บัญญัติราชามารหรือจะกลับสู่ช่วงชีวิตที่แล้วเพื่อตามหาตัวท่านเอง”

กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนคำรามออกมา “เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน!”

“ดี”

ระบบเทพสงครามพึงพอใจ

เขาเห็นแถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว

“คำขอได้รับการยอมรับแล้ว”

“พลังวิญญาณทั้งหมดถูกปลดปล่อย!”

“กำหนดพิกัดการถดถอยของมิติและเวลาเรียบร้อย”

“ทำการกลับสู่ช่วงชีวิตที่แล้วของท่าน”

“ห้า”

“สี่”

“สาม”

“สอง”

“หนึ่ง”

“ออกเดินทาง!”

ในตำหนักราชาเทพ ทุกสิ่งกลับคืนสู่สภาพหยุดนิ่ง

แสงสีทองปกคลุมกู่ฉิงซานเอาไว้

วินาทีต่อมา เขาออกไปจากโลกใบนี้