ตอนที่ 314:กองกำลังมนุษย์
ชิเซียงกรานแค่นเสียงใส่ขณะที่เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินราวกับอสรพิษ เจ้าโชคดีข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน ด้วยเหตุนี้เองชิเซียงกรานจึงเก็บสมบัติผนึกภูเขาของเขาเข้าไปในแหวนมิติ แต่ม่านพลังยังคงเปิดใช้งานอยู่เพื่อปกป้องตัวเอง
เจี้ยนเฉินไม่อาจทำอะไรได้นอกจากเก็บกระบี่ของเขา เจ้าควรจะอยู่ในกระดองเต่าของเจ้าตลอดไป มาดูกันว่าเจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน
สำหรับม่านพลังของเซียนผู้คุมกฎได้ถูกเรียกเป็นกระดองเต่า ใบหน้าของชิเซียงกรานบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเจี้ยนเฉิน ฉินจี๋, เจียเต๋อหวูคัง, ตู่กูเฟิงและเทียนมู่หลิงต่างก็อดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้มออกมา
ฮ่าฮ่าฮ่า การที่มีใครบางคนมาพูดว่าม่านพลังของเซียนผู้คุมกฎได้กลายมาเป็นกระดองเต่าแบบนี้ น้องสาวผู้นี้แม้ว่าจะอยู่มานาน แค่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้ น้องเจี้ยนเฉินนั้นอาจหาญอย่างมาก ! เทียนมู่หลิงหัวเราะ
ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เหลือเวลาอีกไม่มาก ตอนนี้เราควรจะวางแผนให้รัดกุมก่อนว่าเราจะใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฏทั้งหกอย่างไร แน่นอนว่าเราสามารถสังหารสัตว์อสูรและลดจำนวนคนที่ตายลงไปได้ ฉินจี๋พูด
ตอนนี้การต่อสู้และพลังที่กระจัดกระจายออกไปกว่า 1 กิโลเมตรได้จางหายไปแล้วและเซียนปฐพีหลายคนก็ได้กลับมายังจุดเดิม
ไม่น่าแปลกว่าทำไมพวกเขาถึงได้ถูกเรียกว่าจอมยุทธทั้งห้า ความแข็งแกร่งของเขาช่างมากมายยิ่งนัก…
สิ่งที่ใหญ่กว่า 200 เมตรนั่นคืออะไร ดูเหมือนว่าจะทรงพลังมาก…
ข้าได้ยินมาว่าพวกมันเรียกว่ายุทธภัณฑ์ของเซียนผู้คุมกฏ แปลก ไม่ว่านั่นคืออะไร ? ข้าก็อาจจะคิดแบบนั้นเช่นกัน หากว่าข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน….
มีหลายคนเริ่มจับกลุ่มรวมกันพูดด้วยเสียงกระซิบกระซาบด้วยความเกรงกลัวว่าคำพูดของพวกเขาจะดังเกินไป
มีสัตว์อสูรทั้งหมด 4 ตัว แต่ละตัวก็ต่างเป็นสายพันธุ์ที่หายากและมีความแข็งแกร่งมาก การใช้ผู้ที่ครอบครองยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฏ 2 คนสู้กับมันก็ทำได้แค่ตรึงเอาไว้ ข้าจึงได้เดาเอาไว้ว่าหากต้องการที่จะฆ่ามันได้ต้องใช้คนที่มียุทธภัณฑ์ถึง 3 คนในการฆ่ามัน แต่เรามี 6 คน นั่นหมายความว่าเราจะสามารถฆ่ามันได้ 2 ตัว ขณะที่ตัวอื่น ๆ ต้องให้คนที่เหลือจัดการ ฉินจี๋พูดอย่างเคร่งขรึม
เรามีเซียนปฐพีมากมาย สัตว์อสูร 2 ตัวสุดท้ายพวกเขาก็สมควรจะรับมือกับพวกมันได้ แม้ว่าจะไม่มีใครอีกที่ได้ครอบครองยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ แต่ด้วยจำนวนของเซียนปฐพีนั่นก็เพียงพอที่จะรับมือกับพวกมันได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ ตู่กูเฟิงพูด
ถูกต้อง ฉินจี๋พยักหน้า หากเราทุกคนร่วมมือกัน เราก็จะสามารถทำลายการป้องกันของสัตว์อสูรลงได้
ข้าเห็นด้วยกับแผนนี้ ตู่กูเฟิงเห็นด้วย
ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน เจียเต๋อหวูคังพูดออกมา
ผู้เชี่ยวชาญ 3 ใน 5 เห็นด้วยขณะที่อีก 2 คนยังคงไม่ได้ให้คำตอบ
น้องเจี้ยนเฉิน เราต้องการความคิดเห็นของเจ้า ฉินจี๋หันหน้ามองไปทางหญิงสาวชุดเหลืองและเจี้ยนเฉิน จากนั้นชายทั้ง 4 คนที่อยู่ข้างหลังพวกเขา เขารู้ว่าเจี้ยนเฉินและหญิงชุดเหลืองเป็นแกนหลักของกลุ่ม
ข้าไม่มีปัญหาใด ๆ เจี้ยนเฉินยิ้ม
หญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อเห็นว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มทั้งสองเห็นด้วย ฉินจี๋ก็มีใบหน้าที่ดูตื่นเต้น จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ และพูดด้วยเสียงอันดังว่า ทุกคน จอมยุทธทั้งห้าได้รวมตัวกันเพื่อเข้าไปยังถ้ำอมตะ ข้าหวังว่าพวกท่านจะเข้าร่วมกับพวกเราและรวมพลังกันจนสามารถสังหารสัตว์อสูรได้ และใครก็ตามที่เข้าไปในถ้ำจะสามารถได้รับสมบัติเป็นของตัวเองได้ !
ไม่นานหลังจากที่ฉินจี๋พูดจบ ทุกคนก็ลุกขึ้นยืนทันทีและเริ่มส่งเสียงโห่ร้อง พวกคนเหล่านี้แต่ละคนเป็นเซียนปฐพีเป็นอย่างน้อยหรือไม่ก็สูงกว่า
ถ้าพวกเจ้าไม่ได้เป็นเซียนปฐพี อย่าเอาชีวิตของพวกเจ้าไปทิ้ง เราขอเชิญเซียนปฐพีให้มาร่วมต่อสู้ร่วมกันเท่านั้น ตู่กู่เฟิงตะโกนออกมาทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษส่วนใหญ่ไม่พอใจ
หลังจากนั้นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษก็ออกจากกระโจมไปจนเหลืออยู่แค่ 70 คน หนึ่งในนั้นมีเซียนปฐพีที่มีปูมหลังแข็งแกร่งและใบหน้าที่เด็ดเดี่ยว
ดี ทุกคนที่อยู่ที่นี้สามารถช่วยพวกเราวางแผนได้ ข้าขอเสนอว่าเราควรจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม แต่ละคนต่างก็จัดการสัตว์อสูรเป็นตัว ๆ ไป ใครมีความคิดเห็นต่างออกไปหรือไม่ ? ฉินจี๋พูด
แผนนี้ดีมาก ข้าเห็นด้วย
ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน
…..
ทุกคนเริ่มถามคำถาม
ใครจะเป็นผู้นำกลุ่มทั้ง 4 กลุ่มนี้ ? มีคนถามออกมา
ฉินจี๋ยิ้ม งั้นก็มาพูดถึงเรื่องที่ข้าได้วางแผนเอาไว้ ภายในกลุ่มจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มจากทั้งหมด 10 กลุ่ม คนทั้ง 70 คนที่อยู่ต่อก็ควรจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มเหมือนกัน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ๆ ละ 35 คน มีใครคัดค้านหรือไม่ ?
ภายในกลุ่มฉินจี๋ที่พูดมาทั้งหมดได้ไปยืนอยู่ด้านหลังของเขา บางคนก็เป็นหนึ่งในห้าจอมยุทธ รวมทั้งกลุ่มของเจี้ยนเฉินด้วย
ดูเหมือนว่าทุกคนที่อยู่ด้านนอกจะได้เปรียบ แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ในกลุ่มเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดและคนจำนวนไม่กี่คนต่างก็สามารถจัดการคนที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ถึง 3 คนอย่างง่ายดาย
ตอนนี้ เราควรจะแบ่งกลุ่มของเราออกมา ฉินจี๋มองไปที่เจี้ยนเฉินและหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม เจี้ยนเฉิน เจ้าอยากจะอยู่กลุ่มเดียวกันกับพวกเราหรือไม่ ?
เมื่อเห็นฉินจี๋มีความคิดที่จะคบหาด้วย เจี้ยนเฉินที่ได้จับตามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว หากพี่ฉินจี๋อยู่กับพวกเรา มันก็เป็นเกียรติอย่างมาก
“น้องชาย เจ้ารูปงามยิ่งนัก พี่สาวก็อยากจะอยู่กับเจ้า เจ้าคงไม่ปฏิเสธข้าใช่หรือไม่ ? เทียนมู่หลิงเดินไปที่เจี้ยนเฉินอย่างไม่รีบร้อนและพ่นลมหายใจออกมาจากปากของนาง
เจี้ยนเฉินหัวเราะด้วยใบหน้านิ่ง ๆ และใจเย็น ข้าก็ไม่ว่าอะไร หากว่าพี่ฉินจี๋เห็นด้วย…
ข้าก็ไม่คัดค้านเช่นกัน น้องเทียนมู่หลิง ยินดีต้อนรับ ฉินจี๋พูดกับนางพร้อมกับรอยยิ้มที่สง่างาม
ฮ่าฮ่าฮ่า น้องสาว สีหน้าเจ้าดูไม่ดี เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าไม่ต้องการให้พี่สาวไปด้วย ? ฮ่าฮ่าฮ่า น้องสาว เจ้าไม่ต้องกังวล พี่สาวคนนี้จะไม่แย่งสุดหล่อไปจากเจ้า เทียนมู่หลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์กับสาวชุดเหลือง
เจ้าควรจะพ่นสิ่งไร้สาระให้น้อยหน่อย หญิงสาวทำได้เพียงพึมพำขณะที่นางจ้องกลับมาอย่างโกรธแค้มราวกับว่านางกำลังจะพ่นไฟออกมา
ฮ่าฮ่าฮ่า น้องสาวช่างเจ้าอารมณ์ยิ่งนัก อย่าทำเช่นนั้น น้องสาว เจ้าควรจะอ่อนโยน ! ไม่อย่างชายคนใดจะรักเจ้าลง หากยังทำเช่นนี้จะไม่มีใครเอาใจเจ้า เทียนมู่หลิงดูเหมือนว่าจะไม่โกรธและหัวเราะตลอดเวลา
การตอบสนองของหญิงสาวรุนแรงมากขึ้นอีกเมื่อนางหยิบคันธนูสุริยันจันทราของนางพร้อมกับโก่งคันศร ถ้าเจ้ายังพูดอีก อย่ามาโทษข้าแล้วกัน
อ่า ! เทียนมู่หลิงร้องพร้อมกับไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเจี้ยนเฉิน พร้อมกับยื่นหน้าออกมากล่าวว่า น้องสาว พี่สาวแค่ล้อเจ้าเล่น อย่ามุทะลุเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นชีวิตของน้องชายคนนี้คงจบสิ้น !
เจี้ยนเฉินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูด เทียนมู่หลิง มันจะดีที่สุดหากไม่ไปยั่วอารมณ์นาง นางค่อนข้างเจ้าอารมณ์
ฮ่าฮ่าฮ่า คำพูดของน้องชายถูกต้องอย่างยิ่ง อารมณ์ของน้องสาวนั้นแย่มาก เทียนมู่หลิงหัวเราะซื่อ ๆ และหยุดยั่วยุนาง
คนรอบ ๆ ที่กำลังมองไปที่พวกเขากำลังล้อเล่นกันอยู่ต่างก็มีรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
หลังจากนั้นทั้ง 4 กลุ่มก็แยกจากกันไปอย่างรวดเร็ว เจี้ยนเฉิน, หญิงชุดเหลือง, เทียนมู่หลิงและฉินจี๋ล้วนอยู่ในกลุ่มเดียวกันพร้อมกับชายเรียบเฉยที่มากกับเทียนมู่หลิง, ผู้ติดตามวัยกลางคนทั้ง 3 ของฉินจี๋, ศิษย์พี่อัน, หยุนเจิ้ง, ฉินเจว่และฉินเซียว
ส่วนอีก 2 กลุ่มประกอบด้วยเจียเต๋อหวูคัง, ตู่กูเฟิงและคนอีกหลายคน มีแต่ชิเซียงกรานเท่านั้นที่อยู่คนเดียวโดยไม่มีกลุ่มใด ๆ
ในขณะที่อีก 2 กลุ่มไม่ได้มีคนมากมายนัก พวกเขายังมีคนใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ 3 คนภายในกลุ่มเดียวกันและคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก
เซียนปฐพี 70 คนถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละ 35 คน แต่เนื่องจากทั้งสองกลุ่มต่างก็ไม่เคยทำงานเป็นกลุ่มมาก่อน ทั้งสองกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดใน 4 กลุ่ม
ทุกคนควรจะพักผ่อนกันก่อนในวันนี้ เพื่อที่จะเราจะได้มีแรงมากที่สุด พรุ่งนี้เราจะออกเดินทาง
เมื่อทุกคนตั้งกระโจม มันก็มีพื้นที่เพียงพอสำหรับทุกคน เนื่องจากการต่อสู้กันที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ทำการจัดการพื้นที่รอบ ๆ จนโล่งเตียนหมดแล้ว
สำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่ถูกปฏิเสธให้เข้าร่วมก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ได้รวมตัวกันเพื่อดูแลกันเองห่างออกไป ด้วยความหวังว่าพวกเขาอาจจะฉวยเอาผลประโยชน์จากความโกลาหลและเข้าไปได้
ภายในกระโจมของพวกเขา เจี้ยนเฉินกับศิษย์พี่อัน,หยุนเจิ้ง,ฉินเจว่และฉินเซียวมารวมตัวกัน ไม่ว่าเจ้าต้องการตามข้าหรือถอนตัว แค่บอกข้าออกมา อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรนั้นก็แข็งแกร่งมากแต่มันก็ไม่ใช่ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเราคือการต่อสู้กันเอง
ภายนอกทุกคนกำลังต่อสู้เพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือการฆ่าสัตว์อสูร แต่เมื่อเราเข้าไปในถ้ำอมตะ การร่วมมือกันจะหมดไปและพวกเราจะต้องต่อสู้กันเองอย่างไม่ต้องสงสัย
เจี้ยนเฉิน ข้ารู้เรื่องนี้นานแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของข้าก็อ่อนด้อยมากเกินกว่าที่ข้าจะช่วยเจ้า แม้ว่าข้าไปด้วยข้าก็ไม่อาจจัดการกับการโจมตีที่ระเบิดจากการต่อสู้กันเอง ดังนั้นข้าจะรออยู่ด้านนอกเพื่อรอทุกคน ฉินเซียวพูดอย่างไม่ลังเลและพูดถึงแผนการของเขา
การถอนตัวของฉินเซียวเป็นสิ่งที่เจี้ยนเฉินคาดเอาไว้แล้ว แม้ว่าฉินเซียวจะเข้าร่วมด้วยแต่เจี้ยนเฉินก็ไม่อาจปกป้องเขาได้
แล้วพวกเจ้าทั้งสามคนเล่า ? เจี้ยนเฉินหันไปถามกับทั้งสามคน
ข้าจะคอยอยู่ด้านหลัง! ฉินเจว่พูดออกมาเสียงดัง
ศิษย์พี่อันและหยุนเจิ้งต่างก็มองกันและกันอย่างลังเล จากนั้นศิษย์พี่อันก็พูดขึ้น น้องเจี้ยนเฉิน แม้ว่าความแข็งแกร่งของเราจะไม่อาจเทียบเจ้าได้ แต่พวกเราก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ดี
ดังนั้นข้าจะตามเจ้าไป หยุนเจิ้งพูด