[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 484 : ความโกรธแค้นของเซียนเอ๋อ!

ในที่สุดเมฆเก้าสีก็หายสิ้นไปจากท้องฟ้า ไม่ใช่การแยกตัวกระจัดกระจายออกไป แต่เป็นการหายวับไปกับตา!

พู่กันจักรพรรดิก็เช่นเดียวกัน มันเป็นสมบัติชิ้นแรกที่ลอยกลับเข้าไปยังตำแหน่งดวงตาที่สามหว่างคิ้วของหลิงหยุน..

หลิงหยุนไม่มีทางเลือกจึงได้แต่พึมพำกับตัวเองอย่างเสียดาย “เจ้าน่าจะอยู่ข้างนอกทำความคุ้นเคยกับข้าเสียก่อน?!”

แสงสีเหลืองทองเองก็เช่นกัน มันพุ่งตามพู่กันจักรพรรดิกลับไปยังจุดตันเถียนของหลิงหยุนทันที แล้วก็นิ่งเงียบไป..

แล้วก็ราวกับนัดหมาย.. ลูกประคำโพธิ ตะเกียง สร้อยประคำ และน้ำเต้าวิเศษ ต่างก็ลอยกลับเข้าไปในแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนทันที

หลิงหยุนเอื้อมมือไปคว้ากระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวไว้ พร้อมกับคิดในใจว่ากระบี่สองเล่มนี้จะต้องมีวิญญาณมังกรถูกสะกดไว้ด้านในอย่างแน่นอน! เขาจึงพูดกับกระบี่ทั้งสองเล่มในใจว่า

‘พวกเจ้าอย่าได้กังวลไปเลย.. เมื่อใดที่ข้าแข็งแกร่งพอ ข้าจะปลดปล่อยวิญญาณของพวกเจ้าทั้งคู่เอง!’

หลิงหยุนจ้องมองกระบี่ทั้งสองเล่มที่ดูราวกับมังกรมีชีวิต และทั้งคู่ก็สื่อสารกันด้วยใจ

ราวกับสามารถรับรู้ความคิดของหลิงหยุนได้ กระบี่ทั้งสองเล่มสั่น และส่งเสียงคำรามเบาๆ วิญญาณมังกรที่ทรงพลังกำลังตอบกลับหลิงหยุน

หลิงหยุนอาศัยโอกาสนี้เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวกลับเข้าไปในแหวนพื้นที่ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองหม้อเสินหนงที่กำลังร่วงลงสู่พื้นดินอย่างช้าๆ

ด้วยศักยภาพของหม้อใบนี้ หลิงหยุนมั่นใจว่ามันคือหม้อเสินหนงของแท้อย่างไม่ต้องสงสัย!

หลังจากที่หม้อเสินหนงร่วงลงสู่พื้นดินอย่างเงียบๆ หลิงหยุนจึงเดินเข้าไปพร้อมกับไป๋เซียนเอ๋อ และใช้มือสัมผัสอย่างอ่อนโยน

“นายท่าน.. นึกไม่ถึงว่าหม้อแตกๆใบนี้จะมีอานุภาพถึงเพียงนี้..”

ไป๋เซียนเอ๋อถึงกับตะลึง และจ้องมองหม้อเสินหนงด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ..

“เซียนเอ๋อ.. เจ้าอย่าได้พูดจาล่วงเกินหม้อใบนี้.. นี่เป็นหม้อเสินหนงซึ่งเป็นสมบัติเก่าแก่ของลัทธิเต๋า จะต้องมีฝา มีหูสองข้า แล้วก็มีขาตั้งสามขา ซึ่งตรงตามหลักการของเต๋าที่ว่า.. เต๋าสร้างหนึ่ง หนึ่งสร้างสอง สองสร้างสาม สามสร้างสรรพสิ่งในโลก..”

ไป๋เซียนเอ๋อแลบลิ้นออกมาอย่างเก้อเขินเมื่อถูกตำหนิ และท่าทางของนางก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก

หลิงหยุนเห็นกับตาว่าหม้อเสินหนงได้เป็นเกราะกำบังสายฟ้าสีฟ้าให้กับเขา จากนั้นจึงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และทำการดูดเอาก้อนเมฆเข้าไปหลายสี อานุภาพของมันนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าสมบัติพุทธะชิ้นอื่นๆเลย

“แต่น่าเสียดาย.. ที่ยังขาดฝาหม้อ ไม่เช่นนั้นคงจะสมบูรณ์มากกว่านี้..”

หลิงหยุนพึมพำกับตนเอง พร้อมกับหันหน้ามองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศญี่ปุ่น

“ข้าจะไปนำฝาของมันกลับมาภายในปีนี้!” หลิงหยุนตัดสินใจแน่วแน่ อีกไม่ช้าเขาก็จะสามารถเล่นแร่แปรธาตุ และปรุงโอสถได้แล้ว และในวันข้างหน้าหม้อเสินหนงจะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับหลิงหยุน!

หลิงหยุนเรียกหม้อเสินหนงเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่ เขาไขว้มือไว้ด้านหลัง ดวงตามองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด แววตาของเขาเป็นประกายที่เต็มไปด้วยปริศนา..

หลังจากที่เผชิญกับเมฆเก้าสีไปแล้ว หลิงหยุนจึงเริ่มเข้าใจได้ทันทีว่า คลื่นอสุนีบาตชุดที่สี่ของเขายังมาไม่ถึง..

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น เทพต้องการเอาชีวิตของเขา!

ในใจของหลิงหยุนรู้สึกขมขื่นอย่างไม่สามารถอธิบายออกมาได้ และได้แต่รู้สึกว่าเขาทำผิดอะไร เหตุใดเทพเหล่านั้นจึงต้องไล่ล่าเอาชีวิตของเขาเช่นนี้?

“นี่.. อย่าได้บีบบังคับข้าให้มากจนเกินไป!” หลิงหยุนตะโกนเย้ยหยันด้วยแววตาที่เย็นชา!

หากไม่ใช่เพราะเขาได้รับพู่กันจักรพรรดิมาด้วยความบังเอิญ..

หากไม่ใช่เพราะความกล้าหาญของเขาที่ตัดสินใจลงไปสำรวจก้นหลุมยักษ์ เขาก็คงไม่ได้กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวที่ลึกลับนี้มา..

หากเขาไม่ได้เข้าไปฝึกวิชาพลังลับหยินหยางในดวงตาหยิน และได้สมบัติพุทธะที่อยู่ในดวงตาหยางมาครอบครอง..

หากเขาไม่ไปเปิดค่ายกลแปดทิศ เขาก็จะไม่ได้ครอบครองสมุดจักรพรรดิ และค้นพบหม้อเสินหนง!

และในวันนี้.. หากไม่มีสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ หลิงหยุนก็คงต้องพบกับชะตากรรมเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือความตาย!

แทบไม่ต้องพูดถึงคลื่นอสุนีบาตชุดที่สี่.. เพราะเพียงแค่อสุนีบาตชุดที่สาม หากไม่ได้กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวช่วยไว้ เขาก็คงไม่สามารถต้านทานได้เช่นกัน!

หลิงหยุนจ้องมองท้องฟ้าอยู่นานจึงหันกลับไปมองไป๋เซียนเอ๋อ..

“เซียนเอ๋อ.. เจ้ารู้สึกว่าร่างกายของเจ้าผิดปกติตรงใหนหรือไม่?” หลิงหยุนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่เลย.. มีอะไรหรือนายท่าน?” ไป๋เซียนเอ๋อยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางตอบหลิงหยุนพร้อมกับส่งยิ้มให้

“ไม่มีอะไร..”

หลิงหยุนตอบยิ้มๆ พร้อมกับแอบดีใจที่ไป๋เซียนเอ๋อไม่เป็นอะไร.. จากนั้นก็ทำหน้าตาขึงขังพร้อมกับหันไปดุไป๋เซียนเอ๋อ

“เซียนเอ๋อ.. เหตุใดเจ้าจึงไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า!?”

ไป๋เซียนเอ๋อรู้ว่าหลิงหยุนกำลังจะพูดอะไร ดวงตาที่มีเสน่ห์อย่างสุนัขจิ้งจอกกรอกไปมาก่อนจะรีบเกาะแขนหลิงหยุนไว้แน่นและรีบเปลี่ยนเรื่อง

“อู้หู.. พระจันทร์กับท้องฟ้าช่างงดงามจริงๆ..!”

หลิงหยุนพูดอะไรไม่ออก.. เซียนเอ๋อเต็มใจที่จะตายพร้อมกับเขา ยอมเผาตัวเองเพื่อปกป้องเขา เขาจึงไม่กล้าตำหนินางอีก..

ท้องฟ้ายังคงนิ่งสงบ นี่นับว่าเป็นความตกต่ำของสวรรค์อย่างที่สุด! หลิงหยุนและไป๋เซียนเอ๋อยังคงยืนอยู่บนยอดเขา และมีความสุขกับการมองดูแสงจันทร์อย่างสงบ

หลังจากนั้น.. ทั้งคู่ก็กลับไปที่ถ้ำ หลิงหยุนและไป๋เซียนเอ๋อต่างก็สูดลมหายใจยาวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองเมื่อครู่นี้

“เซียนเอ๋อ.. เตรียมตัวเดินทางออกจากเกาะเตียวหยูได้แล้ว พวกเรามาที่นี่หลายวันแล้ว และตอนนี้เจ้าก็กลายร่างสำเร็จแล้ว พรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางกลับกันเลย!”

ก่อนที่จะเดินทางมาที่เกาะแห่งนี้ หลิงหยุนยังมีธุระที่ต้องสะสางอีกมากมาย และตอนนี้ธุระที่ต้องจัดการทำบนเกาะแห่งนี้ก็เสร็จสิ้นแล้ว หลิงหยุนจึงต้องการจะรีบกลับไปที่จิงฉูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!

หลิงหยุนรู้ดีว่าหนิงหลิงยู่คงจะกังวลและเป็นห่วงเขามาก น้าหญิงฉินตงเฉี่วยเองก็คงไม่ต่างกัน ส่วนเสี่ยวเม่ยหนิง หลินเมิ่งหาน เหยาลู่ หลงหวู่ กงเสี่ยวลู่ ฉางหลิง แล้วก็อีกมากมายหลายคน ก็คงกำลังกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย

แม้แต่ตัวหลิงหยุนเองก็กระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย เขาต้องการรู้ว่าศัตรูของเขาเป็นใครกันแน่? และต้องการรีบกลับไปดูว่าถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋นั้น สืบหาความจริงไปได้ถึงใหนแล้ว เพราะตอนนี้คนขับรถพ่วงหวังเล่ยที่รู้เรื่องดี ก็ได้กลายเป็นผีไปเสียแล้ว..

หาคนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารเขาให้พพบ และจัดการสังหารศัตรูเสีย.. นี่คือภารกิจที่หลิงหยุนจำเป็นต้องรีบจัดการ!

เมื่อนึกถึงศัตรูของตนเอง หลิงหยุนก็ยิ้มให้กับไป๋เซียนเอ๋อคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เซียนเอ๋อ.. ตอบข้ามา ครั้งแรกที่พวกเราพบกัน และเจ้าได้รับบาดเจ็บภายในนั้น.. ใครเป็นคนทำร้ายเจ้า?”

ไป๋เซียนเอ๋อกลายร่างได้สำเร็จ และคิดแก้แค้นมานาน แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกเรื่องนี้กับหลิงหยุน เมื่อเขาเป็นฝ่ายถามเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน นางจึงมีท่าทางดีใจไม่น้อย

“เซียนเอ๋อจะเล่าให้นายท่านฟัง..”

“เรียกข้าว่าหลิงหยุน!”

หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับสั่งไป๋เซียนเอ๋อให้ตะโกนเรียกชื่อเขาอยู่หลายครั้งเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย

ไป๋เซียนเอ๋อเกาะแขนหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเคอะเขิน “พี่หลิงหยุน.. บ้านเดิมของเซียนเอ๋ออยู่บนเขาหลงหู่ในเมืองหยิงถาน มณฑลเจียงซี..”

การที่ไป๋เซียนเอ๋อพูดได้ ทำให้การสื่อสารระหว่างนางกับหลิงหยุนเป็นไปด้วยสะดวกมากยิ่งขึ้น และนางก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้กับหลิงหยุนฟัง

เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ไป๋เซียนเอ๋ออยู่กับครอบครัวสุนัขจิ้งจอกของนางบนเขาหลงหู่ในเมืองหยิงถาน มณฑลเจียงซี แต่ในวันหนึ่งเมื่อจิตรู้ของนางเปิดออก นางจึงได้รู้ว่าตัวเองคือสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง จากนั้นจึงได้เริ่มฝึกบ่มเพาะตามแนวทางการบ่มเพาะของเหล่าปีศาจที่ถ่ายทอดกันในตระกูลของสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเท่านั้น

แต่หลังจากที่เริ่มฝึกฝนได้ไม่นาน.. ก็มีปีศาจตนหนึ่งปรากฏขึ้นในเขาหลงหู่ และจัดการฆ่าสมาชิกในครอบครัวของไป๋เซียนเอ๋อไปจนหมดสิ้น ส่วนตัวนางเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็สามารถหนีออกมาได้ และปีศาจตนนั้นซึ่งก็คือปีศาจฮั่นป๋า (หรือปีศาจภัยแล้ง) ก็ได้เข้ายึดครองบ้านของนางไป

ไป๋เซียนเอ๋อรู้ตัวว่าไม่สามารถสู้ได้ นางจึงเลือกที่จะหนีออกมาจากเขาหลงหู่ และมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเข้าสู่เขามังกรในเมืองจิงฉูในที่สุด!

“นายท่าน.. ปีศาจตนนั้นสังหารพ่อแม่และครอบครัวของเซียนเอ๋ออย่างโหดเหี้ยม แม้เซียนเอ๋อจะรู้ว่าพ่อแม่ไม่ได้เป็นเหมือนกับเซียนเอ๋อ พวกเขาเป็นเพียงแค่สุนัขจิ้งจอกธรรมดา แต่ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งสองก็เป็นผู้ให้กำเนิดเซียนเอ๋อ แต่กลับถูกปีศาจฮั่นป๋าฆ่าตาย เซียนเอ๋อต้องกลับไปแก้แค้นมันอย่างแน่นอน!”

ไป๋เซียนเอ๋อเล่ามาถึงตอนนี้ ดวงตากลมโตของนางก็เริ่มแดงก่ำ และรื้นไปด้วยน้ำตา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชัง!

หลิงหยุนเพิ่งจะรู้ว่าสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ไม่ได้เกิดมาเป็นสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางในทันที และสุนัขจิ้งจอกธรรมดาคู่หนึ่งก็สามารถให้กำเนิดสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางได้..

แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง และตราบใดที่มีสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเกิดขึ้นแล้วหนึ่งตัว ก็ยากที่จะมีตัวที่สองอีก สัตว์วิญญาณที่มาเกิดบนโลกมนุษย์ธรรมดาๆใบนี้ เรียกได้ว่าต้องเป็นเรื่องที่บังเอิญอย่างมากจริงๆ

ในตำนานได้เล่าขานไว้ว่า.. ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง หรือน้ำท่วม ภัยพิบัตทั้งสองสิ่งนี้ล้วนเป็นรูปแบบหนึ่งของปีศาจ ซึ่งสามารถทำให้เกิดภัยแล้ง หรือว่าน้ำท่วมก็ได้

ในตำนานเล่าว่า.. ปีศาจฮั่นป๋า (หรือปีศาจภัยแล้ง) นั้น มีรูปร่างคล้ายมนุษย์สูงใหญ่ เดินเหินได้รวดเร็วราวกับสายลม พบเห็นได้ตามดินแดนที่แห้งแล้งกันดาร ปีศาจชนิดนี้จะฝึกฝนอยู่ในป่า และอาศัยความแห้งแล้งในการฝึกฝน

ไป๋เซียนเอ๋อเป็นสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง และเป็นธาตุไฟ  นางจึงสามารถนำภัยแล้งมาฝึกฝนได้เช่นกัน

หลิงหยุนครุ่นคิดก่อนจะยิ้มให้ไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ที่แท้ก็เป็นปีศาจฮั่นป๋าเองหรือนี่? เซียนเอ๋อ.. เจ้าไม่ต้องเศร้าไป ไว้พวกเราหาเวลาไปถล่มมันกัน!”

ไป๋เซียนเอ๋อถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พร้อมกับตอบหลิงหยุนไปว่า “พี่หลิงหยุน ข้ายังอยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน ข้าต้องการฝึกวิชาฝ่ามือเพลิง และวิชาจิ้งจอกระเริงไฟให้สำเร็จก่อน..”

หลิงหยุนคิดอยู่ในใจว่า.. หากเขาปล่อยให้เซียนเอ๋อกลับไปฝึกวิชานี้ที่บ้านในเมือง มีหวังบ้านของเขาคงต้องถูกไฟไหม้เป็นจุลแน่ อีกอย่างเขาก็ต้องการอาศัยโอกาสนี้รวบรวมลมปราณทั้งหมด จึงได้แต่รับปากนางไป

“เอาล่ะ.. ถ้าเช่นนั้นเราก็จะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน อาหารยังเพียงพอที่จะกินได้อีกราวสามวัน หากไม่พอเราก็หาอาหารทะเลกินกัน”

หลิงหยุนไม่กังวลเรื่องอาหารมากนัก เพราะในแหวนพื้นที่ของเขานั้นมีเครื่องปรุงพิเศษอย่างเกลือติดมาด้วย และเพียงแค่มีเกลือขวดเดียว ก็สามารถทำอาหารให้เอร็ดอร่อยได้แล้ว

อีกทั้งเขายังมียันต์อัคนี ยันต์ธารา กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาว เพียงแค่นี้เขาก็สามารถล่าสัตว์ จับปลามาทำอาหารได้ไม่ยาก

หลังจากที่ปรึกษากันสองคน ทั้งคู่ก็เริ่มรู้สึกสบายใจ และหลังจากที่ผ่านบททดสอบที่แสนเหน็ดเหนื่อยมา หลิงหยุนและไป๋เซียนเอ๋อจึงแยกย้ายกันนั่งลงทำสมาธิ