หากมีใครถามซูอวี๋ว่าเธอเกลียดอะไรมากที่สุดในโลก คำตอบคงไม่ใช่เลขาภรรยาน้อยเสมอไป
จริงอยู่ที่เลขานั่นเป็นน่าเกลียดชังที่ไปแย่งสามีและทำลายครอบครัวของคนอื่น แต่สิ่งที่ซูอวี๋ผิดหวังที่สุดคือการที่หันเจี๋ยเรียกภรรยาน้อยว่า แม่
เธออุ้มท้องเขามาเกือบสิบเดือนและคลอดเขาออกมา ทุ่มเทความรักใส่ใจดูแลเขา น่าเสียดายที่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เด็กคนนั้นรู้จักเลือกปกป้องตัวเองเอาไว้ ไม่สิ ว่ากันตามจริง เขารู้เรื่องที่พ่อของเขากับเลขาคบชู้กันและไม่เคยบอกแม่ของตัวเองเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าเลขานั่นจะเอ็นดูเขาเสียเหลือเกิน!
“ตระกูลหันกำลังจะจัดงานแถลงข่าวพรุ่งนี้ ความจริงแล้วคนทั้งตระกูลจะไปที่นั่นค่ะ…”
ซูอวี๋อึ้งไป “คู่รักบัดสีนั่นกลับมาแล้วเหรอคะ”
ถังหนิงพยักหน้ารับก่อนสบตามองซูอวี๋ “ค่ะ พวกเขากลับมาแล้ว และสิ่งแรกที่พวกเขาทำก็คือการจัดงานแถลงข่าวเพื่อสยบข่าวค่ะ”
“สยบข่าวเหรอ” ซูอวี๋หัวเราะก่อนจะก้มลงมองขาตัวเอง “แปลกจัง ฉันต้องอยู่กับการถูกตราหน้าว่าเป็นคนผิดมายี่สิบปีแต่อยู่ๆ ก็รู้สึกความเกลียดชังที่มีกับครอบครัวนั้น ฉันว่าความเกลียดคงไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลา และมันคงไม่เคยหายไปเลยต่างหาก!”
“ฉันเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไงค่ะ คุณน้าซู ตอนนี้สิ่งที่คุณทำได้คือเอาคืนพวกเขากลับเป็นร้อย ไม่สิ พันเท่าเลยค่ะ อย่างนั้นคุณถึงจะสบายใจได้”
“ผู้หญิงอย่างเราใช้ชีวิตยากแล้วนะ ถ้าใครบางคนต้องทนกับการกระทำงี่เง่าอย่างนี้ต่อไป พวกเขาก็คงอาจจะอกแตกตายเหมือนกัน!
“ฉันเคยใช้ทุ่มเทชีวิตให้กับความรัก แต่หลังจากฉันตื่นมาพบกับความเป็นจริง ฉันก็พบว่าทุกอย่างที่ผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้เหมือนกัน ฉันเลยเรียนรู้ที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองเท่าที่เป็นไปได้
“หลังจากได้โอกาสครั้งที่สองในชีวิต ฉันบอกตัวเองให้นึกถึงตัวเองให้มากขึ้น ฉันถึงได้กลายมาเป็นคนอย่างในทุกวันนี้ คนที่พร้อมตาต่อตาฟันต่อฟันเสมอ!
“เรื่องที่โชคดีที่สุดของเราสองคนคือการที่เธอได้เจอกับโม่ถิง และฉันได้พบกับตาหลงของฉัน!” ซูอวี๋ลุกขึ้นจากโซฟา กระชับผ้าคลุมไหล่ก่อนตบบ่าถังหนิง เดินไปทางหน้าต่าง ทอดสายตามองออกไปไกล “เธอพูดว่าวันพรุ่งนี้ใช่ไหม อย่างนั้นฉันต้องรอฟังหูผึ่งและจับตามองให้ชัดๆ ซะแล้ว ฉันอดใจรอดูว่าคู่รักต่ำช้านั่นจะเปลี่ยนถูกเป็นผิดยังไงไม่ไหวเลยล่ะ
“โอ๊ะ ยังมีลูกชายฉันอีกคนสินะ หันเจี๋ย…”
เทียบกับความก้าวร้าวหัวแข็งของหันซิวเช่อแล้ว พี่ชายของเขา หันเจี๋ย นั้นแย่กว่ามาก
เขาได้แต่เก็บซ่อนเจตนาที่แท้จริงของเขาไว้อย่างแนบเนียน ในขณะที่หันซิวเช่อเหมือนหนังสือที่อ่านออกได้ง่ายๆ
ดูเหมือนว่าหากยกเรื่องความหัวแข็งมาเทียบกันแล้ว ในกรณีนี้หันซิวเช่อนั้นถือเป็นคนที่ใจอ่อนหากเทียบกับคนตระกูลหันที่เหลือ
“ฉันจะสั่งให้ผู้ช่วยส่งนักข่าวบางคนไปนะคะ พวกเขาพยายามบิดเบือนเรื่องนี้เมื่อไหร่เราจะโต้กลับทันทีค่ะ” ถังหนิงบอก “ไม่มีใครทำผิดแล้วรอดไปได้หรอกค่ะ อยู่ที่เวลาเท่านั้น สุดท้ายพวกเขาย่อมถูกลงโทษค่ะ ดังนั้นคุณน้าซูไม่ต้องกลัวไปนะคะ…”
“ฉันหนีปัญหามายี่สิบปีมันก็มากพอแล้วล่ะ ยิ่งฉันมีเธอกับตาแก่อยู่ข้างฉันด้วยแล้ว คนหนึ่งเป็นดาราสายบู๊ชื่อดัง อีกคนก็เป็นเจ้าของรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมสองสมัย มีอะไรให้ฉันต้องกลัวอีกล่ะ คนหนึ่งมีสมองแล้วอีกคนหนึ่งก็มีแรง!” ซูอวี๋หัวเราะคิกคัก “ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังมีประธานโม่ ที่แม้แต่คนแก่ๆ อย่างฉันยังกลัว เขาเกิดมาพร้อมกับรังสีของราชาผู้น่ายำเกรงจริงๆ
“เขาพาไห่รุ่ยไปสู่บริษัทอันดับหนึ่งในวงการบันเทิงด้วยอายุแค่สามสิบเอง เห็นกันชัดๆ ว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน ฉันเลยมั่นใจว่าตราบใดที่มีเขาอยู่เขาจะต้องเป็นบอดีการ์ดที่ดีที่สุดของเธอตลอดไป!”
“คุณพูดเกินไปแล้วค่ะ!” ถังหนิงหัวเราะ
ไม่ว่าโลกนี้จะมีสีสันเพียงใด วงการจะจอมปลอมขนาดไหน ความรักก็ยังเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในความสัมพันธ์ของคนสองคน
ความรักที่ครั้งหนึ่งซูอวี๋เคยมอบให้กับคุณพ่อหัน บัดนี้กลับกลายเป็นความเกลียดชังในปริมาณที่ไม่แพ้กัน ประจวบกับการถูกกล่าวหามายี่สิบปี หากพวกเขาทบต้นทบดอกทุกอย่างเข้าด้วยกัน ตระกูลหันคงทำได้เพียงชดใช้ด้วยความพังพินาศของพวกเขา
ทุกอย่างจะต้องจบลงในวันพรุ่งนี้!
…
ในขณะเดียวกันโม่ถิงได้กำหนดวันฉายมดราชินีเรียบร้อยแล้ว โดยมันจะออกฉายในวันที่สิบหกธันวาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ถังหนิงบอกโม่ถิงว่ายังไม่ให้ประกาศเรื่องนี้กับคนภายนอก เธอต้องการรอจนกว่าเรื่องของตระกูลหันจะจบก่อน
แม้ว่าหันซิวเช่อจะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ถังหนิงเพราะเรื่องของซูอวี๋อีกแล้ว ถังหนิงเองก็ยังต้องการทุ่มเทให้กับเรื่องซูอวี๋เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง
…
วันถัดมาเป็นอีกครั้งหนึ่งที่บรรดาสื่อมวลชนตกอยู่อาการตื่นเต้น ในที่สุดครั้งนี้ตระกูลหันก็ลงมือตอบโต้ซูอวี๋ คนทั้งตระกูลรวมถึงเลขาสาวก็มาปรากฏตัวด้วย
ด้วยการปรากฏตัวของคุณพ่อหัน สองพี่น้องดูหงอขึ้นมาก ทั้งสองในชุดสูทสีดำยืนอยู่เงียบๆ ด้านหลังพ่อของตัวเอง ในขณะที่คุณพ่อหันยืนอย่างสง่าผ่าเผย ต่อให้ผ่านไปหลายปีเขาก็ยังแผ่รังสีน่ายำเกรงอยู่ อย่างไรเสียเขาก็เคยปูทางของตัวเองในวงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็ก ถึงเขาจะยกบริษัทให้ลูกชายเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน สุดท้ายเขาก็ยังเริ่มบุกเบิกธุรกิจของตัวเองในต่างประเทศ ความจริงแล้วเขาประสบความสำเร็จในต่างประเทศมากกว่าตอนที่อยู่จีนด้วยซ้ำ
หากแต่บริษัทในจีนก็ยังคงเป็นบริษัทแม่ แม้ว่าเขาจะอยู่ต่างประเทศมาหลายปี เขาก็ยังอยากกลับบ้านเกิดอยู่เสมอ การแก้ไขปัญหาเรื่องซูอวี๋ให้เร็วที่สุดและจบเรื่องทุกอย่างในคราวเดียวกันจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขา
ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว ซูอวี๋ยังคิดว่าตัวเองยังกลับมาได้อีกหรือ
หากเธออยากจะเฝ้าฝัน เขาเองก็ยินดีที่ปล่อยให้เธอได้เพ้อฝัน
ในขณะเดียวกันเลขาที่อยู่ข้างๆ เขายังคงดูสาวและสวย เธอเข้าใจผู้ชายและรู้จักรักษาเขาเอาไว้ให้ดีที่สุด
เธอจึงไม่ได้สัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา
คนในตระกูลทั้งสี่ยืนอยู่ต่อหน้าสื่อในชุดสูทและเสื้อผ้าทางการที่เสริมให้ดูจริงจัง สื่อมวลชนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศนั้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
คุณพ่อหันต้องการสร้างบรรยากาศอึมครึมที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยแทรก
จากนั้นเขาจึงนั่งลงบนเก้าอี้บนเวทีก่อนเอ่ยกับทุกคน “ก่อนอื่นผมอยากจะขอบคุณสื่อมวลชนที่คอยสนับสนุนและนึกถึง รวมถึงคนที่คอยช่วยเหลือในเวลานี้ด้วยครับ ผมจะจดจำพวกคุณตลอดไป…
“ตอนนี้เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ ผ่านไปยี่สิบปีแล้วนับตั้งแต่วันที่โชคชะตาเล่นตลก แค่นึกถึงเรื่องในวันนั้นก็ทำให้ผมเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด เพราะมันยากที่ผู้ชายคนหนึ่งจะยอมรับว่าภรรยาตัวเองนอกใจ ยิ่งเมื่อเธอนอกใจกับผู้ชายถึงสองคนในเวลาเดียวกัน!
“ผมไม่อยากจะคิดถึงภาพน่ารังเกียจนั้น แต่ดูเหมือนว่าใครบางคนจะไม่สำนึกในการให้อภัยที่ผมมีให้ และยืนกรานจะขุดคุ้ยข่าวฉาวเก่ามาเพื่อให้ทุกคนต้องอับอาย
“ซูอวี๋ คุณสร้างเรื่องมากมายว่าคนนี้โกหก คนนั้นหลอกลวง ทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรกัน มันเปลี่ยนความจริงที่คุณนอกใจไม่ได้หรอกนะ”