เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 383
กระบี่ดอกท้อสามพัน ทะลุเมฆ

วิชากระบี่ลม ทำลายปราณ

กระบี่ไม้และกระบี่เหล็กกล้า แทงทะลุตัวหานเฟิง

โดนตรงหัวไหล่และอกขวา

แม้ไม่ใช่ตำแหน่งที่อันตรายถึงชีวิต แต่โดนสองกระบี่นี้ ทำให้นักบู๊บาดเจ็บสาหัสได้เลย

การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว!

เหมือนนักเรียนทุกคนคิดเช่นนี้ โดนคนแทงขนาดนี้ คิดยังไงก็ไม่น่าจะสู้ได้แล้ว

คิดว่าหานเฟิงจะปล่อยท่าไม้ตายอะไรออกมา เห็นตาแดง และฟื้นฟูแผล กระบวนท่านี้ ดูโง่เงามาก

นักเรียนคณะกระบี่ คณะบังเหินส่อนมาก กำลังจะส่งเสียงเชียร์ แต่เพียงพริบตา พวกเขากลับอ้าปากค้าง มองเวทีประลองอย่างไม่อยากเชื่อ

จู่ๆ หานเฟิงเคลื่อนไหว กระบี่ฟ้าครามกลายเป็นแสงสีเลือด ล็อกลู่หลินกับมู่ซั่วเอาไว้แน่น

เหมือนพลังปราณบนตัวทั้งสองคนถูกกัดกร่อน มีควันสีขาวลอยขึ้นมา

สระเลือดปรากฏอยู่ใต้เท้าทั้งสามคน อีกทั้งยังแผ่เป็นวงกว้างด้วย สระเลือดสีแดง ควรจะคาวจนน่ากลัว แต่ทำไมดูแล้วใสแจ๋ว ทำให้คนรู้สึกว่าสะอาด

“นี่คือธาตุแท้ของกระบี่ฟ้าคราม สระเลือดคราม!”

ศิษย์พี่ฉู่เทียนพูดพึมพำ

คำพูดของเขา เข้าหูฉู่สิงกับลู่ฝาน ทำให้ทั้งสองคนงุนงง

“ธาตุแท้ของกระบี่ฟ้าคราม ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”

ฉู่สิงถามขึ้น

ฉู่เทียนพูดว่า “นายไม่คิดเหรอว่าทำไมอาจารย์ไม่ให้อาวุธอะไรกับเราเลย แต่กลับให้กระบี่ฟ้าครามกับหานเฟิง”

ฉู่สิงส่ายหน้าอย่างตกใจ

ฉู่เทียนพูดว่า “นั่นเป็นเพราะศิษย์น้องหานเฟิงมีความสามารถแตกต่างกับเรา อาจารย์เก็บงำตระกูลของเขามาตลอด คิดว่าเขาคงเป็นลูกหลานตระกูลบู๊โบราณ มีสายเลือดบู๊โบราณในตัว ส่วนความสามารถในสายเลือดฝึกฝน มีแรงกระตุ้นจากภายนอกจะดีที่สุด อาจารย์ให้กระบี่ฟ้าครามกับเขา ต้องเป็นเพราะวิชาที่ตระกูลศิษย์น้องหานเฟิงถ่ายทอดให้กับกระบี่ฟ้าครามเสริมกันได้ ดูเหมือนตอนนี้เป็นไปตามคาด”

ลู่ฝานกับฉู่สิงเข้าใจทันที

วิชาที่ตระกูลถ่ายทอด! ดูเหมือนศิษย์พี่หานเฟิงมีความลับจริงๆ

แต่ใครไม่มีความลับบ้างล่ะ

ทั้งสามคนหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน บนลานประลอง หานเฟิงเป็นฝ่ายควบคุมแล้ว

สระเลือดใต้เท้าค่อยๆ กลืนลู่หลินกับมู่ซั่วลงไป ไม่ว่าทั้งสองคนดิ้นรนยังไง ก็ไม่สามารถหลุดจากพันธนาการได้

ตัวของทั้งสองคนจมลงไปในสระเลือดเกือบครึ่ง พลังปราณบนตัวหายไปเช่นกัน ทั้งสองรู้สึกว่าพลังทั้งตัว โดนสระเลือดดูดไป ส่วนประกายในตาหานเฟิงสว่างขึ้นเรื่อยๆ

อาจารย์เมิ่งอวิ๋นยืนขึ้นมา แววตาลุกโชน ส่งเสียงไปหาเสวียนเจิน “เลือดลมหนักแน่นขนาดนี้ ฝึกเคล็ดวิชาชั่วร้ายเหรอ”

อาจารย์เสวียนเจินส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ เลือดลมเคล็ดวิชาชั่วร้าย โหดเหี้ยมกว่าเลือดลมนี้เยอะ ต้องเป็นพลังของสายเลือด แม้ไม่ใช่ แต่แข็งแกร่งมาก เมิ่งอวิ๋น ท่านผอ.ก็อยู่ที่นี่ เธออย่าบุ่มบ่าม”

เมิ่งอวิ๋นนั่งลงอย่างไม่พอใจ ตอนนี้ในการต่อสู้ ลู่หลินกับมู่ซั่วจมลงไปถึงคอแล้ว

ทุกคนถึงกับสูดหายใจเฮือก วิชาน่ากลัว เหมือนสัตว์อสูรกินคน เห็นสีหน้าซีดเผือดของลู่หลินกับมู่ซั่ว เหมือนกับคนตาย

ในที่สุดคนที่ทนไม่ไหวเป็นคนแรกคือลู่หลิน เขาตะโกนออกมาว่า “ฉันยอมแพ้!”

หานเฟิงมองเขานิ่งๆ แล้วสะบัดมือ ลู่หลินโดนสระเลือดดีดออกมา ล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรง

มู่ซั่วยังคงกัดฟันอดทน ทันใดนั้น มีพลังปราณพ่นออกมาจากปากเขา

พลังปราณนี้แม่นมาก ทำให้หน้าอกของหานเฟิงเป็นรู เกือบทะลุหัวใจ

แต่หานเฟิงเหมือนไม่รู้สึกอะไร มองเขาอย่างราบเรียบ แผลบนตัวหายกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“พลังฟื้นฟูเหนือธรรมชาติ! เขาคือสัตว์อสูรเหรอ”

เสียงกลืนน้ำลายนับไม่ถ้วน ดังขึ้นบนที่นั่งชม ท่าทางของหานเฟิงในตอนนี้ ไม่เหมือนมนุษย์เลย

เหมือนเป็นหุ่นเชิดบางอย่าง เหมือนสัตว์อสูรบางชนิด