ตอนที่ 160 คับขัน

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 160 คับขัน

 

คับขัน

 

แกร๊ก…พื้นหินของบริเวณหน้าวังมังกรค่อยๆเคลื่อนตัว เข้าเกาะร่างของผานสิ่งช้าๆจนกลายเป็นชุดเกราะที่ทําจากหินทั้งชิ้น ทําเอาไป๋จูเหวินนึกถึงหยงเวยขึ้นมาเลย

 

ตูม! ไป๋จูเหวินไม่รอให้เกราะหินปรากฏจนครบทั้งร่างชิงใช้ฝ่ามือเพลิงพิโรธใส่ร่างของผานสิ่งในทันที แต่ดูเหมือนเกราะของผานสิ่งจะไม่แข็งแกร่งท่าเกราะ ของหยงเวยเพราะเพียงฝ่ามือเพลิงพิโรธก็มากพอจะทําลายเกราะของผานสิ่งได้แล้ว เพียงแต่พลังฝ่ามือของไป๋จูเหวินก็ ทําได้แค่ทําลายเกราะหินเท่านั้น แถมเกราะหินยังค่อยๆ สร้างตัวเองขึ้นมาใหม่อีกต่างหาก

 

ตูม! ไป๋จูเหวินโดนกระบองของผานสิงฟาดใส่อีกครั้ง แม้จะใช้ฝ่ามือหิมะละลายกลางนภาคอยต้านรับแต่ก็ไม่อาจทอนพลังได้หมดจริงๆ

 

ตูม! ผานสิ่งทับกระบองซ้ําไปบนร่างของไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว ทําเอาพื้นที่ไป๋จูเหวินยืนอยู่แตกออกเป็นเสียงๆแสดงให้เห็นถึงความหนักหน่วงของกระบองได้อย่างชัดเจน

 

วูม…ไป๋จูเหวินเห็นกําลังตนเองเป็นรองจึงเร่งพลัง ของตนขึ้นด้วยเคล็ดโลหิตมังกรและวิชาอสูรวัฒนะ พร้อมกันนั้นมันก็ใช้พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์เพื่อคงสภาพตอนนั้นเอา ไว้ น่าเสียดายที่ไป๋จูเหวินยังไม่สามารถทําแบบตอนที่สู้กับอสูรตะขาบได้ ไม่อย่างนั้นการต่อสู้กับผานสิงตรงหน้าคงง่ายกว่านี้มาก

 

“น่าสนุกดีนี้ไอ้หนู” ผานสิ่งว่าพลางปล่อยพลังเซียนออก มาจากรอบๆร่างกายของมัน กลิ่นอายพลังเซียนเข้มข้นจนเห็นภาพหลอนเป็นราชสีห์ด้านหลังของผานสิ่งเลย

 

เปรี้ยง! ในเมื่อฝ่ามือหิมะละลายกลางนภารับพลังโจมตี ของผานสิ่งไม่ไหวไป๋จูเหวินจึงใช้ฝ่ามือเพลิงพิโรธโจมตีใส่กระบองผานสิงโดยตรง ทําให้กําลังที่ออกมาพอจะสูสีกันบ้าง แม้ไป๋จูเหวินจะเป็นรองอยู่อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ได้กระเด็นไปข้างหลังอีกแล้ว

 

เปรี้ยง!! เปรี้ยง!! โชคดีที่วิชากระบองของผานสิ่งเป็นวิชากระบองที่เน้นความรุนแรง ทําให้การโจมตีแต่ละครั้งไม่ได้รวดเร็วอะไร ทําให้ไป๋จูเหวินมีเวลา มากพอจะรวบรวมพลังชัดฝ่ามือเพลิงพิโรธสวนได้อย่างทันท่วงที

 

ปึก! หอกที่ทําจากหินแทงขึ้นมาจากพื้นตรงเข้าเล่น งานไป๋จูเหวินที่กําลังรับกระบองของผานสิงเอาไว้ โชคดีที่หอกที่ทําจากหินไม่สามารถเจาะร่างของไป๋จูเหวินได้ แต่มันก็ทําให้ไป๋จูเหวินได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

 

ปีกๆๆ เพราะต้องตั้งใจรับมือกระบองของผานสิงทําให้ไป๋จูเหวินไม่อาจรับมือกับหอกหินที่แทงขึ้นมาได้เลย ไม้ความเสียหายจะไม่มาก แต่ไป๋จูเหวินก้ต้องแบ่งพลังศักดิ์สิ ทธิ์มารักษาบาดแผลเช่นกัน หากเป็นแบบนี้ต่อไปมันลําบากแน่ๆ

 

ตูม!! ไป๋จูเหวินซัดฝ่ามือเพลิงพิโรธออกไปพร้อม ดีดตัวไปข้างหลัง หากมันยังปะทะตรงๆแบบนี้ก็มีแต่เสียเปรียบเท่านั้น แม้ความจริงเรื่องที่ว่าคนระดับชําระกระดูกจะมายืนปะทะตรงๆกับคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 จะเป็นเรื่องน่าหัวเราะและเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

 

“ตาย…”ผานสิ่งคํารามพลางใช้พลังธาตุสร้างหอก หินจากด้านหลังของไป๋จูเหวิน แน่นอนว่าหอกหินแทงไป๋จูเหวินไม่เข้า แต่มันก็กระแทกร่างของไป๋จูเหวินจนได้รับบาดเจ็บ แต่นั่นก็ทําให้ผานสิ่งรู้สึกประหลาดเป็นอย่างมาก ในใจของมันยามนี้รู้สึกราวกับเด็กทารกกําลังเล่นงัดข้อกับผู้ใหญ่อย่างสูสีเลย

 

ผลักๆๆๆ ฝ่ามือบังคับหกผักษาโจมตีลงมาจากระยะไกล ทําให้ร่างของผานสิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง แต่มันที่รับฝ่ามือเพลิงพิโรธราวกับฝ่ามือธรรมดานั้นไม่สะดุ้งสะเทือนกับฝ่า มือบังคับหกปักษาเป็นแน่ ที่ไป๋จูเหวินทําเพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น

 

“หัวหน้า” ขณะผานสิงกําลังจะบุกเข้าไปโจมตีไป๋จูเหวิน อีกครั้ง ลูกน้องของผานสิ่งก็ตะโกนออกมา ทําให้มันมีเวลากลับไปสนใจเบื้องหลังอยู่บ้าง ตอนนี้ลุกน้องของมันตายเกือบหมดแล้ว ที่ยังมีชีวิตก็โดนจับเอาไว้ไม่กี่คน ท่าทางจะเป็นมันเองที่ดูถูกกลุ่มนักล่าอสูรเกินไป

 

“ดี แบบนี้ก็ไม่ต้องแบ่งเงินใครล่ะ”ผานสิ่งยิ้มพลางยกกระบองพาดไหล่ จิตสังหารที่มันแผ่ออกมาทําเอาคน ของกลุ่มนักล่าอสูรที่อยู่รอบๆขนลุก ท่าทางมันจะเพิ่มพลังขึ้นอีกแล้ว

 

ตูม! ขณะที่ผานสิ่งหันไปดูพวกพ้องตนเอง นั่นเป็นเวลามากพอที่จะให้ไป๋จูเหวินได้รวบรวมพลังเพื่อใช้ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสํานึก ทําให้ผานสิ่งที่อยู่ห่างออกไปเบิกตากว้าง ฝ่ามือเพลิงผลายคล้อยสํานึกคราวนี้รุนแรงกว่าคราวที่แล้ว มากทําให้ผานสิ่งได้แต่รับเอาไว้อย่างเดียวไม่อาจเคลื่อนไหวไปข้างหน้าได้เลย

 

ฟุบ! ร่างของไป๋จูเหวินอยู่ๆก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าผานสิ่งไม่ทราบมันพุ่งตัวมาตอนไหนหรือ หยุดปล่อยท่าฝ่ามืออเพลิงผลาญคล้อยสํานึกเมื่อไหร่ แต่ด้วยความเร็วระดับนี้ทําเอาผานสิงถึงกับขนลุก

 

ตูม! ความเร็วที่เกิดจากท่าก้าวอันรวดเร็วของฝ่ามืออัสนีข้ามฟ้าทําให้เกิดแรงสะสมจนสร้างความเสียหายให้กับเกราะของผานสิ่งอย่างรุนแรง และนั่นก็ ทําให้ไป๋จูเหวินได้ช่องทางใช้อีกฝ่ามือหนึ่ง

 

เปรี้ยง! ฝ่ามือตราประทับอัสนีส่งพลังเข้าเล่นงานภายใน ของผานสิงทําเอาผานสิ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่พลังคุ้มกายของมันก็ไม่ได้อ่อนแอ ความเสียหายเท่านี้ไม่ อาจล้มผานสิ่งลงได้เลย

 

ตูม!! ผานสิ่งฟาดกระบองลงมาตรงหน้า เพื่อบีบให้ไป๋จูเหวินถอยออกไป มันจึงใช้ฝ่ามือตราประทับอัสนีไป ไม่อาจรวบรวมพลังเพื่อใช้ฝ่ามือเพลิงพิโรธหรือ เพลิงผลาญคล้อยสํานึกได้

 

เปรี้ยงๆๆๆๆๆ แต่ถึงอย่างนั้นไป๋จูเหวินก็ยังมีพลังพอที่ จะใช้ฝ่ามือประกานอัสนีออกมาเพื่อขัดจังหวะผานสิ่งได้ แน่นอนว่าฝ่ามือเหล่านี้ไม่อาจทําลายเกราะหินของผานสิ่งได้เลย แต่มันก็สามารถโจมตีซ้ําลงไปในรอยร้าวที่เกิดจากฝ่า มืออัสนีข้ามฟ้าได้ ทําให้การฟื้นตัวของเกราะหินของผานสิ่งช้าลงมาก

 

“…”ผานสิ่งที่โดนกระหน่ําโจมตีถึงกับพูดอะไรไม่ออก เจ้าเด็กนี้หากมันขึ้นระดับเทียนเซียนเมื่อไหร่คงเก่งกาจเหนือใครเป็นแน่ ยามนั้นตัวมันที่เคยสู้กับมันคงเป็นศัตรูกับมันอีกแน่นอน ในใจของผานสิ่งยามนี้บังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา ก่อนที่มันจะฝืนยกกระบองขึ้นฟาดใส่พื้นดินตรงหน้า จนกลายเป็นกําแพงดินขึ้นมาขวางระหว่างพวกมันเอาไว้

 

“ต้องฆ่า…”ผานสิงว่าพลางปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างจริงจัง มันไม่สนคําสั่งของสมาคมแพทย์อีกแล้ว มันจะไม่จับไป๋จูเหวินไปส่ง แต่จะฆ่ามันตรงนี้แทน

 

ตูม! ผานสิ่งฟาดกระบองใส่กําแพงตรงหน้าทําให้เศษกําแพงพุ่งเข้าใส่ไป๋จูเหวินในทันที

 

ตูมๆๆๆ อยู่ๆท่าร่างของผานสิ่งก็เปลี่ยนไป แต่เดิมมันใช้กระบวนท่าที่หนักแน่นทรงพลังแต่คราวนี้มันเปลี่ยนไปใช้วิชาที่เน้นความเร็วเป็นหลัก เมื่อครู่มันได้เห็นแล้วว่าไป๋จูเหวินไม่อาจใช้ฝ่ามือเพลิงพิโรธออกมาได้อย่างต่อเนื่องนัก แต่ละฝ่ามือมันต้องใช้เวลารวบรวมพลังชั่วอึดใจเพื่อจะซัดออกมา

 

ผลัก! เมื่อเริ่มเปลี่ยนเป็นกระบวนท่าเน้นความเร็ว ความห่างด้านกําลังของผานสิ่งก็ชิงความได้เปรียบมาจนได้ไป๋จู ไม่อาจรับกระบองของมันได้ทั้งหมด และมันก็ไม่จําเป็นต้องใช้ท่าที่หนักหน่วงเพื่อทําร้ายไป๋จูเหวินเพราะแต่เดิมมันก็ มีกําลังเหนือกว่าไป๋จูเหวินอยู่แล้ว

 

เปรี้ยงๆๆๆ ไป๋จูเหวินพยายามใช้ฝ่ามือประกายอัสนีต้านผานสิงเอาไว้ แต่เพียงขยับครึ่งเดียวฝ่ามือประกายอัสนีก็ถูกผานสิงฟาดทิ้งไปจนหมด

 

ตูม!! ผานสิ่งฟาดกระบองลงบนไหล่ของไป๋จูเหวินอย่างจังทําให้พลังศักดิ์สิทธิ์เข้ามารักษาบาดแผลของไป๋จูเหวินทันที นั่นยิ่งทําให้พลังต่อสู้ของไป๋จูเหวินตกลงไปอีก

 

ผลัก! คราวนี้กระบองของผานสิ่งกระแทกเข้าที่ท้องของไป๋จูเหวินอีกครั้ง ระดับพลังของทั้งสองห่างกัน มากเกินไปแต่แรกแล้ว แค่ไป๋จูเหวินสามารถล้มลูกน้องของมันที่เกือบจะเป็นระดับเทียนเซียนได้ และสู้กับผานสิงอย่างสูสีเช่นนี้ได้ก็นับว่าเหลือเชื่อมากแล้ว

 

“ตายซะ” ผานสิ่งว่าพลางเหวี่ยงกระบองอัดใส่หัว ของไป๋จูเหวินเต็มๆ แต่โชคดีที่ไป๋จูเหวินยกแขนขึ้นมาป้องกันเสียก่อน แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากรับกระบองนี้ ไปไป๋จูเหวินก็เข่าทรุกไม่อาจเคลื่อนไหวหลบอีกกระบองครั้งต่อไปได้อีก

 

ตูม! กระบองของผานสิ่งทุบลงบนร่างของไป๋จูเหวินอีกครั้ง แม้จะใช้แขนรับเอาไว้แต่ก็สร้างความเสียหายไปทั้งร่าง

 

ตูม!ขาของไป๋จูเหวินทรุดลงกับพื้นทั้งสองข้าง ทําให้ยามนี้ ไป๋จูเหวินอยู่ในท่านั่งไปแล้ว ยามนี้พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์เร่งพยายามรักษาร่างของตนเอาไว้อย่างหนัก แต่นั่นก็ทําให้พลังของมันไม่เหลือพอจะใช้กระบวนท่าที่รุนแรงพอเลย

 

เปรี้ยง! อยู่ๆความเจ็บปวดของไป๋จูเหวินก็หายไป ทั้งนี้เพราะกระบองไม่ได้ฟาดลงมาใส่ร่างของไป๋จูเหวินนั่นเอง

 

“อาวุโส 2”ไป๋จูเหวินเบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าคนที่มา ช่วยตนจะเป็นอาวุโส 2 นั่นหมายความว่าท่านกลับมาจากการฝึกฝนวิชาแล้วงั้นหรือ

 

วูบ! ดวงตาของไป๋จูเหวินเปลี่ยนเป็นสีม่วงทันที่เพื่อตรวจ สอบคนรอบข้างนอกจากอาวุโส 2 แล้วอาวุโสคนอื่นๆต่างก็ปรากฏตัวแล้วเช่นกัน รวมทั้งรองหัวหน้าและ…

 

เปรี้ยง!! กระบี่สีแดงสดของหวงหลงแทงใส่ร่างของผานสิงอย่างรุนแรงจนร่างของผานสิ่งเซไปด้านหลังราวกับโดนอะไรบางอย่างชนเข้าใส่ โชคดีที่มันยกกระบองขึ้นมากันทัน ไม่อย่างนั้นอกมันได้ทะลุไปแล้ว

 

“สมกับเป็นผานสิ่งจอมอันธพาล ไม่ลังเลที่จะลงมือกับเด็กเลยสินะ” หวงหลงว่าพลางปลดปล่อยพลังเซียนออกมาด้วยท่าที่โมโหอย่างมาก พลังเซียนของหวงหลงยามนี้กลับสูงกว่าก่อนเก็บตัวฝึกวิชามาก

 

“เทียนเซียน ขั้นที่ 2…”ผานสิ่งเบิกตากว้าง แต่เดิมหวงหลงพึ่งสําเร็จขั้นเทียนเซียนขั้นที่ 1 ได้ไม่นาน มันกลับเลื่อนเป็นเทียนเซียนขั้นที่ 2 เสียแล้ว กลุ่มนักล่าอสูรนี่มันบ้าอะ ไรกัน

 

เปรี้ยง! กระบี่ดาวตกที่หวงหลงฝึกมานั้นเร็วและรุนแรงกว่าที่เหม่ยหลินใช้ออกมามากมายนัก ด้วยความสามารถของหวงหลงยามนี้เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็กดผานสิ่งล้ม ลงนอนกับพื้นได้อย่างไม่ยากเย็น

 

“ตาย” หวงหลงพูดเพียงสั้นๆก่อนจะปาดกระบุลงไปที่ลําคอของผานสิงเพื่อจบชีวิตมันในทันที

 

“อาวุโสทุกคนเข้าไปจัดการกลุ่มของตนซะ ตรวจเช็คความเสียหายแล้วกลับมารายงานข้า” หวงหลงว่าพลสงสะบัดเลือดออกจากกระบี่ของตน เมื่อเห็นศัตรูพ่ายแพ้ไปแล้ว ไป๋จูเหวินที่นั่งอยู่กับพื้นก็เอนตัวลงนอนอย่างโล่งอก ชั่วครู่หนึ่งมันคิดว่าตนจะตายเสียแล้ว